google search

Google

สามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่นี่เลย

clock

ปฏิทิน

Blog Archive

เทคโนโลยีทันสมัย

ภาพถ่ายนักเรียนน่ารักๆ-วัยรุ่น-นักศึกษา-นางแบบ-ดารา

สาวสวยเซ็กซี่-สาวน่ารัก

วิทยาศาสตร์

รูปแปลก-ภาพแปลก-ภาพขำขำ

เรื่องน่ารู้ทั่วไป

สัตว์บก-สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ -สัตว์น้ำ -สัตว์ปีก -สัตว์เลื้อยคลาน -สัตว์ในวรรณคดี

BlogRoll

7 สิ่งมหัศจรรย์ยุคกลาง

7 สิ่งมหัศจรรย์ยุคปัจจุบัน

จระเข้ประหลาดในยุคครีเตรเซียส

Miami : สวรรค์...หรือดินแดนอาชญากรรม

ไขปริศนาปลาพญานาค

7 สิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ

การกลับมาของ "อเล็กเซย์" เมื่อราชวงศ์โรมานอฟได้คืนชีพ ?!

ปลาหมึกยักษ์ อสูรร้ายใต้สมุทร

แกะปมปริศนาลำแสงมรณะของอาร์คิมิดีส

ความเชื่อในสิ่งลึกลับ : หมอผีวูดู

นอสตราดามุส ผู้หยั่งรู้ฟ้าดิน

The Witch Hunts : การล่าแม่มด

ตำนานแม่มดแห่งเมือง Blair

flag

free counters

เรียวมะ ซาคาโมโต : บุรุษทรนง

ยอดชู้รักแห่งประวัติศาสตร์

ตำนานมนุษย์หมาป่า

สยามประเทศ ก่อนปรากฏบนแผนที่โลก

การกลับมาของโรคระบาด

ตามหา"ไอ้ตีนโต" มนุษย์วานรดึกดำบรรพ์

มหันตภัยธรรมชาติในอนาคต

มังกรมีจริงหรือเพียงแค่ตำนาน ?

สูตรลึกลับของเครื่องดื่ม โคคา-โคล่า

ปริศนารูปถ่ายของยูนิคอร์น

ภาพถ่ายวิญญาณจากต่างแดน

ภาพถ่ายวิญญาณ (ภาค2)

ภาพถ่ายศพนางเงือก

ปริศนาสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า

ภาพถ่ายวิญญาณ

เรื่องสยองที่ abac

ภาพถ่ายวิญญาณของไทย

ผีในการท่องเที่ยว

ซุปเด็กสุดสยอง

สิ่งก่อสร้างที่น่ามหัศจรรย์ของโลก

ตัวอะไรเนี่ย

photo หน้า...น่าเกลียด

15 โรงแรมแปลก แหวกแนวสุดยอด

''โคลอสเซียม'' : สังเวียนแห่งความตาย

1 วัน ไม่ได้มี 24 ชั่วโมง ( A day is 23 hours 56 minutes 4 seconds )

"นาซ่า"มั่นใจดาวอังคาร เคยมีน้ำ-เดินหน้าหาสิ่งมีชีวิต

ว่าด้วยเรื่องแปลกๆ ของไก่

เปิดตำนานกรุสมบัติวัดราชบูรณะ

อาถรรพณ์ปูโสม : วิญญาณเฝ้าทรัพย์

นักเล่านิทานบันลือโลก

มัมมี่แห่งศตวรรษที่ 21

ไดโนเสาร์สูญพันธุ์เพราะเหตุใด ?

ผู้ติดตาม

friend

วันพฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2553

แฮมสเตอร์เป็นสัตว์พวกฟันแทะขนาดเล็ก เช่น กระรอก กระต่าย แฮมสเตอร์ถูกพบเป็นครั้งแรกที่ประเทศซีเรีย คนนิยมเลี้ยงแฮมสเตอร์มากเพราะ แฮมสเตอร์เป็นสัตว์ที่ปลอดจากเชื้อโรค และมีขนาดเล็ก
แฮมสเตอร์เป็นสัตว์ที่มีนิสัยขี้อาย อยากรู้อยากเห็น แฮมสเตอร์มักนอนหลับตอนกลางวันและออกมาวิ่งเล่นหรือหากินตอนกลางคืน
นิสัยการกินของแฮมสเตอร์ มันมักจะตุนอาหารไว้ที่แก้ม และค่อยนำออกมากินภายหลัง
แต่ไม่ควรให้แฮมสเตอร์กินอาหารมากเกินไปเพราะจะทำให้เกิดโรคต่างๆในภายหลังได้
หนูแฮมสเตอร์ชอบที่จะกัดแทะสิ่งต่างๆที่อยู่ในกรงเพราแฮมสเตอร์มีฟันที่ยาวและควรได้รับการลับเสมอๆ ไม่อย่างนั้น ฟันของแฮมสเตอร์จะยาวจนกินอะไรไม่ได้เลย ซึ่งเป็นการดีที่แฮมสเตอร์จะต้องกัดแทะสิ่งต่างๆที่อยู่ในกรง
แฮมสเตอร์มีอายุขัยมากที่สุดเพียง 3 ปีเท่านั้น ซึ่งถ้าอยากให้แฮมสเตอร์มีอยู่กับเราไปนานๆเราก็ต้องดูแลแฮมสเตอร์ของเราให้ดีๆ

ไฮดราเป็นสัตว์ที่ดำรงชีวิตง่ายจะอาศัยตามแหล่งน้ำและคูน้ำ เป็นสัตว์ที่จัดอยู่ในประเภทเดียวกับแมงกะพรุน

เป็นสัตว์ที่เราสามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าแม้ว่าลำตัวของไฮดราจะใส

ปกติไฮดรานั้นมักจะเคลื่อนที่โดยการหกตัวกลับไปมาคล้ายกับการตีลังกาโดยใช้หนวดช่วยในการเคลื่อนที่

อาหารที่ไฮดรากินนั้นมักจะกินอาหารประเภทไรแดง แต่อาหารที่ชอบมากที่สุดนั้นก็คือไรน้ำ และใช้หนวดในการกินอาหารเช่นกันรูปร่างภายนอกจะดูเหมือนเป็นลำตัวยาว ทรงกระบอก และก็จะขยายพันธุ์โดยการแตกหน่อ

ลิ่นเป็นสัตว์รูปร่างค่อนข้างที่จะไม่เหมือนสัตว์ประเภทอื่น ลิ่นจะมีรูปลักษณะคือ ขาสั้นติดดิน หางยาว เรียวใหญ่ ปากยาวแหลม มีลำตัวมีเกล็ดแข็งเต็มทั่วทั้งตัว มีลักษณะคล้ายสัตว์เลี้อยคลานจำพวกตะกวด แต่ความจริงลิ่นเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และเกล็ดของลิ่นก็คือขนที่แปรรูปไป ส่วนขนที่เป็นเส้นยังคงมีอยู่บางส่วน เช่นช่องระหว่างเกล็ด คาง และใต้ลำตัว



หางยาวของลิ่นใช้ทำหน้าที่เป็นอวัยวะยึดเกี่ยวได้ ปากของลิ่นจะไม่มีขากรรไกร จะหากินโดยการใช้ลิ้นที่ยาวถึง 25 เซนติเมตร แลบตวัดจับมดและปลวกเข้าปาก ขาของลิ่นจะมีอุ้งเล็บใหญ่ยาวและแข็งแรงมาก ใช้ตะกุยและทลายจอมปลวก หนังหนา จึงป้องกันการโจมตีกลับของมดปลวกได้ดี เกล็ดแข็งและคมก็ช่วยป้องกันอันตรายจากศัตรูนักล่าชนิดอื่นได้ดี เมื่อถูกคุกคาม ลิ่นจะม้วนตัวเป็นก้อนกลม เก็บส่วนท้องและหัวที่เป็นจุดอ่อนไว้ด้านใน นอกจากนี้ยังสามารถกางเกล็ดออกเพื่อใช้เป็นอาวุธได้ด้วย ขอบเกล็ดของลิ่นจะคมมาก และยามวิ่งหนีจะวิ่งได้รวดเร็วเหลือเชื่อและวิ่งโดยเชิดขาหน้าขึ้นแล้ววิ่งด้วยสองขาหลังเท่านั้น



ชื่อไทย ลิ่น, นิ่ม, ลิ่นพันธุ์มลายู, ลิ่นชวา

ชื่ออังกฤษ Malayan Pangolin

ชื่อวิทยาศาสตร์ Manis javanic

อาณาจักร Animalia

ไฟลัม Chordata

ชั้น Mammalia

อันดับ Pholidota

วงศ์ Manidae

สถานภาพการคุ้มครอง ไอยูซีเอ็น : ใกล้ถูกคุกคาม

ไซเตส : บัญชีหมายเลข 2

เป็นสัตว์พวกหนึ่ง มีลักษณะแปดขา มีหลายหลายชนิดที่อยู่ในทุ้งนาหรือโต้งที่บ้านเราเรียกกัน ปูสามารถนำมาทำอาหารได้ เช่น น้ำพริกน้ำปู นึ้งปู ผัดปู ฯลฯ



ปูบางชนิดมีรูปร่างแปลกเพื่อพรางตัวเข้ากับสภาพแวดล้อม บางชนิดมีสีและลักษณะกระดอง เหมือนกัลปังหา ปะการังอ่อน หรือดาวขนนกจนแยกไม่ออก ในจำนวนนี้ยังมีปูที่นำฟองน้ำ หรือสาหร่าย มาติดตามตัว เพื่อใช้พรางกายได้ดียิ่งขึ้น




ปูกลุ่มหนึ่งวิวัฒนาการไปไกลกว่าพรรคพวก เขาเปลี่ยน ส่วนท้องให้นิ่ม และบิดเบี้ยวเพื่อสามารถ สอดใส่ในเปลือก หอย เสฉวนจะนำเปลือกหอยติดตัวไปด้วยตลอดเวลา แม้กระทั่งตอนลอกคราบ ยามมีศัตรูมาเขาจะหดกายเข้าใน หอย ก่อนใช้ก้ามใหญ่และแข็งแรงปิดทางเข้า เวลาเดียว ที่ เสฉวนทิ้งหอย คือช่วงที่เขาตัวใหญ่เกินไป ต้องเสาะหาบ้าน ใหม่


ไดโนเสาร์ปากนกแก้ว พบกรามล่างขวา ฟันและกระโหลกด้านบนซ้าย เนื่องจากมีลักษณะแตกต่างไปจาก เป็นฟอสซิลที่พบในมองโกเลีย จึงทำให้ชื่อเป็นชนิดใหม่ ตามชื่อของ คุณนเรศ สัตยารักษ์ ผู้ค้นพบที่ จ.ชัยภูมิ ซิดตาโคซอรัส เป็นไดโนเสาร์กินพืช ที่มีจะงอยปากเหมือนนกแก้ว มีชีวิตอยู่เมื่อชีวิตอยู่เมื่อ 144-65 ล้านปี ที่ผ่านมา ตัวยาวประมาณ 2 เมตร มีเขาที่บริเวณแก้มไว้ป้องกันตัว เดินด้วย 2 ขา จัดว่าเป็นบรรพบุรุษของ ไดโนเสาร์หุ้มเกราะทั้งหลาย


ลักษณะทั่วไปของนกเพนกวิน

นกเเพนกวินเป็นนกที่มีปีกแต่บินไม่ได้ แต่กลับสามารถว่ายน้ำได้ นกเพนกวินฮัมโบลด์เป็นนกที่มีขนาดกลาง ความยาวของลำตัวมีความยาวถึง 65 เซนติเมตร น้ำหนักตัวประมาณ 4 กิโลกรัม มีการดัดแปลงอวัยวะเพื่อจะได้เป็นประโยชน์ในการบินและว่ายน้ำของมัน

นกเพนกวินฮัมโบลด์ มีลักษณะ หน้าอกและหน้าท้องมีสีขาว หลังและส่วนหัวมีสีดำ มีเส้นสีขาวคาดจากฐานปากผ่านด้านข้างหัวลงมาถึงคอ

ถิ่นที่อยู่อาศัยและอาหารของนกเพนกวิน

นกเพนกวินชอบอาศัยอยู่ในเขตร้อนอยู่ทางเกาะกูโน และอยู่ที่ชายฝั่งทะเลของเปรูและชิลี ทวีปอมริกาใต้ อุณหภูมิที่นกเพนกวินฮัมโบลด์ต้องการที่จะอาศัยประมาณ

22-30 องศาเซลเซียส

นกเพนกวินฮัมโบลด์หาอาหารกินในทะเล ส่วนลูกนกกินอาหารจากการคายอาหารของผู้เป็นพ่อแม่ มันสามารถดื่มน้ำได้ทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม เนื่องจากที่เหนือตามีต่อมที่ช่วยขับเกลือ เพื่อที่จะขับเกลืออกมาได้

พฤติกรรม, การสืบพันธ์

นกเพนกวินฮัมโบลด์จัดเป็นสัตว์สังคมอีกกลุ่มหนึ่ง เพราะชอบอยู่กันเป็นฝูง ส่งเสียงดังเพื่อจะได้ติดต่อสื่อสารและเมื่อเวลาทักทายกันจะใช้ปากหรือคอถูกัน

ในฤดูผสมพันธุ์นกเพนกวินจะอยู่กันเป็นฝูงเล็กๆ จะอยู่ตามน้ำหรือจะขุดโพรง ตามพุ่มหญ้าสูงหรือป่าไม้ลึก จะว่างไข่ ปีละ 1 ครั้ง ในฤดูใบไม้ผลิ สร้างรังอาศัยก้อนหินในการทำรังหรือ ก้อนกรวด กิ่งไม้ ใบหญ้า มาช่วยในการทำรัง ว่างไข่ครั้งละ 1-3 ฟอง ใช้เวลาฟักไข่ประมาณ 39 วัน โดยมีตัวผู้จะเป็นผู้ฟักไข่ให้

ปลาซีลาแคนท์ (Coelacanth) เป็นชื่อสามัญของปลา ดึกดำบรรพ์ ในอดีตเชื่อกันว่าปลาซีลาแคนท์ได้สูญพันธ์จากโลกไปแล้ว ตั้งแต่ตอนจบยุคครีเตเชียส จนกระทั่งชาวประมงได้ค้นพบปลาซีลาแคนท์อีกครั้งที่ชายฝั่งทางตะวันออกของประเทศแอฟริกาใต้ ในปี ค.ศ. 1938 และตั้งแต่นั้นเป็นตั้นมา ปลาชนิดนี้ ก็ถูกค้นพบใน ประเทศเคนยา ประเทศแทนซาเนีย ประเทศมาดากัสการ์ และอีกหลายประเทศในทวีปแอฟริกา

ปลาซีลาแคนท์ (Latimer Chalumnei) ฟอสซิลมีชีวิต (Live Fossil) มนุษย์ได้ค้นพบฟอสซิลของปลาชนิดนี้นานแล้ว จากอายุของฟอสซิล ทำให้เรารู้ว่ามันเคยแหวกว่าย อยู่ในทะเล เมื่อ 360 ล้านปีมาแล้ว และคิดว่ามันได้สูญพันธุ์ไปจากโลกนี้เมื่อ 80 ล้านปีก่อน จนกระทั่ง ปี ค.ศ. 1938 สามวัน ก่อนคริสมาสต์ บริเวณ หมู่เกาะ โคโมโร ทางตะวันออก ของชายฝั่งทวีป อัฟริกาใต้ กัปตัน กู๊ดเซ่นและลูกเรือ ได้ตีปลาประหลาด ชนิดหนึ่ง ได้ในอวนลาก ปลาฉลาม แถบปากแม่น้ำ Chalumna กัปตันกู๊ดเซ่น รู้ได้ทันที ถึงความไม่ธรรมดา ของปลาตัวนี้ จึงได้วิทยุ แจ้ง ผู้อำนวยการ พิพิธภัณฑ์ แห่งชาติ ประจำเมืองเล็กๆ ทางตอนใต้ ของอีสลอนดอน ซึ่งในขณะนั้น นาง มาร์โจรี่ คอร์ต นี่ ลาติเมอร์ ได้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว เธอได้ตระหนัก ด๊อกเตอร์ J.L.B สมิท ผู้ชำนาญเกี่ยวกับอนุกรมวิธาน ถึงความสำคัญในการค้นพบ ซีลาแคนท์ ที่ยังมีชีวิต

มังกรเป็นสัตว์วิเศษในตำนานถ้าพูดถึงคำว่ามังกร คนทั่วไปก็จะนึกถึงออกไปได้สองลักษณะคือ มังกรในแถบเอเชีย และ มังกรในแถบยุโรป ซึ่งมีความแตกต่างกันคือ มังกรในแถบเอเชีย จะแสดงให้เห็นถึงความน่าเกรงขาม ความสง่า ความกล้าหาญและคอยพิทักษ์ปกป้อง เช่น ในความเชื่อของชาวพุทธนิกายมหายาน ว่ามังกรเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติจีนซึ่งเป็นชาติที่สถาปนาขึ้นมาใหม่ในสมัยโบราณ มนุษย์มักจะนิยมใช้สัตว์หรือดอกไม้เป็นเครื่องหมายประจำเผ่า เมื่อชาติจีนถูกรวมขึ้นเป็นชาติใหม่ก็ควรจะมีเครื่องหมายประจำชาติใหม่ด้วย และเพื่อความเป็นธรรมแก่เผ่าต่างๆที่เข้ามารวมกัน กษัตริย์อึ้งตี้จึงรวบรวม เอาสัญลักษณ์ของเผ่าต่างๆ มารวมกันแล้วกลายเป็นสัตว์ที่เรียกว่ามังกร ดังนั้นมังกรจึงเกิดจากสัตว์ 7 ชนิดมารวมกัน คือ
1. เขา เป็น กวาง
2. หางและครีบ เป็น ปลา
3. ตา เป็น สิงโต
4. จมูก เป็น ปากไก่
5. ขา เป็น นกเหยี่ยว6. หัว เป็น ม้า
7. ตัว เป็น งูมังกรมี 4 ขา ไม่มีการผสมพันธุ์เพราะถือว่าสำเร็จเป็นอรหันต์ เหอะเหินเดินอากาศ เดินดิน ลงน้ำได้ และมังกรถือเป็นสิ่งคู่กับลูกแก้ว ถ้ามังกรคาบลูกแก้วได้มังกรจะไม่มีวันตาย และมังกรถือว่าเป็นสัตว์ที่รับใช้ เจ้าแม่กวนอิมซึ่งถือว่าเป็นมงคลแก่กษัตริย์ของจีน จึงทำให้เกิดตำนานการแห่มังกรมาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนมังกรในแถบยุโรปจะแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะคือพวกหนึ่งจะ แสดงถึงความน่ากลัว ดุร้าย ในทางเทพนิยายมังกรจะเป็นสัตว์ที่คอยควบคุม กักขังเจ้าหญิงหรือบุคคลที่อยู่ข้างความดี ส่วนอีกพวกมีลักษณะใจดี น่ารักและมีรูปแบบคล้ายการ์ตูน

ลักษณะทั่วไป
ลำตัวค่อนข้างกลม แบนมากจะงอยปากสั้น สีของตัวมีสีขาวมีแถบหนาสีดำพาดขวาง
ลำตัว 3 แถบ บริเวณหน้า กลางลำตัวและใกล้คอดหาง ครีบท้องมีสีดำ

การแพร่กระจาย
พบทั่วตั้งแต่ฝั่งตะวันออกของแอฟริกาและทะเลแดง จนถึงทางใต้ของญี่ปุ่น และออสเตรเลีย
ในประเทศไทยพบได้ทั้งสองฝั่งทะเล แต่จะพบได้บ่อยบริเวณทะเลอันมัน

นิเวศวิทยา
พบอยู่รวมกันเป็นฝูง 10-20 ตัว อาศัยอยู่ระหว่างกิ่งของปะการังเขากวาง ขนาดของฝูงปลาขึ้นอยู่
กับกอปรการังเขากวาง ปกติจะอยู่กันอย่างสันติ แต่หากมีการบุกรุกจากปลาฝูงอื่นก็จะเกิดการทะเลาะกันได้
พบได้ที่ระดับความลึกตั้งแต่ 1-12 เมตร

ปลากัด ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Better splendors และมีชื่อสามัญเรียกว่า Siamese fighting fish เป็นปลาพื้นเมืองของไทยที่นิยมเพาะเลี้ยงมาเป็นระยะเวลานานแล้ว ทั้งนี้เพื่อไว้ดูเล่นและเพื่อกีฬากัดปลาและเป็นที่รู้จักกันดีในต่างประเทศมานานเช่นกัน ปัจจุบันประเทศไทยมีการเพาะเลี้ยงปลากัดกันแพร่หลาย เนื่องจากเป็นปลาที่เลี้ยงและเพาะพันธุ์ได้ง่าย จึงเหมาะสมสำหรับผู้ที่หัดเริ่มเลี้ยงปลา ต้องการดูแลเอาใจใส่ไม่มากนัก และไม่จำเป็นที่ต้องเปลี่ยนน้ำบ่อยมากเนื่องจากมีอวัยวะช่วยหายใจพิเศษที่เรียกว่า labyrinth โดยจะทำให้สามารถดึงออกซิเจน

( o2 ) จากอากาศได้ ในธรรมชาติแล้วพบได้ทั่วไปในน้ำที่นิ่ง หรือน้ำที่มีออกซิเจนต่ำ นอกจากนั้นพบในนาข้าว และกระจายทั่วไปในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปลากัดเลี้ยงมีอายุเฉลี่ย 2 ปีหรือน้อยกว่านั้น
ปลากัดพันธุ์ดั้งเดิมในธรรมชาติ จะมีสีน้ำตาลขุ่นหรือสีเทาแกมเขียว มีลายตามตัว ครีบ และหางสั้น ปลาเพศผู้จะมีครีบและหางยาวกว่าเพศเมียเล็กน้อย จากการเพาะพันธุ์และการคัดเลือกพันธุ์ติดต่อกันมานาน ทำให้ได้ปลากัดที่มีสีสวยงามหลายสี อีกทั้งลักษณะครีบก็แผ่กว้างใหญ่สวยงามกว่าพันธุ์ดั่งเดิมมาก และจากสาเหตุนี้ทำให้มีการจำแนกพันธุ์ปลากัดออกไปได้เป็นหลายชนิด เช่น ปลากัดหม้อ ปลากัดทุ่ง ปลากัดจีน ปลากัดเขมร เป็นต้น การแพร่กระจายของปลากัดพบทั่วไปทุกภาคของประเทศไทย อาศัยอยู่ในอ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบ หนอง บึง แอ่งน้ำ ลำคลอง ฯลฯ

ลักษณะ : เลียงผาเป็นสัตว์จำพวกเดียวกับ แพะและแกะ เมื่อโตเต็มที่มีความสูงที่ไหล่ประมาณ ๑ เมตร ใบหูยาวคล้ายใบหูลา ขายาวและแข็งแรง มีขนค่อนข้างยาวตามลำตัว หยาบและมีสีดำ ด้านท้องขนสีจางกว่า มีขนเป็นแผงยาวบนสันหลัง และสันคอ มีเขาทั้งในตัวผู้และตัวเมีย เขามีลักษณะตอนโคนกลม หยักเป็นวงแหวนโดยรอบค่อยๆ เรียวไปทางปลายเขาโค้ง ไปทางด้านหลังเล็กน้อย

อุปนิสัย : ในเวลากลางวันมักพักอาศัยอยู่ในถ้ำและในพุ่มไม้ ออกหากินในตอนเย็นจนถึงพลบค่ำ และในเวลาเช้ามืด มักจะกินพืชต่างๆ ทุกชนิด เลียงผามีประสาทหู ตา และรับกลิ่นได้ดี ผสมพันธุ์ในช่วงปลายเดือนตุลาคม ตกลูกครั้งละ ๑-๒ ตัว ใช้เวลาตั้งท้องราว ๗ เดือน ในที่เลี้ยง


ที่อาศัย : เลียงผามักจะอาศัยอยู่ตามภูเขาที่มีผาสูงชันมีป่าคลุม



เขตแพร่กระจาย : เลียงผามีเขตแพร่กระจาย ตั้งแต่แคว้นแคชเมียร์ มาตามเทือกเขาหิมาลัยจนถึงแคว้นอัสสัม จีนตอนใต้ พม่า อินโดจีน มลายู และสุมาตรา ในประเทศไทยพบอาศัยอยู่ตามภูเขาสูงในหลายภูมิภาคของประเทศ เช่น เทือกเขาตะนาวศรี เทือกเขาถนนธงชัย เทือกเขาเพชรบูรณ์ และภูเขาทั่วไปในบริเวณภาคใต้ รวมทั้งบนเกาะในทะเลที่อยู่ไม่ห่างจากแผ่นดินใหญ่มากนัก

สถานภาพ : เลียงผาจัดเป็นสัตว์ป่าสงวนชนิดหนึ่งใน ๑๕ ชนิดของประเทศไทย และอนุสัญญา CITES จัดเรียงผาไว้ใน Appendix I


สาเหตุของการใกล้จะสูญพันธุ์ : ในระยะหลังเลียงผามีจำนวนลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการล่าอย่างหนักเพื่อเอาเขา กระดูก และน้ำมันมาใช้ทำยาสมานกระดูก และพื้นที่หากินของเลียงผาลดลงอย่างรวดเร็ว จากการทำการเกษตรตามลาดเขา และบนพื้นที่ที่ไม่ชันจนเกินไป

เป็นตะพาบที่มีขนาดใหญ่มากซึ่งในปัจจุบันกำลังจะสูญพันธ์

มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Rafetus leloii เป็นชื่อที่ตั้งโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวเวียดนามเพื่อ

เป็นเกียรติแด่จั กพรรดิเลเลย

ตะพาบยักษ์แยงซีเกียงมีขนาดที่ใหญ่มากเป็นเต่าน้ำจืดที่ใหญ่มากที่สุดในโลก

มีลักษณะต่างๆคือ ส่วนจมูก หัวและปากมีลักษณะคล้ายหมู

หากโตเต็มที่แล้วสัตว์ชนิดนี้จะมีน้ำหนักถึง136-200กิโลกรัม

มีความยาวประมาณ0.9144เมตรมีชีวิตยาวนานกว่า100ปี

ในธรรมชาติใกล้จะสูญพันธุ์แล้ว ในที่เลี้ยงมีเพียง2ตัวอยู่ที่ทะเลสาปเมืองฮานอย

และสวนสัตว์ในจีน

นอกจากนี้ตะพาบชนิดนี้ยังเป็นสัตว์ในตำนานด้วย เล่ากันมาว่า

ศตวรรษที่15 จักพรรดิทรงใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์ขับไล่ชาวจีนให้พ้นไปจากเวียดนาม

ขณะที่พระองค์ประทับอยู่บนเรือมีตะพาบตัวหนึ่งโผล่ขึ้นมาบอกกับพระองค์ว่า

ให้ส่งดาบนั้นกลับคืนแก่กษัตริย์แห่งมังกร

และดาบก็พุ่งออกมาจากฝักเข้าไปในปากของตะพาบแล้วตะพาบก็จมหายไป

ทะเลสาปแห่งดังกล่าวจึงถูกเรียกว่าทะเลสาบลึกถวี๋ (Luc Thuy)

นกแก้วโม่ง ชื่อทางวิทยาศาสตร์: Psittacula eupatri
นกที่คนไทยชอบเลี้ยงมาแต่โบรานมีนกแก้วรวมอยู่ด้วย เพราะนกแก้วสามารถเลียนเสียมนุษย์ได้
กล่าวกันว่ามันมีความจำดี เรียนรู้ได้เร็ว ถ้าพูดอะไรให้ฟังบ่อยๆก็สามารถพูดได้
กล่าวกันว่าเมื่อพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชยกทับไปบุกอินเดียได้ทอดพระเนตรเห็นนกแก้วเข้าก็ชอบ
พระทัยได้ทรงนำกลับยุโรปด้วยและในไม่ช้าก็เป็นที่นิยมมาก ด้วยเหตุนี้ในสมัยนั้นนกแก้วจึงมีราคาแพงมาก
จึงได้มีการค้าขายนกแก้วทั้งในยุโรปและเอเชีย
การที่คนเราชอบเลี้ยงนกแก้วนั้นเห็นจะเป็นเพราะเหตุ 4 ประการ
1. นกแก้วมีสีสวย รูปร่างงดงาม
2. สามารถพูดเลียนภาษามนุษย์ได้
3. เลี้ยงง่าย
4. อายุยืน(ในเรื่อง Popular Pet Birds ของ R.P.N. Sinha กล่าวว่า นกแก้วมีอายุยืนมาก อาจอยู่ได้ถึง 70 ปี)
ลักษณะทั่วไป
เป็นนกแก้วขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทย ลำตัวยาว 51 เซนติเมตร หางเล็กเรียวยาว ลำตัวสีเขียว
จะงอยปากอวบอูม ปลายปากงุ้มลงสีแดง มีแถบสีแดงบริเวณหัวปีก นกตัวผู้มีแถบแดงเล็ก ๆ บริเวณคอด้านหลัง
และมีแถบดำบริเวณคอด้านหน้า ซึ่งไม่มีในนกตัวเมีย ใต้หางสีเหลืองคล้ำ ใบหน้าและลำคอสีปนเหลือง
ถิ่นอาศัย, อาหาร
พบในอินเดีย ชอบอยู่อาศัยบริเวณ ป่าดิบแล้ง ป่าเต็งรัง ป่ารุ่น เขตแพร่กระจายสามารถพบเห็นได้ที่ พม่า อันดามัน
ลาว อินโดจีน ในประเทศไทยพบได้ทุกภาค ยกเว้นภาคใต้
นกแก้วโม่งชอบหาอาหารเป็นฝูงเล็ก ๆ อยู่บนต้นไม้ กินผลไม้ สามารถใช้ปากเกาะเกี่ยวเคลื่อนตัวไปตามกิ่งไม้ได้ดี
พฤติกรรม, การสืบพันธุ์
หากินอยู่รวมกันเป็นฝูงเล็ก ๆ นอนบนต้นไม้เป็นกลุ่มใหญ่ ส่งเสียงร้องกันระงม สามารถพูดได้เมื่อนำมาเลี้ยงให้เชื่อง
เวลาบินจะบินเป็นฝูงเล็กๆ 8-10 ตัว ชอบเกาะตามยอดไม้
นกแก้วโม่งผสมพันธุ์ระหว่างเดือน ธันวาคม - มีนาคม ทำรับอยู่ตามโพรงไม้ วางไข่ครั้งละ 2 - 4 ฟอง
สถานภาพปัจจุบัน
เป็นนกประจำถิ่นที่หายาก จัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535
สถานที่ชม
สวนสัตว์ดุสิต สวนสัตว์เปิดเขาเขียว สวนสัตว์เชียงใหม่ สวนสัตว์นครราชสีมา สวนสัตว์สงขลา
แยกออกเป็นชนิดต่าง ๆ ได้มากกว่า 500 ชนิด มีพื้นเพที่อยู่อาศัยตั้งเดิมอยู่ในป่าทึบ ในเขตร้อนของประเทศ นิวซีแลนด์
ออสเตรเลีย หมู่เกาะมลายู แอฟริกา ทางใต้ของทิศ เหนือของอเมริกา อินเดีย นอกจากนี้แล้วยังพบทางแถบตะวันตกของอินเดีย
โดยทั่วไป นกในตระกูลนกแก้วนั้น มักมีความแตกต่างไปจากนกตระกูลอื่นอยู่อย่างหนึ่ง คือ จงอย
ปากตอนบนของนกแก้วสามารถเคลื่อนไหวได้โดยไม่รวมกับหน้าผาก (ขากรรไกร) และมี ลักษณะเด่นได้แก่ ปากคมแข็ง
จงอยปากงุ้มเข้าโคนใหญ่ปลายแหลมน่ากลัว เท้ามีนิ้วข้าง หลังสองนิ้วและข้างหน้าสองนิ้วทุกนิ้วมีเล็บที่แหลมคม
สามารถใช้เท้าจับกิ่งไม้ได้เหนียว แน่น ปีนป่ายคันไม้ได้เก่งเป็นพิเศษ และในบางโอกาสยังสามารถจับฉีกอาหารได้ด้วย ปาก
ส่วนใหญ่เป็นสีแดง ขนเป็นสีเขียว สามารถนำมาฝึกสอนให้พูดภาษาของมนุษย์ได้แทบทุก ชนิด
สำหรับรังและที่อยู่อาศัยของนกแก้วโดยทั่วไปมักอยู่ตามในโพรงไม้ หรือโพรงหิน ไม่นิยมใช้วัสดุต่าง ๆ ทำรัง นกจากนกแก้ว
เควเคอร์(Quaker Parrakeet) และ นกแก้ว อัฟเบริด์ (Lovebirds) นกแก้วทั้ง 2 ชนิดนี้ นิยมทำรังโดยใช้แขนงหรือกิ่งไม้เล็ก ๆ เศษ
หญ้า เปลือกไม้โดยนำมาสานประกอบขึ้นเป็นรัง

ที่อยู่อาศัยและวิธีเลี้ยง
1. เลี้ยงโดยให้เกาะอยู่บนคอน
ขาตั้งและคอนสำหรับนกแก้วนั้น จะทำให้นกรู้สึกอิสระและออกกำลังกายได้สะดวก คอนควร
ทำด้วยวัสดุเนื้อแข็ง ถ้าคอนเป็นไม้ปลายทั้งสองควรหุ้มด้วยโลหะ มิฉะนั้นนกจะฉีกแทะเล่น ในกรณีที่นกยังไม่เชื่องพอ
ควรใช้กำไลสวมข้อเท้าซึ่งติดกับโซ่สวมไว้ก่อน และควรขลิบปีก เสียข้างหนึ่งเพื่อป้องกันนกบินหนี
บริเวณขนที่จะต้องตัดออกคือขนปีกชั้นที่ 1 ทั้ง 5 โดย ขลิบออกประมาณ 1 นิ้ว
2. เลี้ยงด้วยกรงภายใน
ในกรณีที่นกแก้วเป็นนกรูปร่างเล็ก ขนาดของกรงโดยทั่วไปแล้วไม่ควรมีขนาดกว้างสูง ต่ำ กว่า 2×3 ฟุต
ขนาดของกรงนั้นจะเหมาะสมกับนกหรือไม่สังเกตุได้จากเมื่อนกเกาะอยู่กลาง กรง หากนกมีโอกาสกางปีกออกได้สะดวก
โดยไม่ติดกับกรงหรือคอน ก็จัดได้ว่ามีความพอดี
3. เลี้ยงด้วยกรงภายนอก
การเลี้ยงนกแก้วด้วยกรงภายนอกนั้นเป็นการดียิ่งสำหรับสุขภาพนก เพราะนกได้อยู่กับสิ่งแวด ล้อมคล้ายกับถิ่นเดิม
อากาศโปร่งบริสุทธิ์ นกออกกำลังกายได้ตลอดเวลาแต่ต้องคำนึงถึงแสง แดดและฝน อย่าให้โดนมากเกินไป
อาหารทั่วไปสำหรับเลี้ยงนกแยกออกเป็นชนิดต่างๆได้ดังนี้
1. เมล็ดข้าวชนิดต่างๆ ซึ่งมีส่วนผสมของเมล็ดทานตะวัน, ข้าวโอ๊ท, ข้าวสาลี, เมล็ดกัญชา, เมล็ดข้าวโพด,
ถั่วลิสง, และเมล็ดข้าวอื่นๆที่กระเทาะเปลือกแล้ว
2. ผลไม้ต่างๆ เช่น แอ๊ปเปิ้ล, กล้วย, องุ่น, ส้ม และผมไม้มุกชนิด
3. อาหารจำพวกผักสด เช่น หัวมันเทศ, หัวผักกาด, หัวแคร์รอท, ผักโขม, หรือผักจำพวกกระหล่ำปลี
, และผักในสวนครัวชนิดอื่นๆ
4. กระดองปลาหมึก, ทราย
5. ไข่, และขนมปังทุกชนิด ซึ่งทำชึ้นจากข้าวชนิดต่างๆ

ม้าเป็นสัตว์ป่าที่มนุษย์นำมาเลี้ยงไว้ใช้งานตั้งแต่สมัยโบราณ มีบทบาทอยู่คู่บ้านคู่เมือง ทั้งในยามสงบใช้เป็นพาหนะบรรทุกของรากรถ ในยามศึกสงครามมันป็นม้าศึก



มนุษย์เริ่มจับม้าป่ามาเลียงตั้งแต่ 4000 ปีก่อนคริสต์ศักราช ม้าป่าที่อยู่และขยายพันธุ์ตามธรรมชาติเริ่มลดจำนวนลงเรื่อยๆ จนมาถึงศตวรรษที่ 20 ม้าป่าสายพันธุ์เชอวัลสกีได้หมดไปจากป่าอย่างสิ้นเชิง เหลือเพียงเลี้งไว้ในยุโรป



ถิ่นฐานเดิมของมันอยู่ที่มองโกเลีย



ลักษณะ การเลือกม้าเพื่อจะเลี้ยงไว้ดูเล่นหรือเลี้ยงไว้ด้วยเหตุผลอื่นก็ตาม วิธีเลือก (ของไทย) ที่ยอม รับกันมาแต่โบราณจนถึงปัจจุบันก็คือการดูลักษณะ ม้า โดยพิจารณาลักษณะดังต่อไปนี้

๑. ผิวม้า ม้ามาจากตระกูลดี และม้าลักษณะดีจะต้องมีผิวหนังบาง ขนสั้น มองเห็นรอยเส้นเลือดได้ชัดเจน เรียกว่า ม้าผิวบาง
๒. อวัยวะภายนอก ม้าที่มีกล้ามเนื้อใหญ่โต ขาใหญ่ คอหนา ศีรษะโต ม้าที่มีลักษณะเช่นนี้ เป็น ม้าแข็งแรง แต่ไม่ว่องไว เรียก ม้าทึบ
๓. นิสัย ม้าที่มีลักษณะหงอย ไม่ปราดเปรียว ส่วนมากมักจะแข็งแรง เรียกว่า ม้าเลือดเย็น ม้าที่มีลักษณะปราดเปรียว ส่วนมากนิสัยดี และมีสายเลือดดี เรียก ม้าเลือดร้อน
๔. ส่วนศีรษะ แบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือ
ส่วนหน้า จากตาถึงปลายจมูก
ส่วนกระหม่อม จากตาถึงท้ายทอย
ม้าที่ตระกูลดี ฉลาด ว่องไว และเลือดร้อนส่วนหน้าจะเล็กกว่าส่วนกระหม่อมมาก
สันจมูก ม้าที่มีสันจมูกตรงหรือแอ่นงอนแสดงว่าเป็นม้าเลือดเย็น ม้าที่มีสันจมูกโค้งและนูนตรงกลางแสดงว่าเป็นม้าเลือดร้อน
รูจมูก ม้าที่มีรูจมูกกว้าง มักจะเป็นม้าที่ แข็งแรง
ปาก ม้าปากกว้าง (มุมปากอยู่ใกล้แก้ม) เป็นม้าที่แข็งแรง ม้าปากเล็ก มุมปากเล็ก (มุม ปากตื้น) มักจะเป็นม้าว่าง่าย สอนง่าย
ตา ม้าตากลมโตจะเป็นม้าเลือดเย็น สอนง่ายม้าตาเล็กจะเป็นม้านิสัยโกง
ขากรรไกร ม้าขากรรไกรหนาและม้าขา กรรไกรโต มักจะมีนิสัยขี้โกง เกียจคร้าน
หู ม้าตระกูลดี ได้แก่ ม้าหนู คือ หูเล็ก บางและชิดกัน ม้าตระกูลปานกลาง ได้แก่ ม้าหูกระต่าย คือ หูเล็กแต่ยาว ม้าตระกูลไม่ดี ได้แก่ ม้าหูลา หูใหญ่ยาวปลายเรียว ม้าหูวัว หูจะสั้น หนา
๕. คอ
สันคอ ม้าที่มีสันคอบาง เป็นม้ามีตระกูลดีวิ่งเร็ว แต่ไม่ค่อยแข็งแรง ส่วนม้าที่มีสันคอหนา เป็นม้าตระกูลไม่ดี วิ่งไม่ค่อยเร็ว แต่แข็งแรง
ผมแผง ม้าตระกูลดี ผมแผงจะมีขนเส้นบาง ๆ ม้าตระกูล ไม่ดีผมแผงคอจะหยาบ เส้น หนา
รูปคอ คอม้ามีรูปร่างต่างกันออกไป ซึ่งจะ เป็นลักษณะที่เป็นเครื่องสังเกตว่า ม้าจะดีหรือไม่ แบ่งออกเป็น ๒ ชนิด
ม้าคอหงส์ คือลักษณะรูปคอที่โค้ง ตลอด ตั้งแต่ต้นคอจนถึง ปลายคอ ม้าที่มีคอ ลักษณะเช่นนี้ จะเป็นม้าที่วิ่งเรียบและมีฝีเท้าเร็ว ขี่สบาย
ม้าคอตรง คือม้าที่สันคอโค้ง ส่วนใต้คอตรง มีรูปคอพอเหมาะ ม้าที่มีลักษณะเช่นนี้ จะแข็งแรง ว่องไว เหมาะแก่การขี่
๖. ตะโหงก เป็นสิ่งแสดงความแข็งแรงของม้าม้าที่ว่องไวจะมีตะโหงกสูงเด่น ส่วนม้าตะโหงกเตี้ยแสดงว่าม้าไม่แข็งแรง
๗. ส่วนหลัง เป็นส่วนที่รับน้ำหนักของคนที่นั่ง บนหลังม้า ม้าที่มีลักษณะหลังที่ยาว และอ่อน แสดงถึงว่าม้านั้นไม่แข็งแรง เพราะเมื่อใช้ขี่ หรือ บรรทุกของ จะทำให้หลังอ่อนรับน้ำหนักได้ไม่มาก ถ้าม้าที่ส่วนหลังสั้นจะทำให้ม้าเอี้ยวตัวไม่ สะดวก และเป็นเครื่องชี้ให้ทราบได้ว่าปอดม้านั้นจะไม่ใหญ่ เวลาวิ่งจะเหนื่อยเร็ว เราแบ่งลักษณะรูปส่วน

นกขุนแผนที่ชาวเชียงใหม่เรียกว่านกแซวดง เป็นนกที่อาศัยอยู่ในเขตร้อนในทวีปแอฟริกาและเอเชีย มีนกในวงศ์นี้ทั้งหมด37ชนิดพบในประเทศไทยเพียง6ชนิด ทุกชนิดเป็นนกประจำถิ่นที่อาศัยอยู่ในป่าในระดับสูง เช่นตามภูเขาต่างๆโอกาสที่จะได้พบเห็นจึงมีน้อยที่ได้พบเห็นบ่อยคือ นกขุนแผนอกสีส้ม และนกขุนแผนหัวสีแดง นกในว งศ์นกขุนแผนนี้จัดเป็นนกโบราณมากกว่าวงศ์หนึ่งที่ยังมีชีวิตอยู่มาจนถึงปัจจุบันจึงยังมีลักษณะต่างๆที่หลงเหลืออยู่และเป็นลักษณะที่แตกต่างจากนกในวงศ์อื่น คือ มีนิ้วเท้ามาทางด้านหน้า2นิ้วได้แก่นิ้วหัวแม่เท้าและนิ้วชี้ส่วนนิ้วที่3และนิ้วที่4อยู่ไปทางด้านหลัง ต่างจากนกวงศ์อื่นที่มีนิ้วที่2และ3มาทางด้านหน้า นิ้วหัวแม่เท้าและนิ้วที่4 อยู่ไปทางด้านหลัง ผิวหนังของนกในวงศ์นี้บางและเปื่อยยุ่ยง่าย ขนอ่อนนุ่ม ก้านขนติดอยู่กับผิวหนังอย่างหลวมๆ ปากของนกขุนแผนกว้างและสั้น ปลายปากบนงุ้มเล็กน้อยและมีร่องคล้ายเขี้ยวข้างละ1อันบริเวณจมูกและโคนปากมีขนแข็งๆปกคลุมอยู่เป็นจำนวนมาก ขาเล็กและไม่แข็งแรง มีขนปกคลุมอยู่ครึ่งหนึ่ง ปลายปีกมน หางยาวและกว้าง นกที่โตแล้วปลายหางจะเป็นรูปสี่เหลี่ยม แต่ลูกนกปลายหางจะแหลม นกตัวผู้จะมีสีสดใสงดงามกว่าตัวเมีย นกขุนแผนมีนิสัยขี้อายและการเคลื่อนไหวเชื่องช้า จะเกาะกิ่งไม้นิ่งๆเพื่อไล่จับแมลงกางอากาศบางครั้งจะหากินแมลง นกขุนแผนบางชนิดกินผลไม้ด้วย ปากของนกขุนแผนไม่สามารถเจาะไม้แข็งๆได้มันจึงทำรังอยู่ที่โพรงไม้ผุๆ จะวางไข่ครั้งละ2-4ฟอง ใช้เวลาฟักไข่15-19วัน

ลักษณะทั่วไป
รูปร่างค่อนข้างตัวเล็ก ขนนุ่ม สั้น หนาและเป็นปุย มีเส้นสีน้ำตาลเข้มจากหัวไป ตลอดแนวสันหลัง หน้าสั้น ตาโตกลม ใบหูเล็กจมอยู่ในขน ไม่มีหาง ไม่มีนิ้วหัวแม่มือ นิ้วเท้าอันที่สองมีเล็บเป็นตะขอ งอโค้ง เพื่อจับกิ่งไม้ได้แน่นในขณะมันลุกขึ้นยืนเพื่อจับแมลงกินเป็นอาหาร เป็นสัตว์ที่เคลื่อนไหวช้า แต่แว้งกัดได้รวดเร็ว
ถิ่นอาศัย, อาหาร
พบในไทย อินโดจีน มาเลเซีย สุมาตรา ชวา บอร์เนียว และมินดาเนา
กินแมลง สัตว์เล็ก ๆ ไข่นก และผลไม้
พฤติกรรม, การสืบพันธุ์
หากินบนต้นไม้เฉพาะในตอนเวลากลางคืน และออกหากินตัวเดียว เว้นแต่ตัวที่มีลูกอ่อนจะเอาลูกเกาะติดอกไปด้วย กลางวันจะซ่อนหน้าเพื่อหลบแสงสว่าง โดยใช้ใบไม้บังหรืออยู่ในโพรงไม้
เมื่อมีอายุ 2 ปีจึงผสมพันธุ์ได้ เป็นสัดนาน 5–6 เดือน และมีทุกระยะ 37–45 วัน ตั้งท้องประมาณ 193 วัน ออกลูกปีละ 2 ครั้ง ออกลูกครั้งละ 1 ตัว ลูกอ่อนจะอยู่กับแม่จนตัวเท่าแม่จึงจะแยกออกไปหากินเอง ซึ่งกินเวลานานราว 6–9 เดือน และมีอายุยืนประมาณ 10 ปี
สถานภาพปัจจุบัน
เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535

ในสวนสัตว์ดุสิตมีสัตว์ประเภทหนึ่งเรียกว่า วอเตอร์บัค(Waterbuck) เป็นสัตว์จำพวกสัตว์กีบคู่ จัดอยู่ในวงศ์ Bovidae ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกับวัว ควาย แพะ แกะ เลียงผา ฯลฯ โดยทั่วไปจัดเป็นพวกแอนติโลพ ไม่ใช่พวกกวาง ดังเช่นที่มักจะเข้าใจผิดกันเสมอ ๆ เพราะว่าแอนติโลพไม่ผลัดเขาทิ้งเช่นพวกกวางซึ่งผลัดเขาทิ้งทุกปี
วอเตอร์บัคเป็นแอนติโลพ มีรูปร่างล่ำสัน ขนหยาบ ดูยาวรุงรัง ลำตัวยาว 1.8- 2.3 เมตร หางยาว 33-40 เซนติเมตร ความสูงที่ไหล่ 1.2-1.3 เมตร น้ำหนักตัว 170-250 กิโลกรัม ตัวผู้มีขนาดใหญ่กว่าตัวเมีย ลำตัวสีเทาเข้มหรือสีออกน้ำตาลแดง แบ่งออกได้เป็นสองกลุ่มใหญ่ กลุ่มหนึ่งมีแถบขาวที่ก้น และอีกกลุ่มหนึ่งมีวงขาวที่ก้น นอกจากนี้ยังมีแถบขาวที่ใต้คอ บริเวณรอบตาจมูกและปากอีกด้วย ตัวผู้เท่านั้นที่มีเขา เขายาวโค้งขึ้น ตอนโคนมีลักษณะเป็นรอยหยักโดยรอบ วอเตอร์บัคมีน้ำมันเยิ้มบนผิวหนัง มีกลิ่นฉุยได้กลิ่นไปไกลถึง 500 เมตร
บริเวณแหล่งอาศัยของวอเตอร์บัคอยู่ในทวีปแอฟริกา ในประเทศเอธิโอเปีย และตอนใต้ของประเทศซูดานไปทางทิศตะวันตก จนถึงประเทศเซเนกัล และไปทางทิศใต้จนถึงประเทศแอฟริกาใต้
ในธรรมชาติชอบอยู่ใกล้บริเวณแม่น้ำและทะเลสาบ โดยชอบหากินในทุ่งหญ้า และป่าไม้ที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว อาหารประกอบด้วยต้นหญ้าอ้อและกก ตลอดจนพืชน้ำหลายชนิดเนื่องจากมีความต้องการอาหารโปรตีนสูง จึงต้องกินพืชน้ำในปริมาณมาก และในวันหนึ่งๆ ยังดื่มน้ำมาก วอเตอร์บัคจึงไม่มีการเคลื่อนย้ายแหล่งหากินไปไกลจากแหล่งน้ำ ตัวเมียมักอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม 5-8 ตัว มีอาณาเขตที่ครอบครองกว้าง 0.3-6 ตารางกิโลเมตร โดยปกติแล้วตัวผู้มักมีอาณาเขตที่ครอบครองกว้างกว่าอาณาเขตของตัวเมีย ทั้งนี้ขั้นอยู่กับความหนาแน่นของประชากรในบริเวณนั้นๆ ตัวผู้บางตัวไม่มีอาณาเขตของตัวเอง ใช้วิธีเร่ร่อนไปเรื่อยๆ เพื่อจะผสมพันธุ์กับตัวเมีย ส่วนตัวผู้ที่มีอาณาเขตจะผสมพันธุ์กับตัวเมียที่เข้ามาในอาณาเขตของตน ตัวผู้อายุน้อยมักอยู่รวมกันเป็นฝูงตัวผู้ล้วนๆ

กระต่ายสายพันธุ์เนเธอร์แลนด์ดวอฟ หรือเรียกว่า กระต่ายสายพันธุ์แคระที่มีขนาดลำตัวเล็กที่สุดในโลก คือ มีนํ้าหนักที่โตเต็มที่ เริ่มตั้งแต่ 7 ขีด หรือปอนด์ครึ่งกระต่ายพันธุ์นี้ได้ขึ้นชื่อว่า อัญมณีแห่งกระต่ายสวยงาม ซึ่งนิยมเลี้ยง กันอย่างแพร่หลายในประเทศสหรัฐอเมริกา กระต่ายสายพันธุ์นี้เปรียบเสมือนกระต่ายในฝัน คือมีขนาดลำตัวเล็ก มีหลายสี กินอาหารได้น้อย โดยรวม คือ ป็นสัตว์ที่เหมาะสมกับยุคประหยัดและเป็นสัตว์ที่มีความน่ารัก เป็นที่ดึงดูดของผู้คนที่ได้พบเห็น และมีลักษณะขี้เล่น ขี้อ้อนชอบยืนสองขาเพื่อสังเกตสิ่งที่อยู่รอบๆตัวมันกระต่ายสายพันธุ์ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจึงได้รับการยอมรับจากสมาคมนักพัฒนาพันธุ์กระต่ายของสหรัฐอเมริกาจึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

เต่าญี่ปุ่น กระดองค่อนข้างแบนสีเขียวคล้ำ มีลายขีด สีเหลืองบนเกร็ดกระดอง หลังทุกเกล็ด ใต้ทองสีเหลืองมีจุดกลมสีดำ อยู่เกร็ดละจุด ส่วนหัวเต่าญี่ปุ่น คอ และขาทั้งสีมีลายขีดตามยาวสีเหลืองทีสังเกตได้ชัดเจนคือ บริเวณแก้ม ด้านหลังตาแถบสีส้ม บางทีเรียกเต่าแก้มแดงมีชื่อภาษาอังกฤษเรียกว่า Red-eared turtle จัดอยู่ในวงเต่าน้ำ เมื่อโตเต็มที่มีขนาดกระดองยาวประมาณ 20 เซนติเมตร เต่าตัวผู้มีขนาดเล็กกว่าเต่าตัวเมีย ก่อนการผสมพันธุ์ตัวเมียวางไข่ประมาณ 10 ฟอง

เต่าญี่ปุ่นหรือเต่าแก้มแดงนี้มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ เต่าชนิดนี้นิยมเลี้ยงกันมากโดยทั่วไปโดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา

แพนด้ายักษ์ หรือไจแอนท์แพนด้าเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมซึ่งปัจจุบันจัดอยู่ในวงศ์หมีอาหารโปรดของแพนด้ายักษ์คือไผ่ นอกนั้นจะเป็นหญ้าชนิดอื่น ๆลักษณะเฉพาะของแพนด้ายักษ์คือมีขนสีดำรอบดวงตา, ใบหู, บ่า และขาทั้งสี่ข้าง ส่วนอื่นประกอบด้วยขนสีขาว
ลักษณะทั่วไป
ถึงแม้พวกมันจะจัดอยู่ในวงศ์ของหมี แต่พฤติกรรมการกินของมันแตกต่างจากหมีโดยสิ้นเชิงแพนด้าเป็นสัตว์สปีชีส์ที่ถูกคุกคามหรืออยู่ในอันตรายต่อการสูญพันธ์ ทั้งนี้มาจากการสูญเสียถิ่นที่อยู่จากการบุกรุกของมนุษย์ อัตราการเกิดต่ำทั้งในป่าและในกรงเลี้ยง เชื่อว่ามีแพนด้ายักษ์เพียง 1,600 ตัว อาศัยอยู่รอดในป่า
หลายสิบปีที่ผ่านมา การจัดจำแนกสายพันธุ์ที่แน่นอนของแพนด้ายังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ แพนด้ายักษ์และแพนด้าแดงซึ่งเป็นญาติสายพันธุ์ห่าง ๆ กัน และยังมีลักษณะพิเศษที่เหมือนทั้งหมีและแรคคูน อย่างไรก็ตาม การทดลองทางพันธุกรรมบ่งบอกว่าแพนด้ายักษ์เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ของหมี (วงศ์ Ursidae) หมีที่สายพันธุ์ใกล้เคียงที่สุดของแพนด้าคือหมีแว่นของอเมริกาใต้
แพนด้ายักษ์ถือเป็นสัญลักษณ์ทางการทูตอย่างหนึ่งของจีนจะเห็นได้ว่าจีนส่งหมีแพนด้าไปยังสวนสัตว์สหรัฐอเมริกา และ ญี่ปุ่น ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1970 โดยการให้ยืม ซึ่งเป็นเครื่องหมายการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างจีนและชาติตะวันตก การปฏิบัติเป็นธรรมเนียมเช่นนี้ทำให้มีคนเรียกแพนด้าว่า “ทูตสันถวไมตรี”
จีนมีการเสนอที่จะส่งแพนด้ายักษ์ไปยังชาติอื่นโดยให้ยืมเป็นเวลา 10 ปี โดยต้องจ่ายค่าธรรมเนียมพื้นฐานปีละ 1,000,000 เหรียญสหรัฐ

โคอาล่า
โคอาล่าไม่ใช่สัตว์ในตระกูลหมี แต่จัดอยู่ในกลุ่มสัตว์จำพวกจิงโจ้ ตัวเมียจะมีกระเป๋าหน้าท้อง สำหรับให้ลูกอ่อนอาศัยอยู่ จากการที่มันมัลักษณะรูปร่าง หน้าตาเหมือนหมี ทำให้คนส่วนมากเรียกมันว่า หมีโคอาล่า
ประวั ติโคอาล่า
ค.ศ. 1798 มีบันทึกครั้งแรกสุดที่พบโคอาล่า พบโดยชาวยุโรปชื่อ John Price ค.ศ. 1803 ข้อมูลรายละเอียดของโคอาล่าเริ่มถูกตีพิมพ์ใน Sydney Gazette ค.ศ. 1816 นักธรรมชาติวิทยาชาวฝรั่งเศส Blainwill ตั้งชื่อทางวิทยาศาสตร์ให้ ชื่อว่า Phascolarctos ซึ่งมาจากภาษากรีก โดยเกิดจากคำ 2 คำ รวมกัน คือคำว่า กระเป๋าหน้าท้องของจิงโจ้ และคำว่า หมี (leather pouch และ bear) ต่อมานักธรรมชาติวิทยาชาวเยอรมัน Goldfuss ได้ตั้งชื่อที่เฉพาะเจาะจงลงไปเป็น cinereus ซึ่งหมายถึง สีขี้เถ้า
โคอาล่าในประเทศไทย
ขณะนี้ประเทศไทยมี โคอาล่า จำนวน 4 ตัว ในสวนสัตว์เชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ตอนนี้ใครไปเที่ยวก็ได้ชมโคอาล่า และ หมีแพนด้า ในคราวเดียวกัน
โคอาล่าทั้ง 4 ตัว ประเทศไทยได้รับมอบจากประเทศออสเตรเลีย ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่ออสเตรเลียจะมอบสัตว์สัญลักษณ์ของประเทศให้แก่ประเทศอื่น เรื่องนี้ วิลเลียม แพทเทอร์สัน เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย บอกว่า โคอาล่าเป็นสัตว์ประจำชาติออสเตรเลีย ชาวออสเตรเลียรักและหวงแหนเช่นเดียวกับช้างของประเทศไทยดังนั้นออสเตรเลียจึงมอบให้ ประเทศอื่นในกรณีที่มั่นใจว่าโคอาล่าจะอยู่ในสภาพแวด ล้อมที่เหมาะสมและได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดียิ่งเท่านั้นโคอาล่าทั้ง 4 ตัว เป็นเพศผู้ 2 ตัว คือ ไบรอัน อายุ 3 ปี และ ฟูล่า อายุ 4 ปี, ส่วนเพศเมียอีก 2 ตัว อายุ 3 ปี คือ ซิมสันทู และ โคโล่ สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี สามารถกินใบยูคาลิปตัสทั้ง 10 ชนิดที่ปลูกในประเทศไทยได้อย่างไม่มีปัญหาถึงแม้ว่าหน้าตาโคอาล่าคล้ายสัตว์ในตระกูลหมี ซ้ำยังมีขนออกปุกปุย แต่โคอาล่าไม่ใช่หมี ความจริงเป็นสัตว์ในกลุ่มจำพวกจิงโจ้ ตัวเมียมีกระเป๋าหน้าท้องสำหรับให้ลูกอ่อนอาศัยอยู่ ดังนั้นเรียกอย่างถูกต้องคือ “โคอาล่า” (เฉย ๆ) ไม่ต้องมีคำว่าหมี

อาหารของโคอาล่า
อาหารของโคอาล่าคือ ใบยูคาลิปตัส กินได้วันละประมาณ 200-500 กรัม แม้ว่าใบยูคาลิปตัสมีสารอาหารน้อยมาก และยังมีสารที่มีพิษต่อสัตว์ แต่ฟันและระบบย่อยอาหารของโคอาล่าถูกปรับตัวพัฒนาสามารถทำลายพิษนั้นได้ ทำให้สามารถกินและย่อยใบยูคาลิปตัสได้
โคอาล่ามีอวัยวะที่ทำหน้าที่ในการย่อยไฟเบอร์ (ส่วนประกอบหลักของใบยูคาลิปตัส) ยาวมากถึง 200 ซม. ที่บริเวณอวัยวะนี้ มีแบคทีเรียที่ช่วยในการย่อยไฟเบอร์ให้กลายเป็นสารอาหารที่ดูดซึมได้ อย่างไรก็ตาม โคอาล่ามีการดูดซึมสารที่ได้จากการย่อยไฟเบอร์ไปใช้เพียงแค่ร้อยละ 25 ของที่กินไปเท่านั้น ส่วนน้ำในใบยูคาลิปตัสส่วนใหญ่ถูกดูดซึม ทำให้โคอาล่าไม่ค่อยหาน้ำกินจากแหล่งน้ำ ในแต่ละวัน โคอาล่าใช้เวลานอนถึง 16-18 ชั่วโมง เพื่อรักษาพลังงาน และสามารถเกาะกิ่งไม้นั่งหลับได้สบายมาก

เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดหนึ่ง ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับหมีแพนด้า
บางครั้งก็จัดอยู่ในวงศ์เดียวกับหมีแพนด้า มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ailurus fulgens จัดอยู่ในวงศ์เดียวกับแรคคูน วงศ์ Procyonidae
มีลักษณะ รูปร่างคล้ายแมว หัวและลำตัวยาว 51-63 เซนติเมตร หางยาว 28-48 เซนติเมตร มีน้ำหนัก 3.0-4.5 กิโลกรัม ขนลำตัวยาว หนาและอ่อนนุ่ม หัวค่อนข้างกลม หางเป็นพวงและมีลายควั่นเป็นวงรอบสีจางๆ ด้านหลังสีน้ำตาลแดงใต้ท้องมีสีคล้ำจนเกือบดำ
อาศัย อยู่ในป่าไผ่ในที่ระดับสูง 2300-4000เมตร จากระดับน้ำทะเล ในแคว้น
ยูนนานและเสฉวนของประเทศจีน ชอบอากาศหนาวเย็นกว่าหมีแพนด้า ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่บนต้นไม้
อาหาร ปกติออกหากินในเวลากลางคืน ส่วนใหญ่บนพื้นดินมากกว่าบนต้นไม้ อาหารได้แก่ หน่อไม้ รากไม้ ผลไม้และลูกต้นก่อ
ฤดูผสมพันธุ์ อยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ออกลูกในช่วงเวลาตั้งแต่กลางเดือน
พฤษภาคมถึงเดือนกรกฎาคม ออกครั้งละ 2ตัว ตัวเมียจะตั้งท้องนาน 90-150วัน

ไก่ชน มีประวัติเล่าขานกันมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช ( 356 – 323 ปี ก่อนคริสตกาล )
ซึ่งเป็นจอมจักรพรรดิของกรีก ได้กรีธาทัพแผ่อิทธิพลขยายอาณาจักรเข้ามายังประเทศอินเดีย มีเรื่องเล่ากันว่าแม่ทัพนายกองได้เห็น การชนไก่ ที่อินเดีย จึงได้นำ ไก่ชน ไปขยายพันธุ์ ณ เมือง
อเล็กซานเดรีย ซึ่งอยู่ริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน หลังจากนั้นได้นำไก่ที่ขยายพันธุ์ได้ไปฝึกให้มีชั้นเชิงการต่อสู้แบบโรมัน เพื่อนำไปต่อสู้ในสนามโคลีเซียม
เมื่ออังกฤษปกครองอินเดียได้นำ ไก่ชน จากอินเดียเข้าไปเผยแพร่ในอังกฤษ โดยยอมรับว่า กีฬาไก่ชน เป็นเกมกีฬาที่ควรได้รับความนิยมจากบุคคลชั้นสูงเช่นเดียวกับการแข่งม้าและฟันดาบ นอกจากนี้ กีฬาชนไก่ ยังได้เผยแพร่เข้าไปในประเทศสหรัฐอเมริกาอีกด้วย
ไก่ชนในเอเซีย
กีฬา ไก่ชน หรือ ตีไก่ ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในประเทศแถบเอเซีย เช่น ไทย พม่า ลาว เขมร มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย การชนไก่ ในแถบเอเซียมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน และเชื่อว่า ไก่ชน มีพัฒนาการมาจาก ไก่ป่า ซึ่งมนุษย์นำมาเลี้ยงไว้เพื่อเป็นอาหารประจำบ้าน เมื่อ ไก่ป่า มาอยู่กับคนนานเข้า ก็ขยายพันธุ์เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก นิสัยประจำตัวของไก่คือหวงถิ่นที่อยู่ ถ้ามีไก่ตัวอื่นๆ ข้ามถิ่นเข้ามาก็จะออกปกป้องที่อยู่อาศัย หรือเมื่อมีการแย่งผสมพันธุ์กับตัวเมีย ไก่ตัวผู้ก็จะตีกัน ซึ่งทำให้เกิดการถือหางกันระหว่างเจ้าของไก่ และด้วยนิสัยของนักพนันจึงทำให้มีการแข่งขันกัน การพัฒนาสายพันธุ์ของ ไก่ป่า จึงมีวิวัฒนาการเรื่อยมา

ปลาชนิดนี้มีลำตัวค่อนข้างสั้น แบนข้าง สีพื้นของตัวมีสีน้ำตาลอมส้ม ด้านบนของลำตัวมีสีเข้มกว่าด้านท้อง และสีของลำตัวจะ มีสีส้มแดงมากกว่าปลาการ์ตูนอินเดียน มีแถบสีขาวพาดตามยาวที่ด้านหลัง และมีแถบสีขาวพาดขวางที่ส่วนหัวบริเวณระหว่างขอบของแผ่นปิดเหงือกอันหน้าและ แผ่นปิดเหงือก พบอยู่รวมกันเป็นกลุ่มขนาดเล็ก 2-7 ตัว โดยอาศัยอยู่ร่วมกับดอกไม้ทะเลหลายชนิด พบบ่อยบริเวณกองหินใต้น้ำใกล้แนวปะการัง พบที่ระดับความลึก 3-20 เมตร ในประเทศไทยพบเฉพาะทะเลฝั่งอ่าวไทย บริเวณที่พบได้บ่อยเช่น หมู่เกาะต่าง ๆ ในจังหวัดชลบุรี ระยอง ชุมพร และสุราษฎร์ธานี ปัจจุบันนิยมนำมาเลี้ยง เป็นปลาสวยงาม แต่ไม่ควรสนับสนุน เนื่องจากการเลี้ยงปลาสวยงามในตู้ปลามีอัตราการตายสูงมาก

ลักษณะทั่วไปของยีราฟ
ยีราฟเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เป็นสัตว์บกที่มีขนาดใหญ่ ตัวผู้สูงถึง 18 ฟุต มีน้ำหนัก 1100-1900
ตัวเมียสูงน้อยกว่าตัวผู้ 1 ฟุตมีน้ำหนัก 700-1180 มีเขาทั้งสองเพศขนออกสีส้มปนขาว ลิ้นยาวมาก
เวลาจะกินใบไม้มันจะใช้ลิ้นอันยาวของมันกินใบไม้ที่เป็นยอดอ่อนของใบ (ลิ้นของยีราฟเป็นสีน้ำเงินดำ)
มีเต้านม4เต้า
ที่อยู่อาศัย/อาหาร
จะอยู่แถบทุ่งโล่งเช่น แอฟริกา ทุ่งหญ้าสะวันนา กินใบไม้ไม่ชอบกินหญ้า
พฤติกรรม/การสืบพันธุ์
จะอยู่กันเป็นฝูง อยู่กับสัตว์อื่นเพื่อช่วยเหลือกันในยามยาก
ยีราฟตั้งท้องนาน420-468 วัน ออกลูกครั้งละ1ตัวมีอายุยืน20-30ปี ผสมพันธุ์เมื่ออายุ3ปี ครึ่ง

แมลงสาบ เป็นแมลงชนิดหนึ่ง ชื่อไทยนั้นจะแปลคำว่าสาบ หมายถึง กลิ่นเหม็นสาบ เหม็นอับเป็นต้น นั่นเอง แมลงสาบนั้น โดยทั่วไปที่รู้จักกันดีจะ มีลำตัวยาวประมาณ 3 เซนติเมตร ซึ่งจะมีความยาวด้านลำตัวประมาณ 2 เซนติเมตรเป็นต้นขึ้นไป

ความเป็นมากับวิวัฒนาการ

วิวัฒนาการแม จากการศึกษาซากฟอสซิลของแมลงสาบ บ่งชี้ได้ว่า แมลงสาบได้ถือกำเนิดมาบนโลกนี้ยาวนานกว่ามนุษย์หลายเท่า เพราะมันได้เกิดมาตั้งแต่ยุคโบราณ(Carboniferous) 354 - 295 ล้านปีมาแล้ว ความแตกต่างของแมลงสาบโบราณกับแมลงสาบในปัจจุบัน คือช่องออกไข่ที่ปลายช่องท้องของมัน และมีการค้นพบฟอสซิลแมลงสาบที่เป็นยุคปัจจุบันคือมีรังไข่เหมือนกับปัจจุบันในยุคที่ไดโนเสาร์สูญพันธุ์จากโลกไปแล้ว หรือที่เรียกว่ายุค Mesozoic แมลงสาบสามารถปรับตัวได้กับทุกสภาพแวดล้อม เนื่องจากการที่แมลงสาบกินทุกอย่างเป็นอาหาร บางสายพันธุ์สามารถกินไม้ได้ด้วย แมลงสาบจะปรากฏตัวให้เห็นอยู่ในประเทศที่เป็นเขตเ

มืองร้อน แมลงสาบในประเทศไทยจะอาศัยอยู่ตามบ้านเรือน แหล่งของเสีย ขยะแมลงสาบที่อาศัยอยู่ตามฟาร์ม เช่น โรงผสมอาหารสัตว์ มีวิธีกำจัดแมลงสาบโดยชีวะวิธ๊ด้วยแมลงที่เป็นศัตรูเพื่อลดการใช้สารเคมีกำจัดแมลง

ปูเสฉวนเป็นปูที่มีขา 10 ขาเช่นเดียวกับปูม้าและปูทะเล แต่ตัวเล็กกว่า
ปูเสฉวนเป็นปูที่มีรูปร่างแปลกประหลาดส่วนท้ายของลำตัวของปูเสฉวนจะอ่อนนุ่มนิ่ม
เพราะไม่มีกระดองแข็ง ๆ หุ้มเหมือนปูชนิดอื่น ๆ ทั่วไป ลำตัวมีลักษณะโค้งและงอ
ปูเสฉวนจะต้องหาสิ่งอื่นไว้เป็นที่กำบังตลอดเวลาและสิ่งนั้นคือ เปลือกหอยฝาเดียว
ซึ่งมีมากตามชายหาดเมื่อปูเสฉวนโตขึ้นตัวมันจะคับเปลือกมันจึงเปลี่ยนหาเปลือกหอยอันใหม่
ที่มีขนาดพอดีกับตัวปูเสฉวนมักจะกินสัตว์และพืชที่เน่าเปื่อยตามชายหาด

เสือ (Tiger) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในวงศ์ ฟิลิดี (Felidae)

ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกับแมวโดยชนิดที่เรียกว่าเสือมักมีขนาดลำตัวค่อนข้างใหญ่กว่า

และอาศัยอยู่ภายในป่า ขนาดของลำตัวประมาณ 168 - 227 เซนติเมตร

และหนักประมาณ 180 - 245 กิโลกรัม รูม่านตากลม เป็นสัตว์กินเนื้อกลุ่มหนึ่ง

มีลักษณะและรูปร่างรวมทั้งพฤติกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ แตกต่างจากสัตว์ในกลุ่มอื่น

หากินเวลากลางคืน มีถิ่นกำเนิดในป่า เสือส่วนใหญ่

ยังคงมีความสามารถในการปีนป่ายต้นไม้ (ยกเว้นเสือชีต้า Cheetah)

เสือทุกชนิดมีกรามที่สั้นและแข็งแรง มีเขี้ยว 2 คู่สำหรับกัดเหยื่อ

ทั่วทั้งโลกมีเสืออยู่ประมาณ 37 ชนิด

ซึ่งรวมทั้งแมวบ้านด้วยเสือจัดเป็นสัตว์นักล่าที่มีความสง่างามในตัวเอง

โดยเฉพาะเสือขนาดใหญ่ที่แลดูน่าเกรงขราม

ไม่ว่าจะเป็นเสือโคร่งหรือเสือดาว

ผู้ที่พบเห็นเสือในครั้งแรกย่อมเกิดความประทับใจในความสง่างาม

แต่ในขณะเดียวกันก็เกิดความหวาดหวั่นเกรงขามในพละกำลังและอำนาจภายในตัว

ของพวกมัน เสือจึงได้รับการยกย่องให้เป็นราชาแห่งสัตว์ป่า

และเป็นจ้าวแห่งนักล่าอย่างแท้จริง

ปัจจุบันจำนวนของเสือในประเทศไทยลดจำนวนลงเป็นอย่างมาก

ในระยะเวลาไม่ถึง 10 ปี เสือกลับถูกล่า ป่าภายในประเทศถูกทำลายเป็นอย่างมาก

สภาพธรรมชาติในพื้นที่ต่าง ๆ ถูกเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมาย

ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ของมนุษย์เอง

ทุกวันนี้ปริมาณของเสือที่จัดอยู่ในลำดับสุดท้ายของห่วงโซ่อาหารถือเป็นสิ่งจำเป็น

เพราะการสูญสิ้นหรือลดจำนวนลงอย่างมากของเสือซึ่งเป็นสัตว์กินเนื้อ

จะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างและระบบนิเวศทั้งหมด

การลดจำนวนอย่างรวดเร็วของเสือเพียงหนึ่งหรือสองชนิดในประเทศไทย

ทำให้ปริมาณของสัตว์กินพืชเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว

จนทำให้ธรรมชาติเสียความสมดุลในที่สุด

โดโด้ (dodo) เป็นในนกท้องถิ่นที่สามารถพบได้เฉพาะบนหมู่เกาะมอริเชียสในมหาสมุทรอินเดียเท่านั้น เป็นนกที่บินไม่ได้อยู่ในตระกูลเดียวกับนกพิราบ มีชื่อในทางวิทยาศาสตร์ว่า Raphus cucullatus

ในปี พ.ศ. 2048 ชาวโปรตุเกสเป็นชาวยุโรปพวกแรกที่พบ และเพียงประมาณปี พ.ศ. 2224 มันก็สูญพันธุ์อย่างรวดเร็วโดยมนุษย์ รวมถึงสุนัขล่าเนื้อ หมู หนู ลิง ที่ถูกนำเข้าโดยชาวยุโรปอีกด้วย

โดโด้ไม่ใช่นกแค่เพียงชนิดเดียวในมอริเชียสที่สูญพันธุ์ในศตวรรษนี้ จากนกกว่า 45 ชนิดที่พบบนเกาะ มีเพียง 21 ชนิดเท่านั้นที่เหลือรอด นกสองชนิดซึ่งเป็นญาติใกล้ชิดกับโดโด้ก็สูญพันธุ์ไปเช่นกัน คือ Reunion solitaire (Raphus solitarius) ประมาณปี พ.ศ. 2289 และ Rodrigues solitaire (Pezophaps solitaria) ประมาณปี พ.ศ. 2333 เมื่อทศวรรษ พ.ศ. 2533 วิลเลียม จ. กิบบอนส์ นำคณะสำรวจขึ้นค้นหาบนเขาบนเกาะมอริเชียส แต่ก็ไม่มีใครค้นพบ จึงประกาศการสูญพันธุ์อย่างเป็นทางการ

แหล่งที่อยู่

หมู่เกาะแห่งมัวริเทียส เป็นบ้านของแหล่งนิเวศหลากหลาย ทั้งที่ราบ ภูเขาลูกเล็ก ป่าโปร่ง ป่าดิบ และแนวปะการังขนานตลอดชายฝั่ง ป่าดงดิบเขตร้อน ป่าละเมาะเขตร้อน ทุ่งหญ้าสะวันนาเขตร้อนแม้ว่าภาพและเรื่องประมาณมากมายจะสื่อว่าโดโด้อยู่ตามชายฝั่งทะเลของมัวริเทียส แต่ที่จริงมันเป็นนกป่า โดโด้ทำรังอย่างง่าย ๆ บนพื้นป่า

แพนด้ายักษ์ หรือไจแอนท์แพนด้า(Ailuropoda melanoleuca) คนไทยชอบเรียกกันว่าหมีแพนด้าอาศัยอยู่ใต้ของจีนอาหารโปรดคือไผ่ลักษณะเฉพาะของแพนด้าสีดำรอบตา, หู, บ่า และขาสี่ข้าง อย่างอื่นประกอบด้วยขนสีขาวตอนนี้แพนด้าเป็นสัตว์ที่ใกล้จะสูญพันธ์ล่าสุดแพนด้าที่เลี้ยงในกรงจีนมีประมาณ 239 ตัวที่จีนและ 27 ตัวที่ต่างประเทศ มีการคาดการณ์ว่ามีแพนด้าอาศัยในป่าประมาณ 1,590 ตัว วิเคราะห์ดีเอ็นเอ สามารถประมาณได้อาจจะมีแพนด้าจำนวนถึง 2,000-3,000 ตัวอาศัยอยู่ตามธรรมชาติแสดงให้เห็นว่าจำนวนแพนด้าในธรรมชาติเพิ่มขึ้นสหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติว่าข้อมูลยังไม่มีความแน่นอนที่จะย้ายชื่อแพนด้าออกจากบัญชีรายชื่อสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์

ไดโนเสาร์ ( Dinosaur) เป็นชื่อเรียกโดยรวมของดึกดำบรรพ์ในอันดับใหญ่ Dinosauria ซึ่งเคยครองระบบนิเวศน์บนพื้นพิภพ ในมหายุคมีโซโซอิก เป็นเวลานานถึง 165 ล้านปี ก่อนจะสูญพันธุ์ ไปเมื่อ 65 ล้านปีที่แล้ว คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าไดโนเสาร์เป็นสัตว์เลื้อยคลาน แต่อันที่ตริงไดโนเสาร์เป็นสัตว์ในอันดับหนึ่งที่มีลักษณะก้ำกึ่งระหว่างสัตว์เลื้อยคลานและนก

คำว่า ไดโนเสาร์ ในภาษาอังกฤษ dinosaur ถูกตั้งขึ้นโดย เซอร์ ริชาร์ด โอเวน นักบรรพชีวินวิทยา ชาวอังกฤษ ซึ่งเป็นการผสมของคำในภาษากรีกสองคำ คือคำว่า deinos (ใหญ่จนน่าสะพรึงกลัว) และคำว่า sauros (สัตว์เลื้อยคลาน)

หลายคนเข้าใจชอบผิดว่า ไดโนเสาร์นั้น คือสัตว์ที่อาศัยอยู่ในมหายุคมีโซโซอิกทั้งหมด แต่จริงๆ แล้ว ไดโนเสาร์ คือสัตว์ชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่บนพื้นดินเท่านั้น สัตว์บกบางชนิดที่คล้ายไดโนเสาร์ สัตว์น้ำและสัตว์ปีกที่มีลักษณะคล้ายไดโนเสาร์ ไม่ถือว่าเป็นไดโนเสาร์ เป็นเพียงสัตว์ชนิดที่อาศัยอยู่ในยุคเดียวกับไดโนเสาร์เท่านั้น

แม้ว่าไดโนเสาร์จะสูญพันธุ์ไปนานหลายล้านปีแล้ว แต่คำว่าไดโนเสาร์ก็ยังเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ทั้งนี้อาจเป็นเพราะไดโนเสาร์นั้นนับว่าเป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง ที่เต็มไปด้วยปริศนาและความน่าอัศจรรย์เป็นอันมากนั่นเอง

ลักษณะทั่วไป

ลักษณะของปูชนิดนี้จะโดดเด่นกว่าปูชนิดอื่นๆอยู่มาก
มีขนาดไม่ใหญ่มากนักประมาณ 2 นิ้ว (ความกว้างของกระดอง)
ลำตัวมีสีขาว และมีลายสีม่วงเข้มพาดอยู่ที่กลางลำตัว และส่วนขาทั้งหมด
มีสีแดงอมส้ม ซึ่งถ้าดูดีๆ สีจะเหมือนกับธงชาติไทย ของเราเลย
ตัวผู้จะมีก็ขนาดใหญ่กว่าตัวเมีย และจะมีก้ามที่โตอยู่หนึ่งข้าง
ออกหากินในเวลาตอนกลางคืน ช่วงกลางวันจะแอบ อยู่ในรูริมแหล่งน้ำ

แหล่งที่อยู่อาศัย
ปูชนิดนี้จะอาศัยการขุดรูอยู่ตามตลิ่ง ในแนวลำธารที่มีลักษณะ
เป็นดินร่วนซุย ส่วนในช่วงหน้าฝนซึ่งจะเป็นช่วงฤดูผสมพันธุ์ของปูชนิดนี้
จะออกมาจากรู เพื่อลงไปอาศัยในลำธาร และจะแอบซ่อนตัวอยู่ตาม
โขดหิน จะอยู่เป็นจำนวนมาก

ความเป็นมา
ณ ลุ่มน้ำของแม่น้ำ โคลิมา ตีนภูเขาเชิร์สกี้ มีชาว ชัคชิ ที่เป็นผู้พัฒนาสุนัขพันธุ์ ไซบีเรียน ฮัสกี สุนัขเหล่านี้ถูกพัฒนาเป็นพิเศษเพื่อสนองความต้องการของเขาที่ต้องการสุนัขที่มีความเร็วและความอดทนต่อการเดินทางในระยะทางไกลๆ จนทำให้ได้ ไซบีเรียนฮัสกี ที่เป็นสุนัขต้นแบบที่แข็งแรงที่สุดช่วงชีวิตเฉลี่ย
ไซบีเรียน ฮัสกี มีชีวิตได้นานถึง 12 ปีขนาดและน้ำหนักเฉลี่ย
54-60 ซม.20-27 กก.อุปนิสัยประจำพันธุ์/ลักษณะประจำพันธุ์/อารมณ์
ไซบีเรียน ควรมีความสุภาพ ไว้ใจได้ และเป็นมิตร ความที่เป็นสุนัขอารมณ์ดีทำให้พวกเขาเป็นสัตว์เลี้ยงของครอบครัวที่เหมาะกับคนทุกวัย และเป็นสายพันธุ์ที่มีเสน่ห์กับคุณและทุกๆคนตามธรรมชาติจะเป็นสุนัขที่ระวังระไว ทุ่มเท และติดตลก เป็นสุนัขที่ชอบเอาอกเอาใจเจ้าของ แต่ก็ควรเตรียมรับมือกับความเป็นสุนัขหัวดื้อ มุ่งมั่น และมีความเป็นตัวของตัวเองอย่างไม่มีใครเทียบได้ ซึ่งอาจเป็นเพราะธรรมชาติของการเป็นสุนัขทำงาน ไซบีเรียน แต่ละตัวจะมีลักษณะนิสัยของตัวเขาเอง

ความเข้ากันได้กับสัตว์เลี้ยงอื่นๆ
ต้องดูแลเขาเช่นเดียวกับสัตว์ที่ชอบอยู่เป็นฝูง และต้องให้รู้ว่าใครเป็นเจ้านาย สามารถเลี้ยงร่วมกับสัตว์เลี้ยงอื่นๆได้อย่างไม่มีปัญหา

ความต้องการการเอาใจใส่ดูแล
หากไม่ได้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไซบีเรียน จะกลายเป็นตัวก่อความรำคาญเพราะเขาต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อลดความเบื่อหน่าย สุนัขพันธุ์นี้จะต้องคอยปรับและควบคุมการให้อาหารพวกเขามีเมตาบอลิซึมต่ำโดยกำเนิด และต้องการการออกกำลังกายเพื่อกระตุ้นความอยากอาหาร ไม่มีอะไรที่ไม่น่าดูเท่ากับ ไซบีเรียน ฮัสกี อ้วนตุ๊ต๊ะอีกแล้วขณะที่สุนัขสายพันธุ์ต่างๆ ผลัดทิ้งขนตามฤดู แต่ใน ไซบีเรียน ขนชั้นในทั้งตัวของสุนัขจะออกมาเป็นปุย ดูเหมือนขนแกะมาก ไซบีเรียน ฮัสกี มีความขะมักเขม้น และมีความปรารถนาที่จะวิ่งอย่างที่สุด การเข้าใจธรรมชาติของเขาและเห็นประโยชน์ในการวางทิศทางที่ดีในการออกกำลังกายของ ไซบีเรียน ที่เป็นสุนัขลากเลื่อน ซึ่งเป็นความจำเป็นให้เขาได้มีทางปลดปล่อยพลังงานของเขาออกมา

ข้อควรจำ
สายพันธุ์นี้มีสิ่งหนึ่งที่ต้องจำไว้, คือศักยะภาพสำหรับการไล่ตามและการฆ่าปศุสัตว์, บวกสายพันธุ์โดยทั่วไปนิสัยที่รักอิสระไม่ขึ้นกับใคร สุนัขพันธุ์นี้ไม่ค่อยเห่าแต่บางครั้งเสียงหอน ของเขาอาจจะเสียงดังไปหน่อยผู้เลี้ยงที่เหมาะสม
ไซบีเรียน ฮัสกี ไม่ใช่สายพันธุ์ที่เหมาะกับทุกคน แต่จะเหมาะสำหรับคนที่เตรียมที่จะให้ ทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่สายพันธุ์นี้ต้องทั้งการออกกำลังกาย และมิตรภาพ ผู้เป็นเจ้าของ ไซบีเรียนจะได้ประสบการณ์ที่ดีกลับคืนเป็นรางวัลที่ล่ำค้า

แมงกะพรุนเป็นสัตว์ประเภทหนึ่งที่ไม่มีกระดูกสันหลัง ส่วนใหญ่จะอยู่ในทะเล แต่ก็มีบางชนิดที่อยู่ในน้ำจืด แมงกะพรุนเป็นสัตว์ในพวกเดียวกับปะการัง มีเซลล์ที่ใช้ต่อยและมีพิษมากกว่าปะการังมากด้วย แมงกะพรุนบางชนิดอาจทำให้ผู้ถูกต่อยถึงช็อคเสียชีวิตได้

แมงกะพรุน ทำให้เกิดปัญหาแก่นักว่านน้ำและชาวประมงมนุษย์แถบตะวันออกโดยเฉพาะชาวจีน
รู้จักบริโภคแมงกะพรุนมากว่าพันปี และพบว่าสามารถรักษาโรคความดันโลหิตสูง หลอดลมอักเสบ

คำว่า แมงกะพรุน เป็นสัตว์ทะเลชนิดหนึ่งมีกว่า 100 สายพันธุ์ อยู่ใน class Scyphozoa,
phylum Coelenterata เราพบแมงกะพรุนได้ตามชายฝั่ง ส่วนมากอาหารของแมงกระพรุนนั้นมักจะเป็นอาหารจำพวกสัตว์น้ำขนาดเล็ก แพลงตอน และพืชน้ำต่าง ๆ

กั้งกระดานเป็นสัตว์น้ำซึ้งจัดอยู่ในสัตว์จำพวกกุ้ง กั้งกระดานจะไม่มีกรีแหลมที่หัวและลำตัวแบนสั้นกว่ากุ้ง กั้งกระดานจะมีผิวขรุขระ เบ้าตาบุ๋มลงในส่วนของหน้า นัยน์ตามีขนาดเล็กอยู่บนก้านตา นัยน์ตาของกั้งกระดานเคลื่อนไหวได้คล้ายกับตาของปูมีหนวดที่ไม่ยาวนัก มีข้อต่อกันคล้ายใบสน แนวกลางหัวและลำตัวเป็นสันแข็ง มีขาเดิน 5 คู่ ขาเดินคู่ที่ 5 ของตัวเมียเล็กกว่าของตัวผู้มาก มีลำตัวแบ่งออกเป็นปล้อง แต่ละปล้องจะมีขาว่ายน้ำอยู่หนึ่งคู่ หางมีลักษณะเป็นแผ่นแข็งแรง ใช้ในการดีดตัวหลบหนีศัตรู หัว มีตุ่มเล็กเรียงเป็นแถวบนลำตัว นัยน์ตาสีดำ พบอยู่บริเวณพื้นหน้าดิน ท้องทะเลที่มีกรวดปนโคลนกินสัตว์ทะเลขนาดเล็กที่อยู่ในน้ำและอื่น ๆ กั้งกระดานมีลำตัวมีขนาด 12-25 ซ.ม. และยังสามรถนำเนื้อมารับประทานได้และยังมีประโยชน์อื่นๆอีกมากมาย

พูดถึงนกนางแอ่นแล้วมีหลายท่านที่ยังสับสนอยู่มากโดยเข้าใจว่านกนางแอ่นที่เห็นเกาะเป็นกลุ่มใหม่ที่อยู่ตามสายไฟฟ้าบินฉวัดเฉลียนไล่จับแมลงกับนกนางแอ่นที่คนนิยมนำรังมากินนั้นเป็นนกชนิดเดียวกัน ความจริงแล้วนก 2 ชนิด
ไม่มีความสัมพันธ์ต่อกันเลย จากการที่มันมีส่วนคล้ายคลึงกันมาก ทั้งรูปร่างละลักษณะของปีก ท่าบิน ทำให้เกิดการเข้าใจผิดขึ้น นกนางแอ่นที่เกาะตามเสาไฟฟ้ามีชื่อว่า นกนางแอ่นบ้าน นกนางแอ่นนี้ มีกระจายอยู่ทั่วโลกถึง 79 ขนิด ที่พบในเมืองไทยมีอยู่ 10 ชนิด รวมทั้งนกเจ้าฟ้าสิรินธร ซึ่งจัดเป็นนกที่หายากชนิดหนึ่งของโลกเลยทีเดียวเพราะมีเพียงแห่งเดียวคือที่ บึงบรเพ็ด จังหงัด นครสวรรค์เท่านั้นจึงสมควรที่พวกเราชาวไทยทุกคนจะต้องอนุรักษ์นกชนิดนี้เอาไว้ให้ดีที่สุด
ส่วนนกนางแอ่นกินรังนั้นเป็นนกในอันดับapodiformes นกในวงศ์ Apoeidae มีทั้งหมด 76 ชนิด ในเมืองไทยมี 12 ชนิด แม้ว่า นกทั้งสองวงศ์นี้จะมีรูปลักษณะที่คล้ายคลึงกันมากก็จริงอยู่แต่ก็มีลักษณะที่แตกต่างกันบ้าง คือ ลักษณะของปีกที่ยาว และเรียวนั้นนกในวงศ์ Apoeidae จะมีปีกยาวและเรียวกว่า ปีกจะเว้าเค้าไปมีลักษณะคล้ายเคียวและเวลาบินจะกระพือปีกถี่กว่า และบินได้เร็วกว่า ในขณะที่นกในวงศ์ Hirundinidae ชอบนอนพักผ่อน อยู่ตามสายไฟ และตามพุ่มไม้ นกในวงศ์ Apoeidae เกือบทุกชนิดจะพักผ่อนนอนหลับโดยการเกาะอยู่ตามผนังถ้ำหรือขอบรัง
ข้องแตกต่างที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ อุปนิสัยในการสร้างรัง นกในวงศ์ Hirundinidae จะสร้างรังด้วยใยของต้นไม้ผสมกับดินเหนียว แต่นกในวงศ์ Apoeidae นั้นจะสร้างรังด้วยใยของต้นไม้ผสมกับน้ำลายของนกและมีบางชนิดที่สร้างรังด้วยน้ำลายล้วนๆ

13นกอีมู

นกกระเรียนมีลักษณะสูงใหญ่ ตัวผู้กับตัวเมียมีลักษณะคล้ายกันมากมันจะมีขนลำตัวบนสีเทาตลอด มันมีขายาวสีแดง บริเวณส่วนหัวจะไม่มีขน มีแต่หนังและขนเล็กๆเป็นสีแดง มีจุดด่างขาวตรงบนหัวและกกหู นกกระเรียน จะมีปากเรียวแหลมไม่ยาวนัก มีสายตาไวมาก เวลาเช้าและเย็นชอบร้องดังลั่น นกกระเรียนมีถิ่นกำเนิดใน
ประเทศอินเดีย ไทยตอนใต้ พม่า กัมพูชา ลาว ฟิลิปปินส์ เวียดนามตอนใต้ ออสเตรเลียและมาเลเซีย
อาหารของนกกระเรียนได้แก่ กุ้ง หอย ลูกกบ ปลา ลูกเขียดและสัตว์เล็ก ๆ เช่น หนู กิ้งก่า จิ้งเหลน ยอดไม้ ยอดหญ้า เมล็ดพืชข้าวเปลือกและแห้วหมู นกกระเรียนจะชอบหากิน ตามทุ่ง ดงหญ้า หรือ หนองบึงมันหากินเป็นคู่หรือกลุ่มเล็ก ๆ มันเป็นสัตว์ที่ไม่เปลี่ยนคู่และไม่มีการแยกจากกัน มันจะหากินใกล้ ๆ กันตลอดเวลา ถ้าบินไปไหนก็จะบินตามกันไป ถ้าคู่ของมันได้รับอันตรายมันก็จะไม่ทิ้งคู่ของมัน มันจึงมักถูกยิงตายด้วยกันเสมอ
นกกระเรียนจะผสมพันธุ์ในช่วงฤดูฝน ทั้งคู่จะเต้นรำ กันซึ่งเป็นการเกี้ยวพาราสีกัน รังของมันมีขนาดใหญ่ ทำด้วยต้นไม้ใบหญ้า และกิ่งไม้เล็ก ๆมาขัดสานกัน มันจะวางไข่ครั้งละประมาณ 1-3 ฟอง นกกระเรียนเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองและสงวนสัตว์ป่า ในปีพุทธศักราช 2535 และยังสามารถชมได้ที่สวนสัตว์นครราชสีมา สวนสัตว์เชียงใหม่ และสวนสัตว์เปิดเขาเขียว

นกยูงอินเดียมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับนกยูงไทย แต่จะต่างกันตรงที่ขนที่บนหัวนกยูงไทยจะมีลักษณะเป็นจุก แต่นกยูงอินเดียจะแผ่ออกเหมือนพัด และสีของขนของนกยูงไทยจะมีสีเขียวใบไม้ แต่ของนกยูงอินเดียจะเป็น สีน้ำเงินและมีสีขาวที่จมูกจนถึงขอบตาด้านบนนัยน์ตา พบได้ในอินเดียและศรีลังกา นกยูงชนิดนี้จะอาศัยอยู่ในป่าดงดิบทึบ อยู่กันเป็นฝูง ตัวผู้จะชอบทำลานเอาไว้เพื่อรำแพนหาง มันจะรักษาความสะอาดลานของมันไว้อย่างดี นกยูงเป็นนกที่สายตาไวมากและระวังตัวมาก และจะเข้าใกล้ตัวมันได้ยากมากเพราะมันจะบินหนีก่อนที่เราจะเข้าใกล้มัน นกยูงบินเก่งและชอบนอนที่สูง มันจะชอบร้องเวลาเช้าและเย็น และไม่ดุร้าย มันจะจำที่อยู่ได้ดีมาก
นกยูงชนิดนี้วางไข่ ครั้งละประมาณ 5-8 ฟอง ไข่ฟักนานถึง 28 วัน
นกยูงอินเดียกิน แมลง เมล็ดพืช ผลไม้และสัตว์เลื้อยคลานบางชนิดสามารถชมได้ที่สวนสัตว์ดุสิต สวนสัตว์เปิดเขาเขียว สวนสัตว์สงขลา สวนสัตว์เชียงใหม่

นากเล็กเล็บสั้นคือนากที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก เมื่อมันตัวเต็มวัยจะมีน้ำหนักไม่ถึง 3 กิโลกรัม ความยาวตั้งแต่จมูกถึงปลายหางประมาณ 0.9 เมตร ขนของนากจะเป็นสีน้ำตาลเข้ม บริเวณคอเป็นสีขาว ขนของนากจะค่อนข้างสั้น ระหว่างนิ้วมีพังผืดถึงข้อสุดท้าย นากชนิดนี้จะมีเล็บที่สั้นมาก มีประสาทสัมผัสที่อุ้งเท้าดีมาก นากมีสายตาที่ดีมากทั้งบนบกและในน้ำ บริเวณหูมีลิ้นสำหรับปิดกันน้ำได้ นากชนิดนี้จะหากินเวลากลางคืนและใกล้ค่ำเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ออกหากินในเวลากลางวันบ้าง นากจะจับเหยื่อด้วยขาหน้า ซึ่งจะต่างจากนากชนิดอื่นๆ ที่จับเหยื่อด้วยปากและนากชิดอื่นจะใช้ประสาทสัมผัสของหนวดในการรับรู้และอาหารหลักคือ หอย ปู ปลาและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดเล็กอยู่ในน้ำ พบได้ที่แหล่งน้ำจืดที่ตื้นและบึงชายเลนที่พืชริมฝั่งไม่หนาแน่นมากนัก นากชนิดนี้อาศัยอยู่บนบกมากกว่านากชนิดอื่น มันจะผสมพันธุ์ในน้ำและออกลูกที่ละ 2-4 ตัว

ลักษณะทั่วไป
มีลักษณะของสัตว์หลายชนิดอยู่รวมกันในตัว เป็นสัตว์กลีบเดี่ยว อธิบายคือ รูปร่างคล้ายหมู กลีบเท้าคล้ายแรด จมูกและริมฝีปากมนยาว คล้ายงวงช้าง หางสั้นคล้ายหางหมี หูเล็กสั้นกลม ตาเล็ก ลูกสมเสร็จที่เกิดใหม่ตัวลายคล้ายแตงไทย มีสีน้ำตาลสลับขาว ลายนี้จะเลือนหายไป เมื่ออายุประมาณ 6 เดือน สมเสร็จอาศัยอยู่ในทวีปอเมริกา และ เอเชีย ในทวีปอเมริกาจะพบ ตั้งแต่เม็กซิโกลงมาจนถึงอเมริกาใต้ แต่ในเอเชียจะพบตั้งแต่แถบเทือกเขา ตะเนาศรีของประเทศไทย ลงไปจนถึงคาบสมุทรมลายู สุมาตรา สมเสร็จจะกินใบไม้ ต้นอ่อนของพืช ผลไม้ พืชน้ำ และหญ้าเป็นอาหาร
สถานภาพปัจจุบัน
สมเสร็จเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ จึงเป็นสัตว์ที่ถูกล่าเพื่อจะเอาหนังและเนื้อ เนื้อสมเสร็จคล้ายเนื้อหมู เพราะสมเสร็จไม่มีนิสัยดุร้าย จึงสามารถล่าได้ง่ายนอกจากนี้การบุกรุกทำลายป่าดิบชื้นของภาคใต้ ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่มี ความสำคัญของสมเสร็จ
สถานที่ชมมีหลายแห่ง
เช่น สวนสัตว์ดุสิต สวนสัตว์เปิดเขาเขียว สวนสัตว์เชียงใหม่ สวนสัตว์นครราชสีมาและสวนสัตว์สงขลา เป็นต้น

งูเขียวหางไหม้จะมีหัวที่ยาวมนใหญ่ ตัวอ้วนสั้น ปลายหางมีสีแดงชัดเจน คอเล็ก งูเขียวหางไหม้ลำตัวมี
สีเขียวอมเหลืองสด งูเขียวหางไหม้เป็นงูพิษอ่อน ถ้าถูกกัดจะเจ็บปวดและบวมอยู่หลายวัน แต่ไม่ถึงกับตาย นอกจากว่ามีโรคแทรกซ้อน มีอยู่ในที่ชุกชุมในภาคกลาง เช่น กาญจนบุรี นครปฐม กรุงเทพฯ ปทุมธานี ราชบุรี สระบุรี อยุธยา ลพบุรี ชลบุรีและอ่างทอง นอกจากนี้ยังพบใน จีน ศรีลังกา พม่าและอินเดียงูเขียวหางไหม้จะกินลูกกิ้งก่า ตุ๊กแก จิ้งจก แมลง ลูกนก กบ เขียด หนู งูเขียวหางไหม้ปกติแล้วมันจะเลื้อยช้าๆ งูเขียวหางไหม้มันยังมีนิสัยดุร้ายและ ฉกกัดเมื่อเข้าใกล้มัน งูเขียวหางไหม้ชอบอาศัยตามตามกองไม้ ซอกชายคา กอหญ้า กระถางต้นไม้ มันออกหากินในเวลากลางคืน ขณะเกาะนอนบนกิ่งไม้ มันจะใช้ลำตัวและหางรัดพันยึดกับกิ่งไม้ไว้ งูเขียวหางไหม้จะออกลูกเป็นตัวประมาณครั้งละ 8-12 ตัว แต่ก็มีบางชนิดที่ออกลูกเป็นไข่ สามารถชมไปชมได้ที่สวนสัตว์ นครราชสีมาและสวนสัตว์ดุสิต

เสือเขี้ยวดาบคือสัตว์ดึกดำบรรพ์ มันอาศัยอยู่ในทวีป แอฟริกา ยุโรป อเมริกาเหนือ และ เอเชีย บริเวณ เขตทุ่งหญ้าสะวันนา ทุ่งหญ้าสเตปส์ ทุ่งหญ้าแพร์รี่ ป่าดงดิบและป่าไม้ผลัดใบ เมื่อ 10,000 ปีก่อน เสือเขี้ยวดาบมีขนาดและรูปร่างคล้ายกับเสือทั่วไป แต่ขาหน้าจะยาวกว่าขาหลังและหางสั้น เขี้ยวข้างบนยาวกว่าเขี้ยวข้างล่างเขี้ยวข้างบนจะมีลักษณะแบนและโค้งแบบมีดดาบ และมันสามารถจู่โจมได้อย่างดุเดือด และกระชากฉีกเนื้อของเหยื่อด้วยฟันที่แหลมคมได้อย่างฉับไว ที่อยู่อาศัยของเสือเขี้ยวดาบคือทวีปยุโรป เอเชีย แอฟริกาและอเมริกาเหนือ ในเขต ทุ่งหญ้าสะวันนา ทุ่งหญ้าแพร์รี่ ทุ่งหญ้าสเตปส์ ป่าดงดิบและป่าไม้ผลัดใบ ที่รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา ประเทศไทยพบเขี้ยวที่หัก 1 ชิ้น เป็นที่แห่งแรกที่บ่อดูดทรายบริเวณริมแม่น้ำมูล ใน ต. ท่าช้าง อ. เฉลิมพระเกียรติ จ. นครราชสีมา เมื่อปีพุทธศักราชที่ 2545

ไดโนเสาร์สเตกอซอรัสเป็นไดโนเสาร์กินพืชที่มีขนาดและรูปร่างใหญ่เท่ากับช้างในปัจจุบันไดโนเสาร์ชนิดนี้มีชีวิตอยู่ในช่วงยุคจูแรสสิกตอนปลายและมีการค้นพบโครงกระดูกของไดโนเสาร์ชนิดนี้ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอเมริกา สเตโกซอรัสมีหัวที่เล็กมาก เมื่อเทียบกับของตัวของมัน สันนิษฐานว่าสัตว์ชนิดนี้มีสมองเท่ากับลูกกอล์ฟ สเตโกซอรัสมีลักษณะเด่นของตัวมันคือมีเดือยหรือแผ่นกระดูกขนาดใหญ่เรียงเป็นแถวเดียวยาวตลอดหลัง ซึ่งสันนิษฐานว่ามันมีเส้นเลือดเป็นจำนวนมากในบริเวณนี้ และแผ่นกระดูกนี้ไม่ได้มีไว้สำหรับป้องกันตัว แต่มีไว้เพื่อช่วยในการควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย
ในบริเวณปลายของหางของสเตกอซอรัสจะมีเดือยแหลมและยาว หางยาวๆนี้มันจะเอาไว้ใช้หางฟาดเหมือนแส้ เพื่อป้องกันตัว จากไดโนเสาร์กินเนื้อที่เข้ามาจู่โจมในระยะใกล้

นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร มีความยาวตั้งแต่ปากถึงหางยาวประมาณ 12-14 เซนติเมตร ชาวบ้านมักจะที่พบเห็นและเรียกนกชนิดนี้ว่า “นกตาพอง” เพราะลักษณะตาของนกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธรมีวงสีขาวล้อมรอบ ลำตัวมีสีดำสนิท เหลือบสีน้ำเงินเข้ม มีกระจุกขนสีดำคล้ายกำมะหยี่ม่านตาจะมีสีขาวอมชมพูเรื่อ ๆ ขนบริเวณตะโพกจะมีสีขาว ในบริเวณบึงบอระเพ็ดนกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธรจะนอนอยู่ในกับฝูงนกนางแอ่นชนิดอื่นๆ ที่เกาะตามใบสนุ่น และอ้อใบภายในบึงบอระเพ็ด นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธรมักจะกินแมลงที่บินอยู่ตามท้องฟ้าทั่วไป นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธรจะชอบอาศัยอยู่ตามดงอ้อและในบริเวณบึงบอระเพ็ด มักพบในช่วงเดือนมีนาคมและเดือนพฤศจิกายนซึ่งเป็นช่วงฤดูหนาวในบริเวณประเทศไทยเท่านั้น ในปัจจุบันนกนกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธรเหลือน้อยมากเพราะมีบางครั้งถูกนำไปขายเป็นอาหารให้ชาวบ้าน

เมื่อไม่นานมานี้เอง นักวิทยาศาสตร์นานาชาติในสหรัฐ
สามารถถอดรหัสโครงสร้างเชื้อพันธ์ของตุ่นปากเป็ดออกมาได้แล้ว
และพบว่ามีความหลากหลายที่สมกับความแปลกปลาดนั้นเลยทีเดียว

ตุ่นปากเป็ดถูกจัดอยู่ในสัตว์จำพวกเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมเเต่ออกลูกเป็นไข่
รูปร่างหน้าตาแปลกเหมือนกับนำชิ้นส่วนของสัตว์หลายชนิดมาผสมผสานกัน
และอย่างที่ชื่อบ่งบอก ตัวมีลักษณะคล้ายตุ่น ขนหนา มีปากเหมือนเป็ด
เท้าเหมือนแมวน้ำ หางยาวเป็นพวงเหมือนบีเวอร์ ตัวเมียวางไข่
และมีน้ำนมเลี้ยงลูกอ่อน ถึงแม้จะไม่มีหัวนม
แต่ก็ให้น้ำนมแก่ลูกอ่อนได้จากทางผิวหนังที่ท้อง
ตัวผู้มีเดือยที่เท้าหลังซึ่งสามารถพ่นพิษได้เหมือนกับงู
ตุ่นปากเป็ดกินตัวหนอน ตัวดักแด้ และกุ้งเป็นอาหาร
เมื่อโตเต็มที่ ตัวผู้จะมีความยาวราว 20 นิ้ว มีน้ำหนักราว 2 กิโลกรัม
ตัวเมียจะมีความยาว เเละน้ำหนักน้อยกว่าตัผู้ ตุ่นปากเป็ดอาศัยอยู่ในบริเวณชายฝั่งตะวันออกของประเทศ
ออสเตรเลีย เกาะทัสมาเนีย และปาปัวนิวกินี
นักธรรมชาติวิทยาอังกฤษพบสัตว์แปลกนี้ในออสเตรเลียมานานกว่า 200 ปีแล้ว
และตั้งชื่อให้ว่า Platypus มาตอนนี้ นักวิทยาศาสตร์นานาชาติที่มหาวิทยาลัย Louisiana State
และที่มหาวิทยาลัย Washington ที่เมือง St. Louis
ในรัฐ Missouri ทำงานถอดระหัสโครงสร้างเชื้อพันธ์ของตุ่นปากเป็ด
และงานวิจัยขั้นต้นเกี่ยวกับโครงสร้างนั้นเสร็จแล้ว
นับเป็นผังโครงสร้างเชื้อพันธ์ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมชนิดออกไข่ผังแรก
และเป็นการยืนยันว่า DNA หรือเชื้อพันธ์ของตุ่นปากเป็ดนั้น
ก็มีความหลากหลายรูปแบบเดียวกับลักษณะของตัวตุ่นนั้นเอง
กล่าวได้ว่าตุ่นปากเป็ด เป็นส่วนผสมของทั้งสัตว์ปีก
สัตว์เลื้อยคลานและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม
นักวิทยาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัย Louisiana State
กล่าวว่า โครงสร้างเชื้อพันธ์ของตุ่นปากเป็ด
มีลักษณะคล้ายของสัตว์ปีกผสมกับของสัตว์เลื้อยคลาน
มากกว่าของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม
คือมีทั้งเชื้อพันธ์สำหรับการวางไข่แบบที่สืบทอดมาจากสัตว์เลื้อยคลาน
และมีเชื้อพันธ์ของการมีพิษคล้ายพิษงู
แต่ก็มีเชื้อพันธ์สำหรับการสร้างน้ำนมสำหรับลูกอ่อนด้วย
นักวิทยาศาสตร์พบด้วยว่า ตุ่นปากเป็ดมีโครโมโซมกำหนดเพศถึง 10 ตัว
ซึ่งมากกว่าของมนุษย์ถึงห5เท่า
นักวิทยาศาสตร์ บอกว่า การถอดรหัสโครงสร้างเชื้อพันธ์ของของตุ่นปากเป็ด
ทำให้ได้เรียนรู้มากมายเกี่ยวกับ
ระบบกำหนดเชื้อพันธ์และระบบภูมิต้านทานของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม
ซึ่งนับว่าเป็นก้าวสำคัญในการศึกษาด้านเชื้อพันธ์หรือพันธุกรรม
ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ
รวมทั้งสาเหตุและวิธีป้องกันโรคเหล่านั้น ตลอดจนการพยายามอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ต่างๆ
ต่อไป

หมูพันธุ์ลาร์จไวท์ เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและเป็นสัตว์ประเภทนี้จะมีกีบคู่มีลักษณะลำตัวอ้วน ปากและจมูกยื่นยาว มีทั้งสัตว์เลี้ยงและสัตว์ป่า หาอาหารโดยใช้จมูกดูด สุกรแบ่งเป็นพันธุ์ลูกผสมและพันธุ์แท้เกิดจาการผสมพันธุ์ระหว่าง หมูพันธุ์ยอร์คชายร์กับหมูพันธุ์ไลเคศเตอร์เป็นหมูดั้งเดิมในเมืองยอร์คชายร์ นำเข้าไปที่ แคนนาดา อเมริกา ในคตวรรษที่ 19 หมูลาร์จไวท์มีลักษณะหนังสีขาวและขนตลอดลำตัว บางตัวอาจจะมีสีดำปรากฏตามจุดต่างๆบนผิวหนังบ้าง จมูกยาว ไหล่โต หูตั้ง ลำตัวยาว หัวโต แคบลึก แต่สะโพกไม่โตเห็นเด่นชัดนัก ตัวผู้ที่โตเต็มจะหนักประมาณ 250 - 300 กก. ส่วนตัวเมียจะมีน้ำหนักประมาณ 150 - 220 กก. ตัวเมียจะเจริญเติบโตเร็ว ลูกดก เลี้ยงลูกเก่งนี่คือข้อดีของ หมูพันธุ์ลาร์จไวท์

ปลาทองหัวสิงห์ลูกผสม (Hybrid lionhead, Ranchu x Chinese lionhead )

คือ การผสมพันธุ์ของปลาทองหัวสิงห์จีน และ ปลาทองหัวสิงห์ญี่ปุ่น ซึ่งได้นำุจุดเด่นของปลาทองหัวสิงห์จีน และ สิงห์ญี่ปุ่นมารวมกันไว้ในปลาตัวเดียวกัน ปลาทองสายพันธุ์นี้สามารถผสมพันธุ์ได้แล้วในประเทศไทย
สาเหตุของการผสมข้ามพันธุ์ เนื่องมาจากปลาทองหัวสิงห์ญี่ปุ่น จะผสมพันธุ์ได้ค่อนข้างยาก ดังนั้นการนำปลาทองหัวสิงห์จีนมาผสมด้วย จะช่วยให้ปลาแพร่พันธุ์ได้ง่ายและได้จำนวนลูกปลาที่เพิ่มจำนวนมากยิ่งขึ้น

ลักษณะเด่นของปลาทองหัวสิงห์ลูกผสม คือ

1.ลักษณะหลังของปลาทองหัวสิงห์ลูกผสมมีหลังโค้งมนมากกว่าปลาทองหัวสิงห์จีน แต่ไม่โค้งและสั้นเท่าปลาทอง
หัวสิงห์ญี่ปุ่น
2.ลักษณะครีบหางของปลาทองลูกผสมจะมีครีบหางสั้นกว่าปลาทองหัวสิงห์จีน แต่จะยาวกว่าปลาทองหัวสิงห์ญี่ปุ่น
3.ลักษณะวุ้นบนหัวของปลาจะมีขนาดปานกลาง ไม่ใหญ่เท่าปลาทองหัวสิงห์จีน แต่ใหญ่กว่า
ปลาทองหัวสิงห์ญี่ปุ่น นิยมเลี้ยงกันอย่างแพร่หลาย

ปลาการ์ตูนส้มขาว - Clown Anemonefish Amphiprion ocellaris (Cuvier, 1830)

ลักษณะของลำตัว : มีสีส้มเข้ม มีแถบสีขาว 3 แถบ พาดบริเวณส่วนหัว ลำตัวและบริเวณหาง ขอบของแถบสีขาวเป็นสีดำ ขอบนอกของครีบเป็นสีขาวและขอบในเป็นสีดำ อาศัยในที่ลึก ตั้งแต่ 1-15 เมตร ขนาดตัวโตที่สุดประมาณ 10 เซนติเมตร อาศัยอยู่กับดอกไม้ทะเลชนิด Heteractis magnifica และ Stichodactyla gigantea เป็นต้น อาจพบปลาการ์ตูนชนิดนี้อยู่ด้วยกัน 6-8 ตัว ในกอดอกไม้ทะเล ปลาการ์ตูนส้มขาวพบได้บ่อยที่สุดในทะเลอันดามัน อ่าวไทยพบได้ที่เกาะโลซิน จังหวัดนราธิวาส อาศัยอยู่เป็นครอบครัวใหญ่

ถิ่นกำเนิด : พบได้เฉพาะใน เขตมหาสมุทรอินเดีย และมหาสมุทรแปซิฟิกในบางส่วน ธรรมชาติของปลาการ์ตูนชอบอาศัยอยู่ในดอกไม้ทะเล ปลาการ์ตูนจะอยู่ไม่ได้ถ้าปราศจากดอกไม้ทะเล




<

การเลี้ยงดู : ปลาการ์ตูนเป็นปลาทะเล ดังนั้นจึงต้องมีการเตรียมการค่อนข้างมากในการเลี้ยงดู ที่สำคัญมาก ๆ ก็คือต้องเตรียม ” น้ำ ” โดยเราสามารถหาน้ำที่จะมาเลี้ยงได้จาก

1.น้ำทะเลธรรมชาติ-ต้องมีความเค็มประมาณ 28-33 ppt ควรเป็นน้ำที่ตักมาใหม่ ๆ โดยห้ามใช้น้ำชายหาด ต้องออกไปเก็บน้ำทะเลที่ห่างจากชายหาดประมาณ 9-10 กิโลเมตร เพื่อป้องกันน้ำที่ไม่สะอาดจากสิ่งแวดล้อมชายหาดไม่ว่าจะเป็นมลพิษจากเรือหรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ

2.น้ำทะเลสังเคราะห์-เป็นเกลือที่ผสมเสร็จแล้วตามหลักเคมี สามารถใช้ผสมกับน้ำจืดตามอัตราส่วนที่แนะนำไว้ มีส่วนผสมดังนี้

-น้ำ 96.4 %
-แคลเซียมซัลเฟต(CaSO4) 0.1 %
-โพแตสเซียมคลอไรด์(KCL) 0.1 %
-แมกนีเซียมคลอไรด์(MgCl) 0.4 %
-แมกนีเซียมซัลเฟต(MgSO4) 0.2 %
-เกลือธรรมดา(NaCl) 2.8 %

*** การเปลี่ยนถ่ายน้ำจะต้องถ่ายน้ำ 1-2 ครั้ง/สัปดาห์ โดยที่ไม่ต้องนำปลาออกจากตู้ โดยใช้วิธีกาลักน้ำ***

*การทำความสะอาดบริเวณด้านข้างตู้ ควรใช้ทรายล้างด้านในตู้เดือนละ 1 ครั้ง (ต้องนำปลาออกจากตู้ก่อนทำการล้างทุกครั้ง) ควรใช้ตู้ขนาด 24 นิ้วเป็นอย่างต่ำ และควรมีระบบกรองน้ำ แบบกรองข้างหรือกรองล่าง เป็นต้น

รวมสาวสวยมากมาย

ข้อมูลนก

ปลาสวยงาม-ตู้ปลาสวยงาม-ข้อมูลปลาทะเล

อาหารสมอง-วาไรตี้

เรื่องขำขัน

สูตรอาหาร-อาหารน่ากิน-ขนมหวานน่าอร่อย

ภาพปริศนา