google search

Google

สามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่นี่เลย

clock

ปฏิทิน

Blog Archive

เทคโนโลยีทันสมัย

ภาพถ่ายนักเรียนน่ารักๆ-วัยรุ่น-นักศึกษา-นางแบบ-ดารา

สาวสวยเซ็กซี่-สาวน่ารัก

วิทยาศาสตร์

รูปแปลก-ภาพแปลก-ภาพขำขำ

เรื่องน่ารู้ทั่วไป

สัตว์บก-สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ -สัตว์น้ำ -สัตว์ปีก -สัตว์เลื้อยคลาน -สัตว์ในวรรณคดี

BlogRoll

7 สิ่งมหัศจรรย์ยุคกลาง

7 สิ่งมหัศจรรย์ยุคปัจจุบัน

จระเข้ประหลาดในยุคครีเตรเซียส

Miami : สวรรค์...หรือดินแดนอาชญากรรม

ไขปริศนาปลาพญานาค

7 สิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ

การกลับมาของ "อเล็กเซย์" เมื่อราชวงศ์โรมานอฟได้คืนชีพ ?!

ปลาหมึกยักษ์ อสูรร้ายใต้สมุทร

แกะปมปริศนาลำแสงมรณะของอาร์คิมิดีส

ความเชื่อในสิ่งลึกลับ : หมอผีวูดู

นอสตราดามุส ผู้หยั่งรู้ฟ้าดิน

The Witch Hunts : การล่าแม่มด

ตำนานแม่มดแห่งเมือง Blair

flag

free counters

เรียวมะ ซาคาโมโต : บุรุษทรนง

ยอดชู้รักแห่งประวัติศาสตร์

ตำนานมนุษย์หมาป่า

สยามประเทศ ก่อนปรากฏบนแผนที่โลก

การกลับมาของโรคระบาด

ตามหา"ไอ้ตีนโต" มนุษย์วานรดึกดำบรรพ์

มหันตภัยธรรมชาติในอนาคต

มังกรมีจริงหรือเพียงแค่ตำนาน ?

สูตรลึกลับของเครื่องดื่ม โคคา-โคล่า

ปริศนารูปถ่ายของยูนิคอร์น

ภาพถ่ายวิญญาณจากต่างแดน

ภาพถ่ายวิญญาณ (ภาค2)

ภาพถ่ายศพนางเงือก

ปริศนาสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า

ภาพถ่ายวิญญาณ

เรื่องสยองที่ abac

ภาพถ่ายวิญญาณของไทย

ผีในการท่องเที่ยว

ซุปเด็กสุดสยอง

สิ่งก่อสร้างที่น่ามหัศจรรย์ของโลก

ตัวอะไรเนี่ย

photo หน้า...น่าเกลียด

15 โรงแรมแปลก แหวกแนวสุดยอด

''โคลอสเซียม'' : สังเวียนแห่งความตาย

1 วัน ไม่ได้มี 24 ชั่วโมง ( A day is 23 hours 56 minutes 4 seconds )

"นาซ่า"มั่นใจดาวอังคาร เคยมีน้ำ-เดินหน้าหาสิ่งมีชีวิต

ว่าด้วยเรื่องแปลกๆ ของไก่

เปิดตำนานกรุสมบัติวัดราชบูรณะ

อาถรรพณ์ปูโสม : วิญญาณเฝ้าทรัพย์

นักเล่านิทานบันลือโลก

มัมมี่แห่งศตวรรษที่ 21

ไดโนเสาร์สูญพันธุ์เพราะเหตุใด ?

ผู้ติดตาม

friend

วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2553





http://05037265.linkbucks.com part 1

http://8da478c9.linkbucks.com part 2

http://782bc1b3.linkbucks.com part 3

http://986c8d4e.linkbucks.com part 4









http://6f548e12.linkbucks.com part 1

http://226424bd.linkbucks.com part 2

http://328617f0.linkbucks.com part 3

http://4b2b6b58.linkbucks.com part 4

http://e11a9332.linkbucks.com part 5












MV เพลง เถียง Feat.แก้วffkby Mila



ลัชดา สมญาติ (เจ้าหน้าที่เวชสถิติ 5)



เครียด เป็นภาระที่ทุกคนไม่อยากประสบพบพาน แต่คงไม่มีใครที่ไม่เคยเครียด ดังนั้นมาทำความรู้จักกับความเครียด และวิธีการคิดเพื่อที่จะได้ไม่เครียดกันดีกว่า
ความเครียด เป็นเรื่องของร่างกายและจิตใจ ที่เกิดจากการตื่นตัวเตรียมรับกับสถานการณ์ หรือเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง ซึ่งคาดว่าเป็นเรื่องที่เกิดกำลังความสามารถที่จะแก้ไขได้ ทำให้รู้สึกหนักใจ เป็นทุกข์และส่งผลทำให้เกิดอาการผิดปกติ ทั้งทางร่างกายและจิตใจตามไปด้วย
ความเครียดนั้นมีกันทุกคน แต่ละมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาการคิดการประเมินสถานการณ์ของแต่ละคน ถ้าคิดว่าปัญหาไม่ร้ายแรงแก้ไขได้โดยง่าย ก็จะไม่เครียด แต่ถ้าหากว่าปัญหานั้นยิ่งใหญ่ ร้ายแรง แก้ไขลำบาก ก็จะทำให้เครียดมาก หากว่ามีความเครียดในระดับที่พอดี ๆ ก็จะช่วยให้มีพลัง มีความกระตือรือร้นในการต่อสูงชีวิต ฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ ได้ ซึ่งนี่เองคือข้อดีของความเครียด ไม่ใช่ว่าเครียดจะไม่มีส่วนดี ๆ เอาเสียเลย
สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดความเครียดมี 2 ประการคือ
1. สภาพปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิต เช่น ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาครอบครัว ปัญหาสังคม ปัญหาการปรับตัว ปัญหาการเรียน ฯลฯ ปัญหาเหล่านี้ล่วนเป็นตัวกระตุ้นอย่างดีที่จะทำให้เกิดความเครียดได้
2. การคิดและการประเมินสถานการณ์ของบุคคล จะสังเกตได้ว่าคนที่มองโลกในแง่ดี มีอารมณ์ขัน ใจเย็น จะมีความเครียดน้อยกว่าคนที่มองโลกในแง่ร้าย เอาจริงเอาจัง ใจร้อนและวู่วาม
จากสาเหตุที่สำคัญนี้ ความเครียดจะไม่เกิดจากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่จะเกิดจากทั้งสองสาเหตุประกอบกันคือ มีสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตเป็นตัวกระตุ้น แล้วมีความคิดและการประเมินสถานการณ์เป็นตัวบ่งว่าจะเครียดมากเครียดน้อยเพียงใด
เมื่อปัญหากระตุ้นให้เกิดความเครียด การลดความเครียดจึงจำเป็นที่จะต้องรู้วิธีคิดที่ถูกต้องเหมาะสม ซึ่งวิธีคิดที่เหมาะสมได้แก่
1. คิดในแง่ยืดหยุ่นให้มากขึ้น อย่าเอาจริงเอาจัง เข้มงวดจับผิด หรือตัดสินถูกผิดตัวเอง หรือผู้อื่นตลอดเวลา รู้จักผ่อนหนัก ผ่อนเบา ผ่อนสั้น ผ่อนยาว ลดทิฐิมานะและที่สำคัญควรรู้จักการให้อภัยก็จะทำให้ชีวิตมีความสุขขึ้น และมีความเครียดน้อยลง
2. คิดอย่างมีเหตุผล ไม่ด่วนเชื่ออะไรง่าย ๆ ไม่ด่วยสรุปอะไรง่าย ๆ ให้พยายามใช้เหตุผลตรวจสอบข้อเท็จจริง ความเป็นไปได้ ไตร่ตรองให้รอบคอบ เพราะนอกจากจะไม่ทำให้ตกเป็นเหยื่อให้ใครหลอกเอาง่าย ๆ แล้ว ยังสามารถตัดความกังวลใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปได้อีกด้วย
3. คิดหลาย ๆ แง่มุม มองหลาย ๆ ด้าน ทั้งด้านดีและไม่ดี พึงระลึกไว้เสมอว่า ทุกอย่างมีข้อดีและข้อไม่ดีประกอบกันทั้งสิ้น จึงไม่ควรมองด้านใดด้านหนึ่งเพียงด้านเดียวให้ใจเป็นทุกข์ และที่สำคัญ ควรหัดคิดหัดมองในมุมของคนอื่นด้วย อย่างที่เขาเรียกว่าเอาใจเขามาใส่ใจเรา ก็จะช่วยให้เรามองอะไรได้กว้างไกลกว่าเดิม
4. คิดแต่เรื่องดี ๆ เพราะหากว่าเราคิดแต่เรื่องร้าย ๆ เรื่องความล้มเหลวผิดหวังหรือเรื่องที่เป็นทุกข์ ก็จะทำให้เครียดมากขึ้น ควรคิดถึงเรื่องดี ๆ ให้มาก ๆ นอกจากไม่ทำให้เครียดแล้วยังทำให้สบายใจมากขึ้นด้วย
5. คิดถึงคนอื่นบ้าง อย่าหมกมุ่นแต่เรื่องของตัวเองเท่านั้น เปิดใจให้กว้างรับรู้ความรู้สึกและความเป็นไปของคนอื่นและคนใกล้ชิด ใส่ใจที่จะช่วยเหลือแก้ไขปัญหาของผู้อื่นในสังคม บางครั้งจะพบว่า ปัญหาหรือความเครียดที่กำลังเผชิญอยู่นั้นเป็นเรื่องเล็กนิดเดียวเมื่อเทียบกับปัญหาของผู้อื่น ซึ่งความรู้สึกแบบนี้จะทำให้เครียดน้อยลง จะช่วยให้รู้สึกดีขึ้น และยิ่งถ้าสามารถช่วยให้ผู้อื่นแก้ไขปัญหาได้ ก็จะทำให้สุขใจมากขึ้นเป็นทวีคูณเลยทีเดียว

คนจีนเชื่อกันว่า เมื่อตายไปแล้วจะไปยังอีกภพโลกหนึ่ง เรียกว่า "อิมกัง" ดังนั้นลูกหลานจึงต้องส่งเงินทองไปให้ เพื่อแสดงความกตัญญู ด้วยการไหว้เจ้า แล้วเผากระดาษเงินกระดาษทองไปให้ และการไหว้เจ้ายังเป็นสิริมงคลแก่ลูกหลาน ให้มีความสุขความเจริญ ซึ่งกระดาษเงินกระดาษทองบางแบบใช้ไหว้เจ้า บางแบบใช้ไหว้บรรพบุรุษ

กอจี๊ หรือ จี๊จุ้ย เป็นกระดาษเงินกระดาษทองชิ้นใหญ่ มีกระดาษแดงตัดเป็นลายตัวหนังสือว่า "เผ่งอัน" เป็นคำอวยพร แปลว่า โชคดดีใช้สำหรับไหว้เจ้าที่ ไหว้เทพยดาฟ้าดิน

กิมจั้ว หรือ งึ้งจั๊ว หมายถึงกระดาษเงินกระดาษทอง เวลาจะไหว้จะทำเป็นชุด ก่อนไหว้ลูกหลานจ้องนำมาพับเป็นรูปดอกไม้ ใช้ไหว้ได้ทุกอย่าง

กิมเต้า หรือ งึ้งเต้า หรือถังเงินถังทอง ใช้ไหว้เจ้าที่ ไหว้เทพยดาฟ้าดิน

กิมเตี๊ยว คือ แท่งทอง ใช้ไหว้บรรพบุรุษ ไหว้คนตาย

ค้อซี คือ กระดาษทอง ก่อนใช้ให้พับเป็นรูปร่างก่อน เช่น พับเป็นเรือ เรียกว่า "เคี้ยวเท่าซี" เชื่อกันว่าการพับเรือ จะไก้มูลค่าสูงกว่าการพับอย่างอื่นใช้ไหว้ได้ทุกอย่าง รวมทั้งไหว้คนตาย โดยเฉพาะพิธีทำกงเต๊ก ลูกหลานต้องพับค้อซี ให้มากที่สุด

อิมกังจัวยี่ คือแบงก์กงเต็กนั่นเอง

อ่วงแซจิ่ว ใช้เผาเป็นใบเบิกทาง ไปสวรรค์สำหรับผู้ตาย

เพ้า คือ ชุดของเทพเจ้า คล้ายกับที่คนไทยถวายผ้าห่มพระพุทธรูป มีการทำของเจ้าหลายองค์ เช่น ชุดของเจ้าแม่กวนอิม เจ้าแม่ทับทิม พระพุทธ

ตั้วกิม เป็นกระดาษเงินกระดาษทองที่ญาติสนิทนำไปไหว้ผู้ตายการเผากระดาษเงินกระดาษทองจะต้องทิ้งไว้สักพัก


fw

ความอดทนเป็นสิ่งที่เจ็บปวดที่สุด
สำหรับชีวิตที่ตีกรอบความอ่อนแอล้อมตัวเองไว้
แม้จะเป็นเรื่องที่ยากในการผ่านคืนบางคืนหรือวันบางวัน
ที่สายลมแรงมาพร้อมกับพายุโหมกระหน่ำ

เมื่อเรือเล็กๆ กลางทะเลไม่อาจเดินทางต่อไปได้
การหยุดและประคับประคองเรือไว้
จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
ท่ามกลางสายลมที่พัดกระหน่ำในกลางคืนมืด
นอกจากแสงปลาบแปลบของสายฟ้าจะไม่ส่องทางแล้ว
ยังนำความหวาดกลัวให้กับหัวใจที่อ่อนล้าสาหัส

ริมฝีปากจะแห้งโหย...และเค็มขื่นไปด้วยน้ำทะเลปนน้ำตา
การเป็นสิ่งมีชีวิตที่หมุดวนอยู่กลางคลื่นยักษ์ไม่รู้ทิศรู้ทาง
มีแต่จะถูกซัดเกลียวให้สาดกระทบโขดหินจนบอบช้ำ
การเดินทางย่อมมีจุดหมายมีปลายทาง...
แต่การเดินเรือไม่มีทางเลี่ยงพายุ

เรือลำเล็กจะข้ามผ่านไปได้อย่างไร...
ไม้พายเล็กๆ หรือจะทวนกระแสน้ำอันเชี่ยวกราก
กราบเรือบางๆ หรือจะด้านเกลียวคลื่นที่สาดซ้ำ
เรื่องบางเรื่องอาจจะทำให้เราจะเป็นจะตาย
และบีบบังคับเราให้หาทางสู้จนสับสน
และวิ่งวนคว้างไม่มีทางออก...ไม่มีทางเลือก

ไม่มีใครรู้หรอกว่าหากหยุดวิ่งแล้วอยู่นิ่งๆ สักพัก
ที่ที่ยืนพิงอยู่...อาจเป็นประตูก็ได้
เสี้ยววินาทีแห่งการหยุด...อาจทำให้เราถึงที่หมายช้า
หรือบางทีอาจต้องทำให้เรากลับมาเริ่มต้นเดินทางใหม่
แต่การกลับมาเริ่มต้นใหม่...ลมหายใจยังมีอยู่

จุดมุ่งหมายอาจเป็นสิ่งสำคัญ แต่ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด
การประคองเรือให้อยู่นิ่งๆ เพื่อผ่านพายุต่างหาก
ที่สำคัญกว่า...
เพราะถ้าเรือแตก...ไม่ใช่เพียงแค่จะไม่มีจุดหมาย
แต่จะไม่มีแม้แต่การเดินทาง

หากสับสน...ลองหยุดนิ่ง
หากเหนื่อยล้า...ลองหยุดพัก
...ช้าสักก้าว...
แล้วเดินต่อไป
ความสุขสดใสอยู่ข้างหน้า
ความหวังมีจุดหมายอยู่ปลายทาง







fw mail

บ่อยครั้งที่ชีวิตผิดพลาด..ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็แล้วแต่
เรามักจะเอาสมาธิไปจดจ่ออยู่กับความผิดพลาดนั้น
ซ้ำเติมตัวเองให้ทุกข์...ให้เสียใจ...
และพยายามจะสร้างคำถามเพื่อค้นหาคำตอบให้ตัวเองอยู่เสมอ



ทั้งๆ ที่เราก็รู้ว่าคำตอบที่สร้างขึ้นมานั้น มัน " ไม่ใช่ความจริง"...
ที่จะทำให้เราหลุดพ้นจากความเสียใจนั้นได้เลย...



เราจึงยอมติดกับดักความเสียใจอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
และกลายเป็นทาสของมันอย่างรู้ตัว...



รู้ว่าเสียใจแต่ก็ไม่ทำให้อะไรมันดีขึ้นมา
และเราก็ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตได้
แต่ทำไมเรายังเป็นทุกข์กับการเลือกที่จะเสียใจ
และทำชีวิตให้มันแย่ลงกว่าเดิมทุกวันๆ...



ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่ารสชาติของมันสุดแสนจะขมขื่นมากมายเพียงใด



เพราะ " เราเริ่มต้นใหม่ไม่เป็น"...
เราเลยยังทุกข์ระทมไปกับความผิดพลาดของชีวิต



สิ้นสุดแล้วแต่ก็เริ่มต้นใหม่ไม่ได้...
ไปไม่เป็น...เหมือนจะมองเห็นทาง...



แต่ก็เลือกที่จะปิดหู ปิดตา และไม่พยายามจะเปิดใจ
เราจึงต้องอยู่กับความเศร้าเสียใจอยู่ทุกคืนทุกวัน
ตอกย้ำความผิดพลาดให้ตัวเองอยู่อย่างนั้น...



ลองมองดูวิถีดอกทานตะวันบ้างสิ..ชีวิตมีแต่ความเบิกบาน
เพราะรู้จักที่จะใช้ชีวิตไปพร้อมๆ กับแสงตะวัน
แสงสว่างที่ส่องนำทางให้ชีวิตทุกชีวิต..." ยังคงมีชีวิต"...



แม้ยามที่ดอกทานตะวันร่วงโรย...
ก็ยังคงทิ้งเมล็ดพันธุ์ให้เจริญเติบโต...
งอกงามและรับแสงตะวันได้ใหม่อีกครั้ง



เพราะฉะนั้นเราต้องไม่ปิดตัวเอง...
แล้วจมอยู่กับความคิดที่ว่าชีวิตต้องเริ่มต้นใหม่ไม่ได้



อย่าทำร้ายตัวเองด้วยการเศร้าเสียใจ...
แล้วปล่อยให้ชีวิตมันไหลไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีคุณค่าและไร้จุดมุ่งหมาย...



จงใช้ชีวิตให้เป็นดั่งเช่นดอกทานตะวัน...
แม้ยามผิดพลาด เสียใจ ก็จะมีทางออกของชีวิตเสมอ



อับจนหนทางอย่างไร แสงสว่างจากดวงตะวัน
ก็จะคอยส่องทางให้เราได้พบเจอทางออก



"ชีวิตเราจึงมีทางออก ตราบใดที่บนโลกใบนี้ยังมีทิศตะวันออก"...



แม้ว่าชีวิตจะยังมืดมน จะยังคงจมอยู่กับความผิดพลาด เศร้าใจ
ก็จงเศร้าให้ถึงที่ สุด เสียใจ ก็จงเสียใจเสียให้พอ



หากยังร้องไห้ ขอให้ระบายน้ำตาออกมา อย่ากักเก็บมันไว้ ...
เมื่อเราเสียใจอย่างถึงที่สุดแล้ว เราต้องกล้าลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเอง
และพร้อมที่จะเป็นคนใหม่ ที่ใช้บทเรียนจากอดีต...
เป็นเหมือนเข็มทิศคอยช่วยบอกทางแก่ชีวิต เพราะ...



" ความเศร้านั้นมีข้อดีข้อเสียในตัวมันเอง
ข้อเสียคือทำให้เราโศกาอาดูร
แต่ข้อดีของมันคือ...
สอนให้เรารู้ว่าเราจะไม่ผิดพลาดตรงนี้อีก
เราจะต้องไม่ร้องไห้ให้กับมันอีก..."



ใครบางคนเคยบอกเอาไว้ตอนที่เสียใจกับความผิดพลาดของชีวิต...
เพราะฉะนั้นแล้วเกิดเป็นคน มีความรู้สึกรู้สาเหมือนกันหมด
สามารถเศร้าเสียใจกับอดีตที่ผิดพลาดได้เหมือนกันหมด
และก็เริ่มต้นใหม่เหมือนกันหมดเช่นเดียวกัน...



ขอเพียงกล้าที่จะเป็นนกปีกหักที่พร้อมจะรักษาตัวเอง
และออกเดินทางได้โดยไม่กลัวว่าหนทางข้างหน้า...
จะผิด พลาดซ้ำสอง อย่าลืมนะว่า ...



" เรามีโอกาสผิดพลาดได้บ่อยครั้งเท่าไหร่ เราก็เดินถูกทางมากขึ้นเท่านั้น..."

ทีมนักวิจัยขั้วโลกเผย น้ำแข็งที่ปกคลุมขั้วโลกระหว่างฤดูร้อน จะหายเกลี้ยงภายใน 20-30 ปี แต่จะถอยร่นลงไปมากก่อนหน้านั้น อีกไม่เกิน 10 ปี...

ทีมนักวิจัยขั้วโลกกล่าวแจ้งว่า ชั้นน้ำแข็ง ที่ครอบคลุมขั้วโลกเหนือจะละลายหายลงหมด ในช่วงเดือนฤดูร้อน ของ 20-30 ปีข้างหน้านี้ ทีมนักวิจัยซึ่งเดินทางไปกับกองสำรวจ ของนักสำรวจขั้วโลกผู้ชำนาญ นายเพน ฮาโดว์ ได้เดินทางสำรวจขั้วโลกเหนือมา 73 วัน ได้ตรวจวัดความหนา ของชั้นน้ำแข็งและสังเกตการณ์ทะเลน้ำแข็ง ไม่ต่ำกว่า 6,000 ครั้ง

ศาสตราจารย์ปีเตอร์ แวดแฮมส์ หัวหน้าทีมนักฟิสิกส์มหาสมุทรขั้วโลก ของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ซึ่งร่วมคณะไปด้วยกล่าวว่า

"น้ำแข็งที่ปกคลุมขั้วโลกระหว่างฤดูร้อน จะหายลงเกลี้ยงภายในเวลา 20-30 ปี แต่มันจะถอยร่นลงไปมากก่อนหน้านั้น อีกไม่เกิน 10 ปี น้ำแข็งอาร์กติกจะต้องถือว่าเป็นทะเลเปิด" เขาบอกต่อไปว่า "โดยปกติน้ำแข็งจะหนาเฉลี่ย 1.8 เมตร ตามแบบของปีแรก และจะบางลงมากในช่วงฤดูร้อน แต่ ในระยะหลายปีมานี้ มันได้หดลงอย่างรวดเร็ว"ดร.มาร์ติน ซอมเมอกอร์น ที่ปรึกษาปัญหาสภาพลมฟ้าอากาศ เปลี่ยนแปลง ของกองทุนเวิลด์ไวด์ โลก กล่าวว่า "หากว่าขั้วโลกหมดน้ำแข็ง เราจะต้องถูกทิ้งให้ เผชิญกับโลกที่แตกต่างออกไปและอบอุ่นมากขึ้น".



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ


1."เราต่างกันเกินไป" (แหมประโยคนี้ทำให้ต้องถามกลับว่า แล้วเธอมาจากดาวไหนล่ะ?)


2. "เราไปด้วยกันไม่ได้หรอก" (จะไปไหนเหรอ? ถึงไปด้วยกันไม่ได้)


3. "ยังมีคนอื่นที่ดีกว่าฉันนะ" (แน่น้อนนน!! รู้อยู่แล้ว )


4. "เธอไม่ใช่" (ไม่ใช่อารายเหรอ?)


5. "เธอไม่ใช่คนนั้น" (อืม...แล้วคนไหนล่ะ?)


6. "ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างนะ" (ดี ไม่เปลือง)


7. "ฉันอยากมีพี่ชาย(น้องสาว)" (ผมไม่อยากได้น้องสาวนี่,ฉันไม่ได้อยากมีพี่ชาย)


8."ฉันชอบเธอแบบพี่ชาย(น้องสาว) มากกว่า" (งั้นผมคงเป็นพี่ชายคนที่ 8
ของเธอ,ฉันคงเป็นน้องสาวคนที่ 9 ของเธอ)


9."มันสายไปแล้วล่ะ" (จริงๆ น่าจะจบกันตั้งนานแล้วนะ ฮ่าๆ)


10."เราจบกันแค่นี้นะ" (อ้าว ! แล้วจะให้จบแค่ไหนอ่ะ)


11."เธอเป็นคนดีเกินไป" (ชอบคนเลวใช่ม่ะ...ด้ายยยย)


12."เธอก็น่าจะรู้" (ฉันไม่ได้มีพลังจิตอ่านใจคนได้นี่)


13."เธอไม่เข้าใจฉัน" (แล้วจะให้เข้าไปทางไหนล่ะ)


14."เราเป็นแค่เพื่อนกันดีกว่านะ" (เพื่อนมีเยอะแล้ว...เพื่อนมีแยะแล้ว)


15."เธอตัดใจซะเถอะ" (ตัดก็ตาย เด้)


16."เราเหมือนเส้นขนานกันนะ" (เส้นขนานอย่างน้อยก็ไปด้วยกันได้)


17."นึกถึงความจริงบ้างสิ" (แล้วนี้ฉันฝันอยู่หรือ)






ขอขอบคุณ : บอร์ดโพสต์จัง

รวมสาวสวยมากมาย

ข้อมูลนก

ปลาสวยงาม-ตู้ปลาสวยงาม-ข้อมูลปลาทะเล

อาหารสมอง-วาไรตี้

เรื่องขำขัน

สูตรอาหาร-อาหารน่ากิน-ขนมหวานน่าอร่อย

ภาพปริศนา