google search

Google

สามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่นี่เลย

clock

ปฏิทิน

Blog Archive

เทคโนโลยีทันสมัย

ภาพถ่ายนักเรียนน่ารักๆ-วัยรุ่น-นักศึกษา-นางแบบ-ดารา

สาวสวยเซ็กซี่-สาวน่ารัก

วิทยาศาสตร์

รูปแปลก-ภาพแปลก-ภาพขำขำ

เรื่องน่ารู้ทั่วไป

สัตว์บก-สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ -สัตว์น้ำ -สัตว์ปีก -สัตว์เลื้อยคลาน -สัตว์ในวรรณคดี

BlogRoll

7 สิ่งมหัศจรรย์ยุคกลาง

7 สิ่งมหัศจรรย์ยุคปัจจุบัน

จระเข้ประหลาดในยุคครีเตรเซียส

Miami : สวรรค์...หรือดินแดนอาชญากรรม

ไขปริศนาปลาพญานาค

7 สิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ

การกลับมาของ "อเล็กเซย์" เมื่อราชวงศ์โรมานอฟได้คืนชีพ ?!

ปลาหมึกยักษ์ อสูรร้ายใต้สมุทร

แกะปมปริศนาลำแสงมรณะของอาร์คิมิดีส

ความเชื่อในสิ่งลึกลับ : หมอผีวูดู

นอสตราดามุส ผู้หยั่งรู้ฟ้าดิน

The Witch Hunts : การล่าแม่มด

ตำนานแม่มดแห่งเมือง Blair

flag

free counters

เรียวมะ ซาคาโมโต : บุรุษทรนง

ยอดชู้รักแห่งประวัติศาสตร์

ตำนานมนุษย์หมาป่า

สยามประเทศ ก่อนปรากฏบนแผนที่โลก

การกลับมาของโรคระบาด

ตามหา"ไอ้ตีนโต" มนุษย์วานรดึกดำบรรพ์

มหันตภัยธรรมชาติในอนาคต

มังกรมีจริงหรือเพียงแค่ตำนาน ?

สูตรลึกลับของเครื่องดื่ม โคคา-โคล่า

ปริศนารูปถ่ายของยูนิคอร์น

ภาพถ่ายวิญญาณจากต่างแดน

ภาพถ่ายวิญญาณ (ภาค2)

ภาพถ่ายศพนางเงือก

ปริศนาสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า

ภาพถ่ายวิญญาณ

เรื่องสยองที่ abac

ภาพถ่ายวิญญาณของไทย

ผีในการท่องเที่ยว

ซุปเด็กสุดสยอง

สิ่งก่อสร้างที่น่ามหัศจรรย์ของโลก

ตัวอะไรเนี่ย

photo หน้า...น่าเกลียด

15 โรงแรมแปลก แหวกแนวสุดยอด

''โคลอสเซียม'' : สังเวียนแห่งความตาย

1 วัน ไม่ได้มี 24 ชั่วโมง ( A day is 23 hours 56 minutes 4 seconds )

"นาซ่า"มั่นใจดาวอังคาร เคยมีน้ำ-เดินหน้าหาสิ่งมีชีวิต

ว่าด้วยเรื่องแปลกๆ ของไก่

เปิดตำนานกรุสมบัติวัดราชบูรณะ

อาถรรพณ์ปูโสม : วิญญาณเฝ้าทรัพย์

นักเล่านิทานบันลือโลก

มัมมี่แห่งศตวรรษที่ 21

ไดโนเสาร์สูญพันธุ์เพราะเหตุใด ?

ผู้ติดตาม

friend

วันเสาร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2553

เครื่องปรุง

- ไก่สับ 250 กรัม
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- พริกไทยป่น 1 ช้อนโต๊ะ
- ขนมปังสดหั่นเป็นก้อนเล็ก ๆ 1 ถ้วยตวง
- รสดีรสไก่ 1/2 ช้อนโต๊ะ
- หอมใหญ่สับหยาบ 30 กรัม
- พริกตุ้มแดงหั่นเต๋าเล็ก 30 กรัม
- พริกตุ้มเขียวหั่นเต๋าเล็ก 30 กรัม
- น้ำมันพืช สำหรับทอด 4 ช้อนโต๊ะ
- ซอสพริก 3 ช้อนโต๊ะ
- แตงกวาหั่นบาง 3 ชิ้น
- มะเขือเทศหั่นบาง 3 ชิ้น
- หอมใหญ่หั่นเป็นแว่น 3 ชิ้น
- ขนมปังเบอร์เกอร์ 2 ชิ้น
- เฟรนช์ฟราย ตามต้องการ

วิธีทำ

1.นำเนื้อไก่สับมาผสมในชามผสมกับพริกไทยป่น ขนมปังสด รสดี หอมใหญ่สับ พริกตุ้มเขียว แดงสับ และไข่ไก่ คลุกให้เข้ากัน แล้วปั้นเป็นเบอร์เกอร์ Patty ใหญ่ ๆ แบน ๆ 2 ก้อน

2.นำกระทะตั้งไฟใส่น้ำมันให้ร้อน ทอดเบอร์เกอร์ทีละด้านใช้ไฟปานกลางจนกระทั่งสุก

3.ตักขึ้นจัดใส่จาน ราดด้วยซอสพริก หรือจะวางไปบนขนมปังเบอร์เกอร์ปิ้งแล้วราดซอสพริกแต่งฝาของขนมปังด้วยหอมใหญ่หั่นเป็นแว่น มะเขือเทศหั่นบาง เสิร์ฟกับเฟรนช์ฟรายที่ซื้อจาก Fast Food

Cooking Tips

1.การทอดในกระทะแบบใช้น้ำมันน้อย ๆ เรียกว่า Panfry ส่วนทอดน้ำมันท่วมเรียกว่า Deepfry

2.การใส่ไข่ และขนมปังสดไปผสมกับเนื้อไก่สับ จะทำให้เนื้อเบอร์เกอร์ไม่แห้ง และมีความชุ่มชื้น
ยุคนี้สมัยนี้ใคร ๆ ก็หันมาใช้เงินพลาสติกกันมากขึ้น ส่วนหนึ่งนั้นเป็นเพราะว่ามันสะดวก และเราไม่ต้องพกเงินสดเยอะ ๆ ติดตัว ซึ่งเสี่ยงต่อการถูกขโมยหรือการทำสูญหายด้วย



แต่ก็ใช่ว่าบัตรเครดิตจะปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์เสียทีเดียว เพราะว่าเหล่าบรรดาโจรนิสัยไม่ดีทั้งนั้นต่างก็พัฒนาวิธีการเพื่อให้เข้ากับยุคสมัยไปด้วย ไอ้เจ้าบัตรเครดิตที่เราว่าสะดวกและดีกว่าการพกเงินสดนั้นก็เลยเป็นที่ล่อตาล่อใจเจ้าโจรนิสัยไม่ดีของยุคนี้ไปโดยปริยาย











เวลาไปใช้บัตรเครดิตที่ปั๊มน้ำมันควรจะเดินไปดูเวลาที่พนักงานรูดบัตรด้วยทุกครั้ง อย่ามัวแต่เกรงใจว่าพนักงานอาจจะรู้สึกไม่ดี เหมือนเราไม่ไว้วางใจเค้า เพราะหากเขาคิดไม่ซื่อปลอมบัตรเครดิตของคุณขึ้นมา เขาก็เอามันไปใช้อย่างไม่เกรงใจเราเหมือนกัน



เช็คทุกครั้งหลังใช้บัตรว่าคุณได้ทั้งสลิปในส่วนของคุณแล้ว และได้บัตรมาเรียบร้อยแล้ว !!! อย่าทำเป็นเล่นไป บางคนอาจจะเผลอหยิบไปแต่สลิปแต่ดันลืมบัตรไว้ที่เคาท์เตอร์คิดเงินก็ได้ และเวลาใช้บัตรกรุณาอย่าใช้โทรศัพท์ เพราะการโทรศัพท์ทำให้คุณเสียสมาธิได้จริง ๆ

อย่างเราเองวันก่อนไปซื้อกาแฟ แล้วคุยโทรศัพท์กับเพื่อนไปด้วย พอกาแฟมาเสิร์ฟ เรางงไปพักใหญ่เลย เพราะกาแฟหน้าตาไม่เหมือนกับที่เคยกินเลยสักนิด คิดไปคิดมา อ่อ ...... ลืมสั่งเพิ่มวิปครีม แต่ดันไปบอกเค้าว่าเอาช็อคโกแลตซอสซะงั้น (คือร้านนี้เพิ่มวิปครีมเค้าจะแถมทอปปิ้งให้น่ะ แล้วเราจะใส่ช็อคโกแลตซอสประจำ) (- -")








เมื่อคุณเช็คแน่ใจแล้วว่าหยิบบัตรเครดิตมาด้วยหลังชำระค่าสินค้าไปแล้ว ก็อย่าลืมเก็บสลิปเอาไว้ด้วย ทั้งนี้เพื่อเอาไว้เช็คกับใบแจ้งหนี้ หากมีตรงไหนที่คุณคิดว่าไม่ตรงกัน คุณจะได้มีหลักฐานไปยืนยันกับบริษัทเจ้าของบัตรได้ และอย่ามองข้ามสลิปเหล่านี้เด็ดขาด เพราะสลิปพวกนี้มีข้อมูลเกี่ยวกับบัตรอยู่ด้วย มิจฉาชีพอาจจะอาศัยข้อมูลเหล่านี้ในการนำไปใช้ในทางไม่ดีได้ และหากอยากจะทำลายก็ควรเผาทิ้งซะ หรือทำลายให้มันละเอียดที่สุด เอาแบบที่มันจะไม่สามารถนำมาปะติดปะต่อข้อมูลได้อีก



การใช้บัตรเครดิตไม่ใช่เรื่องผิดอะไร หากคุณใช้อย่างถูกวิธี และที่สำคัญพึงระลึกเอาไว้เสมอเวลาใช้บัตรชำระสินค้าว่า คุณต้องใช้เงินจริง ๆ เท่าไหร่ เพราะหากคุณรูดบัตรเพลิน อาจจะเป็นหนี้ท่วมหัวได้นะ
ส่วนผสม
1. ข้าวหุงสุก 2 ถ้วย
2. ไข่ต้มสุก 2-3 ฟอง
3. กุ้งแห้งตัวเล็ก 1/2 ถ้วย
4. หอมเล็กซอย 1/2 ถ้วย
5. พริกขี้หนู 3-5 เม็ด
6. มะนาว 2 เสี้ยว
7. ขิงอ่อนซอยละเอียด 1 แง่งเล็ก

วิธีทำ
1. ต้มไข่จนไข่แดงสุกแข็ง
2. ล้างกุ้งแห้งให้สะอาดพักไว้ให้แห้ง คลุกข้าวกับไข่แดง กุ้งแห้ง หอมแดง ให้เข้ากัน
3. โรยขิงอ่อนซอย พริกขี้หนู มะนาวจะบีบน้ำหรือหั่นเป็นแว่นเล็กๆ คลุกรวมกันก็ได้ รับประทานได้ทันที


ที่มา: นิตยสาร Health & Cuisine

เส้นบัดวีทเป็นเส้นที่ทำมาจากแป้งบัดวีท

ซึ่งเรารู้จักกันดีอยู่แล้วว่ามีประโยชน์ต่อร่างกาย และสามารถนำมาดัดแปลงเป็นอาหารได้หลายชนิด เมนูวันนี้เราใช้เส้นบัดวีทมาผัดกับเครื่องแกงเขียวหวาน ใส่ผักลงไปบ้าง ก็ชาวชีวจิตชอบกินผักอยู่แล้ว ใส่กุ้งสักหน่อย หรือถ้าไม่อยากใส่กุ้งก็ใส่ปลา หรือจะใช้เต้าหู้แทนก็ไม่ผิดกติกาค่ะ




ส่วนผสม

เส้นบัดวีทต้มสุกอย่าให้เละ 1 ถ้วยตวง
กุ้งชีแฮ้ 2-3 ตัว
เม็ดพริกไทยอ่อนเด็ดเป็นเม็ด 1 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยอ่อนตัดเป็นช่อสั้นๆ 4-5 ช่อ
พริกชี้ฟ้าแดงหั่นเป็นเส้น 1 เม็ด
น้ำพริกแกงเขียวหวาน 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนชา
มะเขืออ่อนหั่นเป็นชิ้น 2 ลูก
ใบมะกรูดฉีก 2 ใบ
ใบโหระพา ½ ถ้วย
ถั่วฝักยาว 2 ฝัก
น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันสำหรับผัด 2 ช้อนโต๊ะ


วิธีทำ

ผัดเครื่องแกงกับน้ำมันพอหอม เติมน้ำปลา น้ำตาลลงไป พร้อมน้ำเปล่า พอเดือดใส่กุ้งลงไป ผัดสักนิดหน่อย ใส่มะเขือ ถั่วฝักยาวลงไปผัด พอจวนสุก ใส่เม็ดพริกไทยอ่อนทั้งเม็ด และทั้งช่อ พร้อมทั้งใบมะกรูดลงไป ผัดให้เข้ากัน
เอาเส้นบัดวีทที่ต้มไว้แล้ว ใส่ลงไป ผัดให้เข้ากันอีกครั้ง ชิมรสดูอีกที ใส่ใบโหระพากับพริกชี้ฟ้าลงไป ดับไฟ คลุกให้เข้ากันอีกที ตักใส่จานจัดให้สวยสักหน่อยตามหลักชีวจิตไงคะ เสิร์ฟพร้อมรอยยิ้มได้เลย



ขอขอบคุณเนื้อหาและภาพ
จาก: ชีวจิต
เช้าวันหนึ่งพวกเรากลุ่มรำกระบองชีวจิตที่กรุงเทพฯ ยกขบวนกันไปเยี่ยมกลุ่มรำกระบองที่เมืองจันท์ ระหว่างทางก็แวะรับประทานอาหารที่ร้านอาหารแถวนั้น ปรากฎว่า ทุกคนต่างติดใจในรสชาติของข้าวต้มปลาอินทรีสดที่ร้านนี้กันมาก เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่การเลือกใช้ปลาอินทรีสดๆทำให้น้ำซุปหวานอร่อย



เมื่อกลับมากรุงเทพฯ จึงลองดัดแปลงทำเมนูนี้ให้ที่บ้านและเหล่าผองเพื่อนชีวจิตรับประทาน โดยเปลี่ยนจากปลาอินทรีมาเป็นปลาช่อนแทน ปรากฏว่าก็ยังได้รสชาติอร่อยไม่แพ้กัน




ส่วนผสม

เนื้อปลาช่อน 3 ขีด
หัวไช้เท้าขนาดใหญ่ 1 หัว
เห็ดแชมปิยองสด 5 ดอก
กระเทียม 2 ช้อนโต๊ะ
ขิง 2 ช้อนโต๊ะ
สามเกลอ (กระเทียม พริกไทย รากผักชี ตำ) 1 ช้อนชา
ผักชี ต้นหอม ขึ้นฉ่าย
พริกไทยป่น ข่าสับละเอียด น้ำส้มพริกดอง
ซีอิ๊วขาว เกลือป่น
ข้าวต้มข้าวกล้อง หรือข้าวอาร์.ซี.


วิธีทำ

แล่เนื้อปลานำหัวและก้างออก ล้างด้วยน้ำเกลือเพื่อดับกลิ่นคาว แล้วล้างน้ำสะอาดอีกครั้ง เสร็จแล้วหั่นเนื้อปลาเป็นชิ้นยาวๆ พักไว้
หั่นหัวไช้เท้าเป็นแว่นๆ ต้มกับน้ำประมาณ 1.5 ลิตร ทำเป็นน้ำซุป
สับกระเทียม เจียวให้เหลือง แล้วเทใส่กระชอนเพื่อกรองน้ำมันออก
เจียวขิงให้หอมด้วยน้ำมันกระเทียม ตามด้วยสามเกลอ เห็ดแชมปิยองสดใส่เนื้อปลาลงไปผัด คลุกเคล้าพอได้ที่ ตักลงต้มในน้ำซุป พอเนื้อปลาลอยขึ้นใช้ช้อนตักขึ้นพักไว้
เคี่ยวน้ำซุปต่อไป ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว และเกลือป่นตามชอบ
เวลารับประทาน ตักน้ำซุปราดบนข้าวต้มกล้อง หรือข้าวอาร์.ซี. ตามด้วยเนื้อปลา โรยหน้าด้วยผักชี ต้นหอม ขึ้นฉ่าย พริกไทยป่น ข่าสับละเอียด น้ำส้มพริกดอง



ขอขอบคุณเนื้อหาและภาพ
จาก: ชีวจิต

ชอบทานเผ็ดๆแบบน้ำตาเล็ดกันเลยไหม

วันนี้มีวิธีแก้เผ็ดมาฝาก

ปกติเราจะกินน้ำเย็นเพราะคิว่าจะช่วยแก้เผ็ดได้ แต่รู้ไหมคะว่าน้ำเย็นนั้น ทำให้กระจายความเผ็ดให้ทั่วปากมากขึ้นแทนทางแก้เผ็ดที่ถูกวิธีคือ

1.ทานข้าวเปล่า ขนมปัง หรือดื่มนมเพราะความหวานจะช่วยดูดซับสารแคปไซซิน(Capsaicin) ที่เป็นตัวการให้เกิดความเผ็ดร้อน

2.ดื่มน้ำมะนาวหรือน้ำมะเขือเทศสดๆจะช่วยแก้เผ็ดได้ เพราะกรดจะไปทำปฏิกิริยากับสารสารแคปไซซิน(Capsaicin) ซึ่งเป็นด่าง จะช่วยให้ความเผ็นลดลง

เป็นไง ลองไปทำดูนะ เพราะเป็นคนทานเผ็ดไม่ได้เหมือนกัน ก็เลยเอามาฝากเพื่อนๆด้วย เผื่อกินเผ็ดไม่ได้เหมือนกัน :) แต่บางคนอาจจะเลี่ยงการกินเผ็ดโดยการไม่กินอาหารที่มีพริกเลย ทราบไหมว่าพริกนี้มีประโยชน์ต่อสุขภาพเรานะ!!




แหล่งที่มาจากสะกิดดอทคอม

ถ้าคุณอยากให้ลมปากสะอาด

ก็ไม่ควรมองข้ามถึงการทำความสะอาดลิ้น แบคทีเรียที่มีผลต่อกลิ่นปากมากๆ มักจะอยู่ตามโคนลิ้นมากกว่าที่ฟันและเหงือก ก็เป็นคำตอบที่ดีสำหรับหลายท่านที่สงสัยว่าฟันผุก็อุดแล้ว เหงือกก็ไม่อักเสบ ขูดหินปูนทุก 6 เดือนตามหมอนัด แปรงฟันหลังอาหารทุกวัน เสียเงินไปก็มากกับการใช้น้ำยาบ้วนปากหลากหลายชนิดแต่ก็ยังไม่วาย รู้สึกมีกลิ่นปาก ลมหายใจที่ไม่สะอาด ลองมาสังเกตลิ้นของท่านดูว่ามีคราบอาหารจับหรือไม่ คุณเคยทำความสะอาดลิ้นของคุณหรือเปล่า







การทำความสะอาดลิ้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นในการรักษาสุขภาพในช่องปาก นอกจากการแปรงฟัน และใช้ Dental Floss เพื่อทำความสะอาดซี่ฟันเราจะทำความสะอาดลิ้นอย่างไร

เดี๋ยวนี้มีอุปกรณ์ทำความสะอาดลิ้นทำจาก plastic เป็นรูปตัว U วิธีใช้ให้แลบลิ้นออกมาให้สุด ใช้ไม้ขูดลิ้น ขูดจากโคนลิ้นมาด้านหน้า ทำสัก 3-4 ครั้ง จะเห็นคราบอาหารติดออกมา เราจะทำวันละ 2 ครั้งต่อวัน ตอนเช้าตื่นนอน และหลังอาหารเย็นก่อนนอน การทำความสะอาดลิ้นอย่างสม่ำเสมอ นอกจากจะช่วยลดแบคทีเรียที่ทำให้เกิดกลิ่นแล้ว ยังมีผลทำให้ลิ้นสามารถรับรสได้ดีขึ้น

ข้อมูลที่น่าสนใจในวงการแพทย์ว่า

มีความสัมพันธ์ที่มีนัยสำคัญว่าแบคทีเรียในช่องปากมีโอกาสทำให้ติดเชื้อและเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้และจากวารสารของสมาคมทันตแพทย์สหรัฐอเมริกาเดือนมีนาคม 2001ก็ยืนยันว่าก๊าซที่เกิดจากแบคทีเรียในช่องปากมีโอกาสเกิดอันตรายต่อเยื่อหุ้มปอดเช่นกันการขจัดแบคทีเรียในช่องปากนอกจากจะมีผลดีต่อสุขภาพในช่องปาก ทำให้ลดกลิ่นแล้ว ยังมีผลต่อสุขภาพร่างกายส่วนอื่นด้วย ไม่เป็นการเพียงพอแล้วสำหรับการแปรงฟัน ใช้ Dental Floss หรือน้ำยาบ้วนปาก

ลิ้นของเรามีผิวที่ไม่เรียบ

แต่ขรุขระถ้าเปรียบไปแล้วก็เหมือนกับพรมหนาๆ ที่ถักด้วยเส้นใยผ้า มีซอกเล็กซอกน้อยเต็มไปหมด ดังนั้นลิ้นจึงเป็นที่กักเศษอาหารอย่างดีที่สุด เหมาะที่สุดที่จะให้แบคทีเรียที่ไม่ต้องการออกซิเจนในการเจริญเติบโตอาศัยอยู่แบคทีเรียเหล่านี้ปล่อยสารพิษที่ทำอันตรายต่อเหงือกและฟันแล้วยังก่อให้เกิดก๊าซซัลเฟอร์มีกลิ่นเหม็นเน่า



ข้อมูลดีดีโดย : นิตยสาร Health Today
(พ.ต.ท.ทพ.พจนารถ พุ่มประกอบศรี)
ขนมปังกับแยมราสป์เบอร์รี่


ส่วนผสม
ขนมปังโฮลวีต;
ผลราสป์เบอร์รี่แช่แข็ง 500 กรัม
และน้ำตาลทรายสำหรับทำแยม 125 กรัม

วิธีทำ
- นำราสป์เบอร์รี่และน้ำตาลใส่ในกระทะเทฟลอน ตั้งไฟปานกลาง แล้วเคี่ยวจนส่วนผสมละลายทั้งหมด จากนั้นใช้ไฟอ่อน
- เคี่ยวต่อจนแยมมีลักษณะเหนียวข้นพักให้เย็น ก่อนเก็บใส่ภาชนะ เพื่อนำไปแช่เย็น พร้อมเสิร์ฟกับขนมปังโฮลวีต

ข้อแนะนำ
ถ้าไม่มีน้ำตาลทรายสำหรับทำแยม สามารถใช้น้ำตาลทรายปกติได้แต่จะใช้เวลาในการเคี่ยวนานกว่าเล็กน้อย

ที่มาข้อมูล :นิตยสาร Livingetc ฉบับภาษาไทย
สเต็กปลาซอสขาว



ส่วนผสม
เนื้อปลากระพงขาวหรือปลากระพงแดงประมาณ 3-4 ชิ้น
น้ำมันมะกอก เกลือ พริกไทย

วิธีทำ
โรยเกลือ พริกไทยให้ทั่วเนื้อปลาและราดน้ำมันมะกอกไว้เล็กน้อย ก่อนรับประทานนำไปจี่ให้สุก


ซอสขาว
ส่วนผสม
หัวหอมใหญ่สับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
เนยจืด 3 ช้อนโต๊ะ
วิปปิ้งครีม 2-3 ช้อนโต๊ะ
ไวน์ขาว 1/4 ถ้วย
น้ำสต็อกปลา 1/2 ถ้วย
เกลือและพริกไทยอย่างละประมาณ 1/2 ช้อนชา
ใบไทม์สด 2-3 ก้าน

วิธีทำ
1. ตั้งกระทะให้ร้อนใส่เนยและหัวหอมลงผัดจนสุกใส เร่งไฟให้แรงขึ้นใส่ไวน์ขาวต้มไปสักครู่รอให้แอลกอฮอล์ระเหย สังเกตว่างวดลงเหลือสักครึ่งหนึ่ง
2. ใส่น้ำสต็อกปลาและใบไทม์ หรี่ไฟลงเคี่ยวต่อประมาณ 5-7 นาทีให้ซอสงวดลงครึ่งหนึ่ง กรองน้ำสต็อก แล้วนำกลับมาตั้งไฟอีกครั้ง
3. ใส่วิปปิ้งครีมใช้ตะกร้อมือตีเร็วๆ ให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย ชิมรสและราดบนเนื้อปลาที่ทอดไว้ กินกับมันฝรั่งอบ



ที่มา: นิตยสาร Health & Cuisine
ส่วนผสม(สำหรับ 5 ที่)

- น้ำมันพืช2 ช้อนโต๊ะ (20 กรัม)
- หอมใหญ่หั่นสี่เหลี่ยม 1 ช้อนโต๊ะ( 20 กรัม)
- เนื้อปลาทูน่าในน้ำมันพืช1/2 ถ้วยตวง ( 100 กรัม)
- ฟักทองหั่นสี่เหลี่ยมขนาด 1 ซม.1/2 ถ้วยตวง ( 100 กรัม)
- บร็อกโคลี่หั่นชิ้นพอคำ1/4 ถ้วยตวง ( 50 กรัม)
- เห็ดนางฟ้าดอกเล็ก1/2 ถ้วยตวง ( 100 กรัม)
- ผงกะหรี่1 ช้อนชา ( 2.5 กรัม)
- ซอสปรุงอาหารตราแม็กกี้2 ช้อนโต๊ะ(30 กรัม)
- ซอสหอยนางตราแม็กกี้1 ช้อนโต๊ะ(15 กรัม)
- ไข่ไก่2 100 กรัม
- นมข้นจืดคาร์เนชัน4 ช้อนโต๊ะ(60 กรัม)
- แผ่นแป้งทาโก้5 แผ่น (50 กรัม)


วิธีทำ

- ผัดหอมใหญ่ กับน้ำมันพืชพอมีกลิ่นหอม ใส่ เนื้อปลาทูน่า ฟักทองลงไปพอเริ่มสุกใส่บร็อกโคลี่ เห็ดนางฟ้าและผงกะหรี่ปรุงรสด้วย ซอสปรุงอาหารตราแม็กกี้ ผัดพอเข้ากันชิมรสตามชอบ

- ตอกไข่ใส่นมข้นจืดคาร์เนชัน ใส่ซอสหอยนางรมตราแม็กกี้ ตีพอเข้ากันใส่ลงไปในกระทะ ผัดให้ไข่สุกพร้อม นำไปใส่ในตัวแป้งทาโก้ จัดรับประทานขณะร้อน

ส่วนผสม
พริกแห้งแช่น้ำ
5
เม็ด

ตะไคร้หั่นฝอย
1
ช้อนโต๊ะ

หัวหอมปอกซอย
3
ช้อนโต๊ะ

กระเทียม
5
กลีบ

เกลือ
2
ช้อนชา

ถั่วเน่าชนิดแผ่นย่างไฟ
1
แผ่น

หมูสับละเอียด
3
ช้อนโต๊ะ

มะเขือเทศผลเล็กๆชนิดเป็นพวง
1
ถ้วย

ผักชี
1
ต้น

กระเทียมสับ
3
กลีบ

น้ำมัน
2
ช้อนโต๊ะ

น้ำ




วิธีทำ

1. ตำพริกกับตะไคร้และเกลือให้ละเอียด ใส่หัวหอมและกระเทียมและถั่วเน่า ตำให้เข้ากัน ใส่หมูตำให้เข้ากับพริก ใส่มะเขือเทศตำให้มะเขือเทศเข้ากับน้ำพริก

2. ใส่น้ำมันและกระเทียมลงในกระทะ เจียวพอกระเทียมหอม ใส่น้ำพริกผัดให้ทั่ว ใช้ไฟอ่อนผัดให้ขึ้นเงา ใส่น้ำผัดพอแห้ง และจิ้มติตตักออก

3. เสิร์ฟกับผักสดและผักสุกอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งสองอย่างตามชอบ

**หมายเหตุ**

1. ถั่วเน่า คือถั่วเหลืองที่เอามาหมักแล้วทำเป็นแผ่นตากแห้ง ใช้แทนกะปิ ถ้าไม่มีถั่วเน่าใช้กะปิเทน 1 ช้อนชา หรือเต้าเจี้ยวดำล้างน้ำให้หายเค็มแทน 3 ช้อนโต๊ะ

2. มะเขือเทศผลเล็กชนิดเป็นพวง คือ มะเขือส้มทางภาคเหนือ ลักษณะเป็นพวงติดกันคล้ายมะเขือพวง มีรสเปรี้ยวกว่ามะเขือเทศโดยทั่วไป ถ้าไม่มีใช้มะเขือเทศสีดาแทน แต่ต้องปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียกให้มีรสเปรี้ยวนิดๆ

ส่วนผสม

ปลาหมึกกล้วยสด ชักไส้ออก 1 ตัวโต
หมูสับ 1 ถ้วย
รากผักชี กระเทียม พริกไทย โขลก 1 ช้อนชา
มะนาวผิวตึงสด หั่นเป็นแว่นบางๆ 10 ชิ้น


::::::วิธีทำ::::::

1. นำหมูสับ รากผักชี พริกไทย กระเทียม เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
คลุกให้เข้ากัน จากนั้นนำบรรจุใส่ปลาหมึก จากทางหัว จนเต็มตัว แล้วใส่หัวปลาหมึกไว้เหมือนเดิม
2. ใช้มีดที่คมและบาง บั้งปลาหมึกจากหัวถึงหาง
3. นำปลาหมึกไปนึ่ง ควรใช้มะนาวฝานบางๆ บางส่วน มาเรียงนึ่งด้วย จะทำให้หอมผิวมะนาว
4. เมื่อสุกยกลง ราดด้วยน้ำมะนาว 2 ช้อนชา บนตัวปลาหมึก


: : : : น้ำจิ้ม : : : :

โขลกพริกขี้หนู 9 เม็ด กระเทียม 7 กลีบ ให้พอหยาบ
ผสมด้วยน้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำเชื่อม 2 ช้อนโต๊ะ จึงตักใส่ถ้วย


บอร์ดพลังจิต.คอม

เครื่องปรุง

เส้นเซี่ยงไฮ้ใบเตย 200 กรัม
หมูสับ 100 กรัม
เนื้อกุ้งแกะ 100 กรัม
ใบกะเพราะเด็ด 1 ถ้วย
กระเทียมบุบ 1 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูบุบ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา
ถั่วฝักยาวหั่น 2 ฝัก
น้ำมัน 3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพอร้อนใส่กระเทียมลงผัดจนหอม
2. ใส่เนื้อหมู เนื้อกุ้ง พริกขี้หนู ถั่วฝักยาว และเส้นเซี่ยงไฮ้หั่นครึ่ง ผัดทุกอย่างให้เข้ากัน
3. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ ใส่ใบกะเพราลงผัดตาม
4. ผัดให้เข้ากันจนสุกดีแล้ว ตักขึ้นจัดใส่จานเสิร์ฟ

ยานสำรวจ “ฟีนิกซ์” ได้พบเกลือซึ่งไวต่อปฏิกิริยาเคมี อันเป็นพิษ ในดินของดาวอังคาร ทำให้หวั่นว่ามันอาจจะไม่เข้ากับสิ่งมีชีวิต อย่างที่เคยคาดหวังกันมาก่อน

นักวิทยาศาสตร์ขององค์การอวกาศสหรัฐฯเคยบอกหนก่อนว่า ดินแถบใกล้ขั้วเหนือดาวอังคาร มีคุณสมบัติคล้ายกับดินในสวนหลังบ้านบนโลกเรา ซึ่งจะปลูกพืชผัก อย่างเช่น ถั่วจำพวกรับประทานทั้งฝัก และหัวผักกาดขาวได้ แต่รายงานผลขั้นต้นของการวิเคราะห์หนที่สอง ได้พบว่า มันมีเกลือซึ่งรวมเข้ากับออกซิเจนปนอยู่สูง ซึ่งค่อนข้างจะเป็นที่ทุรกันดาร “มันเป็นสารประกอบที่ไวต่อปฏิกิริยา และปกติไม่ถือว่าเป็นส่วนประกอบของสิ่งมีชีวิต” นักธรณีวิทยากล่าว

สารเปอคอลอเรตเป็นสารปนเปื้อนพบอยู่ในดินและในน้ำในพื้นดินบนโลกของเรา ใช้เป็นวัตถุดิบในเชื้อเพลิงชนิดแข็งของจรวด และทำดินปืนและดินระเบิด.

นักวิจัยชาติสแกนดิเนเวียแนะนำให้กินปลาทูน่าและปลาที่มีไขมัน จะป้องกันความจำเสื่อมและลดความเสี่ยงที่จะเป็นอัมพาตลงได้

นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยคุโอเปียว ที่ฟินแลนด์ กล่าวว่า ได้พบในการศึกษาด้วยการตรวจสมองผู้สูงอายุ วัยไม่ต่ำกว่า 65 ปีขึ้นไป 3,660 คน เพื่อดูประโยชน์ของการกินปลาที่มีต่อร่องรอยเนื้อตายบนสมองพบว่า ผู้ที่กินปลาพวกที่มี กรดไขมันโอเมกา-3 อุดม ที่ย่างหรือปิ้งไม่ใช่ทอด อาทิตย์ละ 3 มื้อ จะลดโอกาสที่จะพบรอยเนื้อตายมากถึงเกือบ ร้อยละ 26 ในขณะที่ผู้ที่กินเพียงอาทิตย์ละหนึ่งหน ก็ลดโอกาสลงได้ร้อยละ 13 เทียบกับคนที่เกลียดปลา หากแต่ว่าผู้ที่กินปลาที่ซึ่งทำให้สุกด้วยการทอด จะไม่ได้คุณประโยชน์ เรื่องนี้อันใดเลย

ปลาที่มีกรดไขมันโอเมกา-3 มักได้แก่ ปลาแซลมอน ซาร์ดีน เฮอริง และอาหารอย่างอื่น เช่น ถั่ววอลนัท มีคุณประโยชน์ในทางป้องกันการอักเสบ และลดโอกาสที่จะเป็นโรคหัวใจให้น้อยลงด้วย

เกร็ดความรู้วันนี้ขอเสนอ กลเม็ดเคล็ดไม่ลับเรื่องในบ้าน เริ่มจาก...

1. หาก โรงรถ ของคุณมีกลิ่นอับ ลองขจัดกลิ่นด้วยการโรยหญ้าที่เพิ่งตัดมาใหม่ ๆ ลงบนพื้นโรงรถ แล้วปล่อยทิ้งไว้สักระยะหนึ่ง ต้นหญ้าจะดูดเอากลิ่นอับในโรงรถออกไปจนหมด


2. ถ้าต้องการ อบผ้า 2-3 ชิ้นให้แห้งเร็วขึ้น ทำได้โดยหาผ้าขนหนูสะอาด ๆ ใส่ลงไปในเครื่องด้วยเพราะผ้าขนหนูจะไปช่วยดูดซับความชื้นทำให้ผ้าแห้งเร็วขึ้นอีก

3. วิธีทำให้ กรอบกระจกเงาหรือกรอบกระจกรูปภาพมองดูใหม่เสมอ ทำได้โดยการใช้ผ้าชุบน้ำมันสน แล้วทาบริเวณกรอบไม้ รอจนแห้งสนิท กรอบจะมองดูใหม่ทันที


4. วิธี ล้างคราบสกปรกที่แก้วเจียระไน ทำง่าย ๆ คือหาเปลือกฝรั่งใส่ลงไปในแก้วเจียระไน แช่ทิ้งไว้สัก 2-3 ชั่วโมง แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด เพียงเท่านี้แก้วจะดูใสสะอาด

5. วิธี ทำความสะอาดเครื่องเคลือบที่ทำด้วยทองเหลือง มีวิธีการทำง่าย ๆ คือนำเอาหัวหอมมาต้มในน้ำเดือด แล้วนำมาขัดลงบนเครื่องเคลือบเพียงเท่านี้เครื่องเคลือบจะมองดู ใหม่สะอาดหมดจดทีเดียว


6. วิธีการ ขจัดคราบไขมันที่ติดรอบท่ออ่างล้างจาน ซึ่งถ้าปล่อยไว้นาน ๆ จะเป็นเหตุให้ท่ออุดตันได้ มีวิธีทำคือ นำเกลือแกงใส่ลงไปในท่อ 2-3 ช้อน จากนั้นนำเบกกิ้งโซดาหรือผงฟูต้มน้ำให้เดือดแล้วเทลงไป ไขมันที่อุดตันก็จะหลุดออกไปหมด

7. วิธี ขจัดพวกมดแมลงมาขึ้นถังขยะ ทำได้ง่าย ๆ โดยหยดแอมโมเนียลงข้าง ๆ ถังขยะ สักเล็กน้อย กลิ่นแอมโมเนียจะทำให้มดแมลงไม่กล้าเข้ามาใกล้ถังขยะอีก


8. การ รักษาเครื่องมือทำสวนที่เป็นโลหะไม่ให้ผุกร่อน ได้ง่ายมี วิธีการรักษาโดยใช้วาสลินทาผิวของโลหะทุกครั้งเมื่อใช้เสร็จแล้ว และนำมาทำความสะอาดอีกครั้ง

9. การ ใช้เตาแก๊สแบบประหยัด ทำได้โดยปรับเปลวไฟให้เป็น้ำเงินเสมอ และไม่ควรเปิดไฟแก๊สให้สูงกว่าก้นหม้อด้วยจะทำให้หม้อร้อนช้า ควรปรับระดับให้พอดีกับก้นหม้อ


10. วิธี ดับกลิ่นเหม็นในถังขยะ ไม่ว่าจะเป็นหน้าบ้านหรือในบ้านให้หมดกลิ่นได้ทำได้โดยใส่เปลือกมะนาว หรือเปลือกส้มเขียวหวาน ส้มโอก็ได้ใส่ลงไปในถังขยะ กลิ่นส้มจะไปลดกลิ่นลงทำให้มีกลิ่นน้อยลง

แค่พิมพ์ผิด...ความหมายเปลี่ยน!!!!

*"เห็นผู้ชายที่ชอบนั่ง ไข่ห่าง แล้วรู้สึกยังไงคะ" (ไข่วห้างยะม่ะไช่ไข่ห่าง)


"ลูกชายผมสองขวบมี ไข่ สูงมากให้กินพาราได้ไหม ขอคำตอบด่วนครับ"


"แฟนเป็นคน เสียวดังมากครับ ผมอายคนอื่นเค้า ผมจะเตือนเธอยังไงดีครับ"


"กลุ้มใจจัง แฟนเราเป็นคนแข็ง เชื่อมั่นในตัวเองสูง ไม่ค่อยจะ อม ใครง่ายๆ"


"มีพี่ที่ทำงานคนนึงเพิ่งเข้ามาทำงาน เธอเป็นลูกน้องผมแต่อายุแก่กว่าผมมาก ผมจะ
สอย เธอยังไงดีครับถึงจะไม่น่าเกลียด"


"สามีมีปัญหาในการนอนค่ะ เค้าชอบนอนหนุน หมอย นิ่มๆ ไม่ทราบว่าเพื่อนๆ
พอจะรู้จักยี่ห้อดีๆ มั้ยคะ "


"ถ้าง่วงก็ลองเคี้ยว หมาฝรั่ง ดูสิคะ เผื่อจะหาย"


"เจอ รูแฟนเก่า ในโทรศัพท์มือถือแฟน หมายความเยี่ยงไร" (อันนี้เด็ดเจ้าค่ะ)


"อยากไปเที่ยวท้องฟ้าจำลอง ที่ปิดไฟมืดๆ แล้วฉายภาพดาวน่ะค่ะ
ไม่ทราบว่าเข้าชมฟรี รึต้อง เสียตัว ด้วยรึป่าวคะ"


"ข่าวดีค่ะ ปลื้มใจอยากบอกไป ขยายรู แต่งงานมาแล้ว ออกมาสวยมากๆ
ขนาดแฟนเป็นคนไม่ค่อยพูด ยังออกปากชม ไม่รู้มาก่อนว่าดีแบบนี้ เพื่อนๆ
ไปขยายที่ไหนกับบ้างค่ะ"


"ลูกชายมีปัญหากับอาจารย์พละค่ะ ครูเขาบอกมาว่าชอบใช้ท่าเดิมๆ
ให้เปลี่ยนท่าเมื่อไรชอบโมโห พุ่งลงมา น้ำแตก ทุกที
แล้วอย่างนี้จะได้คะแนนดีเหรอค่ะ วัยรุ่นชอบดื้อ อุตส่าห์ส่งไปเรียนโดดน้ำ"


"ผมมีปัญหากับแฟนใหม่ของเธอครับ ไม่น่าคิดมากเลย แค่โทรเรียกเธอมาเจอเพราะอยาก
เลียร์ ให้มันสบายทั้งสองฝ่าย"


"แถวสีพระยามีร้าน อัดรู ดีๆ มั้ยครับ ผมอยากอัดรูน้องฟิล์ม อ้อ แล้ว รู ขนาด
4" x 6" นี่จะเล็กไปมั้ยครับ"


"ถ้าจะว่าเรื่องฝีมือ ข้าวคลุกกะ ปิ๊ แฟนเก่าผมนี่ที่หนึ่งเลย ฝีมือระดับชาววัง
ไม่แฉะ ไม่เหม็น ไม่เค็ม"


"จะไปเชียงใหม่ค่ะ หนุ่มคนเมืองที่ไหนพอแนะนำได้บ้างคะ อยากถามว่า ขนมจีน
น้ำเจี๊ยว ที่ไหนอร่อยถึงใจบ้าง

ป.ล. ขำขำ นะ อย่าคิดมาก (ผู้ใหญ่ควรให้คำแนะนำ)

ก่อนที่จะรับประทาน ควรเลือกชนิดของอาหารเสียก่อนนะคะ เพราะบางทีอาหารที่เราทานลงไปทั้งๆ ที่มีประโยชน์แต่ไม่ถูกเวลา ก็อาจส่งผลเสียบางอย่างที่เราคาดไม่ถึงก็ได้ค่ะ


ไปดูกันว่าอาหารที่ไม่ควรรับประทานขณะท้องว่างมีชนิดใดบ้าง

นมและนมถั่วเหลือง

แม้ว่านมถั่วเหลืองจะอุดมไปด้วยโปรตีน แต่จะเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด เมื่อกระเพาะอาหารมีสารประเภทแป้งอยู่

เหล้า

หากดื่มเหล้าในขณะท้องว่าง จะไปกระตุ้นเยื่อบุกระเพาะอาหาร ทำให้เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบและเป็นแผลในกระเพาะอาหารได้

น้ำตาลหรืออาหารหวาน

ไม่ควรรับประทานอาหารหวานหรือน้ำตาล เช่น น้ำอัดลม ลูกอม ช็อกโกแลต เพราะหากรับประทานขณะท้องว่างจะทำให้โปรตีนรวมตัวกับน้ำตาลส่งผลต่อการดูดซึมโปรตีนทุกชนิดและลดสมรรถภาพการทำงานของระบบหมุนเวียนเลือดและไต

ชาที่แก่เกินไป

ชาทำให้กรดเกลือในน้ำย่อยในกระเพาะอาหารเจือจาง ส่งผลให้การทำงานของระบบย่อยอาหารลดลงและเกิดอาการใจสั่น เวียนศีรษะมือเท้าไม่มีแรง จิตใจไม่สงบ

ลูกพลับ

ไม่ควรรับประทานลูกพลับในขณะที่ท้องว่าง เพราะกระเพาะอาหารจะหลั่งกรดเกลือออกมามาก หากไปรวมตัวกับยาง และสารแขวนลอยในลูกพลับแล้ว จะทำให้เจ็บหน้าอก คลื่นไส้และเป็นแผลในกระเพาะอาหาร

กล้วย

เพราะกล้วยอุดมไปด้วยธาตุแมกนีเซียม การรับประทานกล้วยขณะท้องว่าง จะทำให้ปริมาณธาตุแมกนีเซียมในเลือดสูงขึ้น ทำให้สูญเสียสัดส่วนของแคลเซียมและแมกนีเซียมไปเป็นการยับยั้งการทำงานของหลอดเลือดหัวใจเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างยิ่ง

กระเทียม

เพราะจะทำให้เยื่อบุกระเพาะอาหารได้รับการกระตุ้น เกิดโรคกระเพาะอาหารอักเสบอย่างรุนแรง

ผัก

การรับประทานผักอย่างเดียวขณะท้องว่าง จะทำให้กระเพาะอาหารเกิดอาการผิดปกติ

นอกจากนั้นยังไม่ควรอาบน้ำและออกกำลังกายด้วยเช่นกัน

เพราะการอาบน้ำและการออกกำลังกายในขณะที่ท้องว่าง จะทำให้เกิดอาการช็อกเนื่องจากน้ำตาลในเลือดต่ำได้ง่าย อย่าลืมสิ่งใดที่มีคุณอนันต์ก็อาจมีโทษมหันต์เช่นกัน ถ้าคุณปฏิบัติอย่างผิดวิธี
รู้กันอยู่แล้วว่าผลไม้นั้นมีประโยชน์ แต่รู้ไหมว่าการกินผลไม้ทั้งเปลือกนั้นมีประโยชน์ยิ่งกว่า เหมือนอย่างที่ทางกองโภชนาการเขาบอกมาว่า มีนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์คลี่ย์ได้วิจัยไว้ว่าการกินผักผลไม้ที่ไม่ปอกเปลือก เช่น แตงกวา มันฝรั่ง มะนาว มะกรูด มะเขือเทศ องุ่น แอปเปิล ฯลฯ นั้น จะได้ประโยชน์มากทีเดียว






เปลือกแอปเปิ้ล

เช่นเปลือกแอปเปิ้ลนั้น เชื่อว่ามีผลในการต่อต้านมะเร็ง จากผลการวิจัยพบว่าเปลือกของแอปเปิ้ลแดงผลหนึ่ง มีสารต้านอนุมูลอิสระเทียบเท่าวิตามินซีถึง 820 มิลลิกรัม (เป็นปริมาณที่ได้จากน้ำส้มคั้น 2 ควอตช์) และเปลือกมันฝรั่งนั้นก็อุดมไปด้วยใยอาหาร ธาตุเหล็ก โปแตสเซียมและวิตามินบีมากกว่าที่ได้จากเนื้อของมันฝรั่งเมื่อเทียบในปริมาณเท่าๆ กันเสียอีก






ส้ม

ส่วนผิวส้ม มะนาวหรือมะกรูดนั้น มีสารดี-ไลโมนีน (น้ำมันหอมระเหยชนิดหนึ่ง) สารเทอปีน เฮสเพอริดีน (ยาป้องกันการตกเลือด โดยลดความเปราะของเส้นเลือด) และสารคูมาริน (สารต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย) รวมทั้งแคโรทีนอยด์ (สารสีเหลืองช่วยต้านอนุมูลอิสระ) ซึ่งดีต่อสุขภาพอีกด้วย




ต้องกินทั้งเปลือก

แต่หากจะกินผลไม้ทั้งเปลือกแล้ว ที่สำคัญก็คือต้องล้างเปลือกนั้นให้สะอาดที่สุด อย่าให้มียาฆ่าแมลงตกค้างอยู่นะ

ข้อมูลที่มีคุณภาพ
จาก หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ
นักวิจัยศึกษาพบว่าช็อกโกแลตใส่นม เป็นยากระตุ้นสมองช่วยให้สมองคิดอ่านว่องไงเปรื่องปราดขึ้น
ดร.ไรอัน รอเดนบุช แห่งมหาวิทยาลัยวีลิง เจสุต ของสหรัฐอเมริกากับคณะ ได้พบว่าช็อกโกแลตมีสรรพคุณเป็นยากระตุ้น เพราะมันมีสารอย่าง ธีโอโปรมีน ฟีเนทีลามีนและคาเฟอีน สารเหล่านี้โดยตัวมันเอง เคยพบมาก่อนแล้วว่า ช่วยให้เกิดความตื่นตัวและสมาธิดี และคราวนี้ได้พบว่า เมื่อเรากินช็อกโกแลต เราก็จะถูกกระตุ้น อันนำไปสู่การทำให้สมองทำงานดีขึ้น

ดร.ไรอันได้ศึกษาด้วยการให้อาสาสมัครกินช็อกโกแลตแบบต่างๆ เช่น ช็อกโกแลตใส่นม ช็อกโกแลตเปล่าๆ แล้วให้ลองทำแบบทดสอบทางจิตประสาทโดยคอมพิวเตอร์ วัดขีดสติปัญญา นับแต่ด้านความจำ ช่วงความยาวของสมาธิ และการแก้ปัญหา

ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มที่กินช็อกโกแลตใส่นมจะทำคะแนนได้เหนือกว่ากลุ่ม ที่กินช็อกโกแลตแบบอื่น เคยมีการศึกษาเมื่อก่อนแสดงว่า สารอาหารบางอย่างในอาหาร ช่วยในการขับกลูโคสและเลือดลมเดินดี ซึ่งอาจจะช่วยส่งเสริมสติปัญญา.




แหล่งข่าว : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
ลองอ่านกันดูนะ เผื่อตรงใจ


ความรักเหมือนตู้โทรศัพท์สาธารณะ

มีคนเค้าว่า

ความรักเหมือนตู้โทรศัพท์สาธารณะ

ตู้ที่เดินตรงเข้าไปมักโทรได้เฉพาะหมายเลขฉุกเฉิน
ตู้ที่ใช้ได้มักต้องต่อคิวยาวเหยียด
แต่พอถึงคิวเราเหรียญกลับหยอดไม่ลงซะงั้น
กว่าจะเจอตู้ที่โทรได้จริงๆ ก็ต้องเดินหาจนเมื่อย
และเมื่อเจอแล้วก็ต้องเตรียมเหรียญไว้หยอดสม่ำเสมอ
ไม่อย่างนั้นคุยๆ ไปสัญญาณอาจถูกตัดขาดไป ต่อใหม่เท่าไรก็ไม่ติด


เหรียญ ในที่นี้เปรียบได้กับ ความเอาใจใส่ การมีเวลาให้
เพราะถ้าเธอไม่มีทั้ง 2 สิ่งคอยหล่อเลี้ยงความรัก
สัญญาณของความสัมพันธ์ก็จะถูกตัดขาดในที่สุด
และไม่สามารถเรียกสัญญาณเดิมกลับมาได้อีก







ลองเทียบกับตัวเองดู ว่าเป็นแบบนี้ไหม


ส่วนความเป็นเพื่อนนั้นเหมือนโทรศัพท์บ้าน คุยนานเท่าไหร่ก็ 3
บาท
คบกันแบบไม่ต้องลงทุนจนหมดเนื้อหมดตัว ไม่ต้องต่อคิวใคร
ไม่ต้องเดินหาจนเมื่อย
แต่ตอนสิ้นเดือนต้องจ่ายค่าบริการให้ตรงเวลาก็เท่านั้น
ค่าบริการในที่นี้เปรียบได้กับ ความจริงใจ
ที่คนเป็นเพื่อนต้องมีให้กัน


อย่างไรก็ตาม เราควรบริหาร ค่าใช้จ่ายของความสัมพันธ์ให้ดี
อย่าเอาเงินที่มีอยู่ไปแลกเหรียญ
แล้วหยอดตู้โทรศัพท์สาธารณะจนหมด
กระทั่ง .... ไม่เหลือจ่ายค่าโทรศัพท์บ้าน
กระทั่ง .... ไม่เหลือจ่ายค่าอาหารของตัวเอง


มีความรักแล้วอย่าลืมเพื่อน
และเมื่อมีเวลาให้กับความรัก/มีเวลาให้กับความเป็นเพื่อนแล้ว
อย่าลืมที่จะมีเวลาให้กับครอบครัวและตัวเองด้วย.........
มาดูกันว่า...จริงไหม
§ การคบคนก็เหมือนกับไส้อั่ว
ดูจากภายนอกจะไม่ค่อยน่ากิน. . . . . .แต่เมื่อได้ชิม. . . . .
ก็จะรู้ ว่า. . . . .รสชาติ ไม่ได้เหมือนกับ ที่คุณเห็น

§ จิตใจของคุณก็เหมือนกับไข่ 1 ฟอง
ที่ดูภายนอกแล้วแข็งแกร่ง. . . . . แต่เมื่อคุณลองกระเทาะ
เปลือกออกมา ก็จะเห็นว่าคนๆนั้นๆ. . . . . .
ไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าคุณเลย


§ ร่างกายของคนๆหนึ่งก็เหมือนกับน้ำแข็ง
ที่สักวันหนึ่ง. . . . .มันก็ต้องละลายไป. . . .






§ นิสัยของคนก็เหมือนกับข้าว
ถ้าคุณไม่หุง. . . . . . ย่อมกินไม่ได้

§ ความรักที่อกหักก็เหมือนกับต้มยำ. . . .ที่มีทุกรส
ยกเว้น. . . . ความหวาน

§ ความรัก. . . . . ก็เหมือนกับไข่เจียว
ที่คุณกินได้ทุกวัน. . . . . . แต่ก็ยังไม่เบื่อ



§ ชีวิตวัยรุ่นก็เหมือนกับ. . . . Pepsi
ที่อึกแรกมักจะซ่า. . . . แต่เปิดทิ้งไว้นานๆเข้า
ก็หายซ่าไปเอง. . . . .เหอๆๆๆ






§ ชีวิตวัยรุ่นก็เหมือนกับสัตว์หลายๆชนิดในสวนสัตว์
ที่ต้องการออกไปสู่โลกกว้าง. . . . .

§ ถ้าคุณกำลังอกหักแล้วยังมองหารักใหม่...โดยที่จะเอามารักษาแผลเดิม
ก็จะเหมือนกับตอนที่คุณท้องเสีย. . . . .แต่ดันกินส้มตำ


§ แฟนก็เหมือนกับเพลงใหม่เพลงหนึ่ง.......
ที่คุณมักบอกกับตัวเองว่ามันเพราะ.........
แต่เมื่อฟังไปสักร้อยรอบ.........คุณก็จะเบื่อไปเอง

§ ต่างกับเพื่อนสาว......
ซึ่งเหมือนกับเพลงคลาสสิก. . . . . . .ที่นานๆคุณเปิดที
แต่ก็ยังเพราะ. . . . . ไม่ต่างจากครั้งแรกที่คุณฟัง






§ คนๆหนึ่งที่คุณเคยชอบ.....แต่เขาไปชอบคนอื่น..
แต่คุณก็ยังจำทุกอย่างเกี่ยวกับเขาได้ ก็เหมือนกับ
เพลงของค่าย RS GRAMMY ที่คุณบอก
ว่าเกลียด แต่คุณก็ยังร้องเพลงนั้นได้จนจบ


§ ลองสังเกตไหมว่าถ้ามีรูปถ่ายหมู่ใบหนึ่ง......
คนที่คุณมองหาคนแรก. . . .คือคนที่คุณชอบอยู่


§ เบอร์โทรศัพท์.......
ที่ถึงจะเป็นเพื่อนสนิทคุณ. . . . . . . คุณก็จำไม่ได้
แต่ถ้าเป็นเบอร์ของคนที่หลงใหลล่ะก็...
คุณจะจำได้ทุกตัว. . .แม้ว่ามันจะไม่ซ้ำกันเลย




อ่านแล้วคงโดนกันบ้างนะ
- เพลง......ที่คุณชอบมากที่สุดตอนที่คุณมีแฟน.....
อาจจะกลายเป็นเพลงที่คุณเกลียดที่สุด. . . . . . เมื่อเขาจากไป

- Mail 100 Mail.
ที่เพื่อนคุณส่งให้. . . . ก็ไม่อาจเทียบได้กับ คนรักคุณ......
ที่ตอบมาแค่ว่า ขอบคุณนะ


- ก็เหมือนกับวันๆหนึ่งที่คุณคุยกับเพื่อนเป็นร้อยประโยคแต่ก็จำไม่ได้
แต่เมื่อคุณได้คุยกับคนที่คุณแอบชอบ. . . .
แม้ประโยคเดียว. . . คุณก็จำได้. . . .
จนกว่าเขาจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตน
มหกรรมฟุตบอลโลก ที่กำลังจะระเบิดขึ้น นอกจากคนทั่วทั้งโลกจะเฝ้ารอชมความสนุกสนานตื่นเต้นของเกมการแข่งขันฟุตบอลอันเร้าใจแล้ว สิงห์พนันบอล ก็เป็นคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เฝ้าด้วยใจจดจ่อเช่นกัน เพราะถือว่าเป็นมหกรรมแห่งการพนันที่ยิ่งใหญ่ เหมาะแก่การลงทุนเสี่ยงดวงเป็นอย่างยิ่ง


ปัญหาการพนันบอลจึงกำลังเป็นปัญหาสำคัญที่หลายฝ่ายให้ความเป็นห่วงอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะ เด็กและเยาวชน ที่อาจหลงผิดตกเป็นเหยื่อของวังวนการพนันบอลจนถอนตัวไม่ขึ้น ซึ่งจะนำพาไปสู่ปัญหาการก่ออาชญากรรมในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งลัก วิ่ง ชิง ปล้น






เหยินน้อย ซุปเปอร์สตาร์บราซิลเลี่ยน โรนัลดิลโญ่



สุดช็อกส์ หมูน้อยมือใหม่กว่า6แสนคน เตรียมเป็นผีพนัน

ประเด็นที่น่าเป็นห่วงก็คือ มีประชาชนที่ตั้งใจจะเล่นพนันบอลถึง 599,477 คน เป็นคนที่ไม่เคยเล่นพนันมาก่อน หรืออีกนัยหนึ่งหมายถึง มีประชาชนถึงประมาณ 600,000 คนเป็น มือใหม่ ที่กำลังจะเข้าสู่ระบบการเล่นพนันบอล

อีก 7แสนห้าผีร้ายเข้าสิงอีก
ยิ่งไปกว่านั้น จะมีคนที่เคยเลิกเล่น แล้วจะกลับมาเล่นอีกถึง 750,290 คน

สังคมสุดเสื่อม ขายตัวเอาเงินเล่นบอล
นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่น่าตกใจอีกก็คือ พบว่าเงินที่นำมาเล่นพนันบอล ร้อยละ 42.9 มาจากการกู้ยืม ร้อยละ 2.5 ได้มาจากการขายบริการทางเพศให้กับคู่ขาตนเอง และอีกร้อยละ 2.5 ได้เงินมาจากการขโมย

เด็กประถม 3แสนเล่นพนันเลียนแบบผู้ใหญ่
ขณะที่โพลอีกสำนักคือ สถาบันรามจิตติ ก็ได้เปิด เผยผลการสำรวจพฤติกรรมการพนันบอลของเด็กและเยาวชนอันน่าเป็นห่วงเช่นกันว่า ในจำนวนเด็กชั้นประถมทั่วประเทศ 5 ล้านคน ติดการพนันบอล 6.64% หรือประมาณ 3 แสนกว่าคน ส่วนเด็กมัธยมศึกษา อาชีว ศึกษา และอุดมศึกษา 7 ล้านคน ติดการพนันบอล 17.62% หรือประมาณ 1.1 ล้านคน ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่น่ากลัวมาก และนี่ไม่ใช่เป็นการเล่นแค่ชั่วครั้งชั่วคราว แต่เป็นการเล่นพนันบอลชนิด ขาประจำ


นอกจากนี้จากการสำรวจพบว่า ในการแข่งขันฟุตบอลแต่ละนัดเด็กจะแทงพนันกันครั้งละ 100 บาทไปจนถึง 1,000 บาท หรือเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าคนละ 100-200 บาท ต่อการแทงฟุตบอล 1 นัด ทำให้มีเงินสะพัดอย่างต่ำนัดละ 200-300 ล้านบาท ดังนั้นตลอดการแข่งขันฟุตบอลโลกทั้ง 64 นัด จะทำให้วงเงินรวมของการพนันฟุตบอลโลกครั้งนี้อาจสูงถึง 19,200 ล้านบาทเลยทีเดียว

นายอมรวิชช์ นาครทรรพ ผู้อำนวยการ สถาบันรามจิตติ ระบุด้วยว่า นอกจากเด็กกลายเป็นผีพนันแล้ว การพนันฟุตบอลยังสร้างความพินาศให้เด็กใน 4 ข้อคือ กลายเป็นคนลักเล็กขโมยน้อย ขโมยเงินเพื่อน ขโมยเงินพ่อแม่ผู้ปกครอง เด็กที่ไม่ได้เล่นจะเสี่ยงต่อการถูกขู่กรรโชก รีดไถจากเพื่อนที่เล่นการพนัน เสี่ยงต่อการถูกทำร้าย ร่างกาย ถูกฆ่า ถูกซ้อม เพราะเจ้ามือโต๊ะรับแทงฟุตบอลส่วนใหญ่ไม่ใช่กลุ่มเพื่อนด้วยกัน




แต่เป็น ผู้ใหญ่ที่มีอิทธิ พล หากเด็ก ไม่นำเงินมาจ่ายจะถูกตามชำระหนี้ บางครั้งถึงกับเอาชีวิต

ส่วนเด็กผู้หญิงถึงแม้จะเล่นพนันบอลน้อยกว่าเด็กผู้ชาย 3 เท่า เฉพาะเด็กมัธยม อาชีวศึกษา และอุดมศึกษามีประมาณ 2-3 แสนคน แต่ที่น่าตกตะลึงก็คือ มีการ ขายตัว โดยใช้ตัวเองจ่ายแทนเงินทั้งต้นและดอกเบี้ย โดยจากการสำรวจพบว่ามีเด็กผู้หญิงรายหนึ่งติดหนี้พนันฟุต บอล 1 หมื่นบาท เธอต้องใช้ตัวแลกเงินโดยไปนอนกับเจ้าหนี้ 5 ครั้ง ๆ ละ 2,000 บาท





เผยภัยร้าย ยิ่งเล่นยิ่งติด เพราะสมองปล่อยสารแห่งความสุข

สำหรับการเล่นพนันบอลหรือพนันต่าง ๆ เป็น เพราะเด็กในวัยนี้มีความต้องการที่จะเอาชนะมาก เมื่อเสียก็ต้องการที่จะเอาคืนให้ได้ และทำให้รู้สึกว่าการได้มาซึ่งเงินเป็นสิ่งที่ทำได้ง่าย ทำให้ติดใจไม่สามารถหยุดและกลายเป็นคนติดพนันไปโดยไม่ รู้ตัว

ที่สำคัญคือ สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านสมอง ซึ่งจะเกิดการหลั่ง สารแห่งความสุข เมื่ออยู่ในช่วงขณะนั้น จึงทำให้เด็กไม่รู้จักเบื่อและกลายเป็น โรคติดการพนัน ในที่สุด.




แหล่งข่าว : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

อุปกรณ์วัดความดันโลหิตที่มีการพัฒนาประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเครื่อง B-Pro Pulse Analyser เป็นอุปกรณ์ตรวจวัดความดันโลหิตและลิ้นหัวใจ มีความแม่นยำสูงถึงร้อยละ 99.6

ปัจจุบันในเมืองไทยมีอุปกรณ์ดังกล่าวเพียงเครื่องเดียว โดยการนำเข้าของบริษัท ซินเนอร์จี้ เวิลด์ไวด์ มาร์เก็ตติ้ง (ประเทศไทย) ที่ทุ่มทุนกว่า 50 ล้านบาท!! สำหรับค่าลิขสิทธิ์

B-Pro Pulse Analyser เป็นผลงานการพัฒนาของ ดร.โจ เพร์นเดอร์เกสท์ นักวิทยาศาสตร์ชาวสหรัฐฯ ทำให้อุปกรณ์ชิ้นนี้สามารถส่งคลื่นไฟฟ้าไปยังหัวใจโดยตรง ไม่ทำให้ผู้รับการตรวจเกิดความเจ็บปวด เพราะไม่ต้องเจาะขาหนีบเพื่อสอดอุปกรณ์เข้าไปให้ใกล้หัวใจเหมือนอย่างเคย ทั้งยังใช้เวลาประมวลผลเพียง 10 นาที ก็จะทราบว่าผู้เข้ารับการตรวจมีความเสี่ยงต่อการป่วยเป็นโรคหัวใจหรือไม่

ส่วนความแตกต่างระหว่างเครื่องวัดความดันโลหิตทั่วไปที่ใช้วัดบริเวณแขนกับ B-Pro Pulse Analyser ที่มีลักษณะคล้ายนาฬิกาข้อมือใช้สวมข้อมือนั้นอยู่ที่ ประสิทธิภาพในการวัดความดันโลหิตแกนกลาง ซึ่ง B-Pro Pulse Analyser สามารถบอกได้ แต่เครื่องวัดความดันโลหิตแบบวัดแขนไม่สามารถบอกได้ ดังนั้น การทราบค่าความดันเลือดที่ใกล้เคียงความเป็นจริงหรือใกล้หัวใจจึงให้ความแม่นยำมากกว่า และอาจทำให้ผู้ที่ไม่เคยทราบมาก่อนว่ากำลังป่วยด้วยโรคความดันเข้ารับการรักษาได้อย่างทันท่วงที.
ลองสังเกตธรรมชาติรอบ ๆ ตัวเรา..
แล้วเราจะพบว่า..
ในธรรมชาติเหล่านั้น..
ได้แฝงปรัชญาข้อคิดในการดำเนินชีวิตของเราได้เป็นอย่างดี..

น้ำใส..กลายเป็นน้ำขุ่น..
เพราะมีวัตถุอื่นมากระทบ..ก่อกวน..ฉันใด

เปรียบเหมือน..จิตใจของคนเรา..ที่ขุ่นมัว..เศร้าหมอง..
ก็เพราะมีกิเลสมาก่อกวน..หมักหมม..ฉันนั้น

ธาตุแท้ของน้ำ คือ..ความใสสะอาด..
แต่ธาตุแท้ในจิตใจของคน คือ..ความสงบ..

ธาตุแท้ของแฟ๊บ,สบู่ คือ..ชำระความสกปรกภายนอกร่างกาย
แต่ธาตุแท้ของธรรมะ คือ..เพิ่มความสะอาดภายในจิตใจ

ธาตุแท้ของไฟ คือ..เผาไหม้เชื้อเพลิง
ธาตุแท้ของไฟกิเลส คือ..เผาไหม้จิตใจ..
แต่ธาตุแท้ของธรรมะ คือ..ดับกิเลสความเร่าร้อนในจิตใจ..

ธาตุแท้ของลม คือ..พัดพายุนำความเสียหายมาให้..
แต่ธาตุแท้ของธรรมะ คือ..พัดความชุ่มเย็นเข้ามาในชีวิต..

ธาตุแท้ของดิน คือ..ความคงทนไม่หวั่นไหว..
แต่ธาตุแท้ของจิตใจ คือ..ความไม่หวั่นไหวและมั่นคง..

ธาตุแท้ของความจน คือ.. มีไม่พอ
ธาตุแท้ของความรวย คือ..พอไม่มี
แต่ธาตุแท้ของธรรมะ คือ..พอมี พอเป็น พออยู่ พอได้ และพอเพียง

ธาตุแท้ของความทุกข์ คือ.. ทุกข์มันมาก..สุขจึงน้อย..
ธาตุแท้ของความสุข คือ..ทุกข์มันน้อย..สุขจึงมาก..
แต่ธาตุแท้ของธรรมะ คือ..สุขไม่มี ทุกข์ไม่มี ปล่อยวาง..ว่างเปล่า..เบาสบาย

ดังนั้น..
ธาตุแท้ในจิตใจ..ของเรา..ก็เหมือนกัน..จะใสสะอาด..
เบาสบาย..ไม่เป็นทุกข์ได้..
ก็เพราะมีธรรมะชำระล้างจิตใจ..


บทความ...โดย..ชายน้อย




ขอบคุณบทความจาก วัดปทุมคงคาฯ

ในความเข้าใจของใครหลายๆ มักจะคิดว่าอาการเจ็บป่วยนั้นสามารถบรรเทาได้ด้วยการรับประทานยา ไม่ว่าจะเป็นยาแก้ปวด ลดไข้ หรือยาชนิดอื่นๆ …

ซึ่งตามข้อเท็จจริงแล้วยาเหล่านั้นจะบรรเทาอาการเจ็บป่วยได้ถ้าหากเลือกใช้ยาอย่างถูกต้องและตรงกับอาการป่วย แต่ถ้ารับประทานยาในปริมาณที่มากเกินไปก็อาจจะก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายได้

มีหนึ่งกรณีที่น่าสนใจเกี่ยวกับอันตรายที่ได้รับจากยาแก้ปวด … จากกรณีวัยรุ่น 3 จังหวัดภาคใต้นำยาทรามาดอลมาใช้เป็นส่วนผสมของยาเสพติด เมื่อเสพแล้วทำให้มีอาการมึนงง และเคลิ้ม ซึ่งในความเป็นจริงแล้วอาการดังกล่าวเป็นผลข้างเคียงมาจากการใช้ยา ทั้งนี้เพราะยาทรามาดอลมีสรรพคุณบรรเทาอาการปวดชนิดรุนแรงที่มีอาการข้างเคียงสูง ได้แก่ คลื่นไส้ มึนงง อาเจียน กดระบบหายใจ ความรูสึกสัมผัสเปลี่ยนไป เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีอาการข้างเคียงทางจิตประสาท เช่น อารมณ์แปรปรวน เฉื่อยชา ไม่กระตือรือร้น เป็นต้น

สำหรับยาทรามาดอลจัดเป็นยาอันตรายตามกฎหมายสามารถซื้อได้ในร้านขายยาโดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์แต่ต้องมีเภสัชกรเป็นผู้ส่งมอบยา มีสรรพคุณใช้บรรเทาอาการปวดในกรณีที่มีอาการรุนแรงเท่านั้นเพราะเป็นยาที่มี ผลข้างเคียงสูง และถ้าหากได้รับยาเกินขนาดจะทำให้เกิดภาวะอื่นๆ ตามมา เช่น รูม่านตาหด อาเจียน ระบบหัวใจและหลอดเลือดล้มเหลว ชักและระบบหายใจทำงานช้าลงอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว




ข้อมูลอ้างอิง : เว็บไซต์องค์การอาหารและยา
ทางเลือกของคนที่ต้องการลดน้ำหนักในปัจจุบันมีอยู่มากมายหลายทาง “กาแฟลดน้ำหนัก” ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ปัจจุบันมีหลายคนหันมานิยม เนื่องจากเป็นวิธีการที่ง่าย สะดวก และค่าใช้จ่ายน้อย แต่ทราบรึเปล่าว่า จริงๆ แล้วการดื่มกาแฟลดน้ำหนักก็มีข้อเสียเหมือนกัน

โดยข้อเท็จจริงดังกล่าวทางคณะกรรมการอาหารและยา ได้เปิดเผยว่าปัจจุบันพบการโฆษณาผลิตภัณฑ์กาแฟสำเร็จรูปจำนวนมากอวดอ้างสรรพคุณว่ามีผลในการลดน้ำหนัก ซึ่งเป็นการกล่าวอ้างและโอ้อวดสรรพคุณเกินจริงเพื่อจูงใจให้ซื้อผลิตภัณฑ์ โดยขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลการศึกษาวิจัยทางวิชาการยืนยันว่าสารดังกล่าวมีผลในการลดน้ำหนักหรือทำให้ผิวสวยหรือเพิ่มความงามแต่อย่างใด

ในทางกลับกันหากดื่มมากอาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ โดยน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นนั้นอาจเกิดจากการเติมน้ำตาล ครีม หรือนมในกาแฟ อีกทั้งทำให้หัวใจทำงานหนัก เนื่องจากได้รับกาเฟอีนมากเกินไป โดยเฉพาะในหากร่างกายของคนที่มีความไวต่อกาเฟอีน และที่ร้ายไปกว่านั้นบางคนอาจได้รับอันตรายจากการเจือปนของยาบางชนิดที่ลักลอบใส่ในผลิตภัณฑ์ เช่น ยาไซบูทรามีน จะทำให้เกิดผลข้างเคียง คือ ปวดศีรษะ ปากแห้ง นอนไม่หลับ ความดันโลหิตสูง หัวใจเต้นเร็วขึ้น เป็นต้น


ดังนั้นการที่จะบริโภคกาแฟลดน้ำหนักอย่างถูกวิธีและปลอดภัย ควรมีการปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัย และที่สำคัญควรที่จะศึกษารายละเอียดของผลิตภัณฑ์ที่จะบริโภคให้ละเอียดรอบคอบให้ดีก่อนว่าได้รับการรับรองถูกต้องตามหลัก อย. หรือไม่ และเมื่อบริโภคแล้วจะมีผลกระทบใดเกิดขึ้นกับร่างกายบ้าง



ข้อมูลอ้างอิง : เว็บไซต์องค์การอาหารและยา

เวลาซื้อของตามร้านสะดวกซื้อ หรือซูเปอร์มาเก็ต เชื่อว่ามีไม่กี่คนหรอกที่จะเช็คยอดค่าใช้จ่ายกับลิสต์รายชื่อสินค้าที่เราซื้อมาอย่างละเอียด ส่วนใหญ่แล้วเมื่อจ่ายเงินเสร็จรับใบเสร็จเรียบร้อย ใบเสร็จนั้นก็จะอยู่กับเราอีกแค่ไม่นานหลังจากนั้นเราก็จะขยำมันทิ้งถังขยะและไม่สนใจมันอีกเลย


พฤติกรรมแบบนี้เองที่อาจจะทำให้เราเสียค่าสินค้าเกินกว่าราคาจริงได้ … ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุของเครื่องคิดเลขคิดเลขผิด หรือเจ้าของร้าน/แคชเชียร์ตั้งใจโกง ก็ตาม แต่กรณีของการที่ใบเสร็จมีราคาเกินกว่าสินค้าที่ซื้อมานั้น เกิดขึ้นแล้วกับผู้บริโภครายหนึ่งซึ่งซื้อสินค้าจากซูเปอร์มาเก็ตชื่อดัง โดยหลังจากซื้อสินค้าเสร็จผู้บริโภครายนี้เกิดรู้สึกถึงความผิดปกติของราคาสินค้า เพราะรู้สึกว่าราคาโดยประมาณนั้นไม่น่าจะถึงราคาที่ใบเสร็จแจ้งไว้



จากใบเสร็จที่แนบมาจะเห็นว่ายอดเงินที่แจ้งในใบเสร็จ 675 ซึ่งเมื่อลองนำราคาของสินค้าแต่ละชิ้นมาบวกกันด้วยเครื่องคิดเลขแล้วจะพบว่าราคาจริงของสินค้าทั้งหมดมีราคาเพียงแค่ 457 บาท เท่านั้น จากความผิดปกติดังกล่างนี้ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใดก็ตาม แต่เราในฐานะผู้บริโภคควรรู้จักรักษาสิทธิของตนเอง เพราะหากปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นบ่อยๆ ก็จะกลายเป็นช่องทางให้ผู้บริโภคอย่างเราๆ ถูกเอารัดเอาเปรียบได้ง่ายๆ



จาก สาระแน

เราสามารถแบ่งบริเวณที่ปวดท้องได้เป็น 9 ส่วน คือ

1. ชายโครงขวา คือตับและถุงน้ำดี อาการที่พบมักจะกดแล้วเจอก้อนแข็งร่วมกับอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ซึ่งสันนิษฐานเบื้องต้นได้ว่า อาจเป็นโรคเกี่ยวกับตับหรือถุงน้ำดี เช่น ตับอักเสบ ฝีในตับ ถุงน้ำดีอักเสบ

2. ใต้ลิ้นปี่ คือ กระเพาะอาหาร ตับอ่อน ตับ และกระดูกลิ้นปี่
- ปวดเป็นประจำเวลาหิวหรืออิ่ม อาจเป็นโรคเกี่ยวกับกระเพาะ
- ปวดรุนแรงร่วมกับคลื่นไส้อาเจียน อาจเป็นโรคตับอ่อนอักเสบ
- คลำเจอก้อนเนื้อค่อนข้างแข็งและมีขนาดใหญ่ อาจหมายถึงตับโต - คลำได้ก้อนสามเหลี่ยมแบนเล็กๆ มักเป็นกระดูกลิ้นปี่

3. ชายโครงขวา คือ ม้าม ซึ่งมักจะคลำเจอก้อนเนื้อบริเวณนี้

4. บั้นเอวขวา คือท่อไต ไต ลำไส้ใหญ่
- ปวดร่วมกับถ่ายอุจจาระผิดปกติหรือถ่ายเป็นเลือด อาจเป็นเพราะลำไส้ใหญ่อักเสบ
- ปวดร้าวถึงต้นขา อาจเป็นนิ่วในท่อไต
- ปวดร่วมกับปวดหลัง มีไข้ หนาวสั่น ปัสสาวะขุ่น อาจเป็นกรวยไตอักเสบ
- คลำเจอก้อนเนื้อ อาจเป็นไตโตผิดปกติหรือเนื้องอกในลำไส้ใหญ่

5. รอบสะดือ คือ ลำไส้เล็ก มักพบในโรคท้องเดินหรือไส้ติ่งอักเสบ (ก่อนจะย้ายมาปวดท้องน้อยขวา) แต่ถ้าปวดแบบมีลมในท้อง ก็อาจเป็นเพราะกระเพาะลำไส้ทำงานผิดปกติ

6. บั้นเอวซ้าย คือ ท่อไต ไต ลำไส้ใหญ่ (เหมือนข้อ 4)

7. ท้องน้อยขวา คือ ไส้ติ่ง ท่อไต และปีกมดลูก
- ปวดเกร็งเป็นระยะ ร้าวมาที่ต้นขา อาจเป็นเพราะมีก้อนนิ่วในกรวยไต
- ปวดเสียดตลอดเวลา กดแล้วเจ็บมาก มักเป็นไส้ติ่งอักเสบ
- ปวดร่วมกับมีไข้สูง หนาวสั่น มีตกขาว มักเป็นเพราะปีกมดลูกอักเสบ
- คลำแล้วเจอก้อนเนื้อ อาจเป็นก้อนไส้ติ่งหรือรังไข่ผิดปกติ

8. ท้องน้อย คือ กระเพาะปัสสาวะและมดลูก
- ปวดเวลาถ่ายปัสสาวะหรือถ่ายกระปริบกระปรอย มักเป็นเพราะกระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
- ปวดเกร็งเวลามีประจำเดือน เป็นอาการปวดประจำเดือน แต่ในรายที่ปวดเรื้อรังในหญิงแต่งงานแล้วไม่มีบุตร อาจเป็นเนื้องอกในมดลูก

9. ท้องน้อยซ้าย คือ ปีกมดลูกและท่อไต
- ปวดเกร็งเป็นระยะและร้าวมาที่ต้นขา มักเป็นนิ่วในท่อไต
- ปวดร่วมกับมีไข้ หนาวสั่น ตกขาว เป็นเพราะมดลูกอักเสบ
- ปวดร่วมกับถ่ายอุจจาระผิดปกติ อาจเป็นเพราะลำไส้ใหญ่อักเสบ
- คลำพบก้อนร่วมกับอาการท้องผูกเป็นประจำ อาจเป็นเนื้องอกในลำไส้


จาก เนเวอร์เอจ

ยิ่งนานยิ่งรัก เกิดขึ้นได้พอๆ กับยิ่งนานยิ่งไม่รัก
การดูแลความสัมพันธ์ เหมือนการกำทราย
กำแน่นไป ทรายก็ร่วงออกจากมือหมด
กำเบาไป . . . ทรายก็ไม่อยู่ในมืออยู่ดี

เวลาผ่านไป ใช้ชีวิตอย่างธรรมชาติให้มากขึ้น
เมื่อไหร่รู้สึกเหนื่อย . . . ดีใจเถอะที่เหนื่อยเป็น
จะได้รู้สึกว่าควรพักซะที เหมือนคนที่ป่วยเป็น
แสดงว่าเราใช้ร่างกายมากเกินไปแล้ว . . .
ถ้าไม่ป่วยซะบ้างเลย เราจะไม่รู้ว่าควรถนอมร่างกายได้หรือยัง

การรักคนอื่นก็ คือ การรักตัวเองอีกแบบหนึ่ง
อยู่คนเดียวเรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า รักตัวเองหรือเปล่า
พอเริ่มรักใครซักคน . . . สิ่งที่ไม่เคยทำก็ทำ
. . . ไม่เคยหวานขนาดนี้ก็หวาน
ทำทุกอย่างที่จะรักษาคนที่เรารัก ให้อยู่กับเรานาน ๆ
เพราะอะไร . . . เพราะรักตัวเองและกลัวตัวเองเสียใจ

ความรักเป็นเรื่องของคน 2 คน มีความสุขทั้ง 2 คน
อย่าให้คนหนึ่งมีความสุข ในขณะที่อีกคนหนึ่งพยายาม
อย่าให้คนหนึ่งเสียใจ ในขณะที่อีกคนไม่รู้ตัว
อย่าให้คนหนึ่งรู้สึกดี ในขณะที่อีกคนเฉยๆ
อย่าให้คนหนึ่งอยากพูด แต่อีกคนไม่อยากฟัง
อย่าเหนื่อยใจที่จะถามกัน
อย่ากังวลกลัวเสียใจ . . . ก่อนที่จะคุยกัน

เธอ . . . คือเธอ
ฉัน . . . ก็เป็นฉัน
คน 2 คนที่รักกัน
ต่างคนต่างยังมีหัวใจของตัวเอง


จาก บล็อคหวานใจ
การทำดีนั้นมีหลายอย่าง อย่างที่ท่านทำโดยได้ร่วมกุศลเป็นเงิน

เพื่อที่จะแผ่ไปช่วยผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากนั้น ก็เป็นการกระทำที่ดีอย่างหนึ่ง


ความสามัคคีนี้ ก็เป็นการทำดีอย่างหนึ่ง

คือมีความปรองดองสามัคคีช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

อุดหนุนกัน แล้วก็ไม่เบียดเบียนกัน


การทำดีอีกอย่างซึ่งจะดูลึกซึ้งกว่า คือ ปฏิบัติตนเอง

คือพิจารณาดูว่าตัวเองกำลังคิดอะไร กำลังทำอะไร ให้รู้ตลอดเวลา

ถ้าเราคอยระมัดระวังตลอดเวลาให้รู้ว่าตัวทำอะไรก็ไม่ผิดพลาด

เพราะว่าโดยมากความผิดพลาดมาจากความไม่รู้ในปัจจุบัน...


พระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

หนังสือคำพ่อสอน ในโครงการตามรอยเบื้องพระยุคลบาทด้วยความรักและความดี

60 ปี 60 ล้านความดีถวายในหลวง น้อมเกล้าถวายในหลวง


สรุป ...

1.ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก

2.สามัคคี เกื้อกูลกันและกัน

3.มีสติรู้ตัวเองตลอดเวลา


จาก ลานธรรมจักร
การรู้จักขอโทษนั้นเป็นมารยาทอันดีงามสำหรับตัวผู้ทำเอง และเป็นการช่วยระงับหรือช่วยแก้โทสะของผู้ถูกกระทบกระทั่งให้เรียบร้อยด้วยดีในทางหนึ่ง หรือจะกล่าวว่าการขอโทษคือการพยายามป้องกันมิให้มีการผูกเวรกันก็ไม่ผิด

เพราะเมื่อผู้หนึ่งทำผิด อีกผู้หนึ่งเกิดโทสะเพราะถือความผิดนั้นเป็นความล่วงเกินกระทบกระทั่งถึงตน แม้ไม่อาจแก้โทสะนั้นได้ ความผูกโกรธหรือความผูกเวรก็ย่อมมีขึ้น ถ้าแก้โทสะนั้นได้ก็เท่ากับแก้ความผูกโกรธหรือผูกเวรได้ เป็นการสร้างอภัยทานขึ้นแทน อภัยทานก็คือการยกโทษให้ คือการไม่ถือความผิดหรือการล่วงเกินกระทบกระทั่งว่าเป็นโทษ

อันอภัยทานนี้เป็นคุณแก่ผู้ให้ ยิ่งกว่าแก่ผู้รับ
เช่นเดียวกับทานทั้งหลายเหมือนกัน
คืออภัยทานหรือการให้อภัยนี้ เมื่อเกิดขึ้นในใจผู้ใด
จะยังจิตใจของผู้นั้นให้ผ่องใสพ้นจากการกลุ้มรุมบดบังของโทสะ

โกรธแล้วหายโกรธเอง กับโกรธแล้วหายโกรธเพราะให้อภัย ไม่เหมือนกัน โกรธแล้วหายโกรธเองเป็นเรื่องธรรมดา ทุกสิ่งเมื่อเกิดแล้วต้องดับ ไม่เป็นการบริหารจิตแต่อย่างใด แต่โกรธแล้วหายโกรธเพราะคิดให้อภัย เป็นการบริหารจิตโดยตรง จะเป็นการยกระดับของจิตให้สูงขึ้น ดีขึ้น มีค่าขึ้น

ผู้ดูแลเห็นความสำคัญของจิต จึงควรมีสติทำความเพียรอบรมจิตให้คุ้นเคยต่อการให้อภัยไว้เสมอ เมื่อเกิดโทสะขึ้นในผู้ใดเพราะการปฏิบัติล้วงล้ำก้ำเกินเพียงใดก็ตาม พยายามมีสติพิจารณาหาทางให้อภัยทานเกิดขึ้นในใจให้ได้ ก่อนที่ความโกรธจะดับไปเสียเองก่อน

ทำได้เช่นนี้จะเป็นคุณแก่ตนเองมากมายนัก ไม่เพียงแต่จะทำให้มีโทสะลดน้อยลงเท่านั้น และเมื่อปล่อยให้ความโกรธดับไปเอง ก็มักหาดับไปหมดสิ้นไม่ เถ้าถ่านคือความผูกโกรธมักจะยังเหลืออยู่ และอาจกระพือความโกรธขึ้นอีกในจิตใจได้ในโอกาสต่อไป

ผู้อบรมจิตให้คุ้นเคยอยู่เสมอกับการให้อภัย
แม้จะไม่ได้รับการขอขมา ก็ย่อมอภัยให้ได้

ในทางตรงกันข้าม ผู้ไม่เคยอบรมจิตใจให้คุ้นเคยกับการให้อภัยเลย โกรธแล้วก็ให้หายเอง แม้ได้รับการขอขมาโทษ ก็อาจจะไม่อภัยให้ได้ เป็นเรื่องของการไม่ฝึกใจให้เคยชิน

อันใจนั้นฝึกได้ ไม่ใช่ฝึกไม่ได้ ฝึกอย่างไดก็จะเป็นอย่างนั้น ฝึกให้ดีก็จะดี ฝึกให้ร้ายก็จะร้าย...









พระนิพนธ์ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร..
ชีวิตคน ใช่ดิ้นรน แค่เรื่องรัก
ควรยึดมั่น หลักธรรม คำสั่งสอน
อยากให้เค้า เป็นดั่งใจ เช่นเราปอง
จะเศร้าหมอง สืบไป ในกงเกวียน

ในห้วงทุกข์ มากมาย คือความรัก
แล้วใยจัก ไขว่คว้า แต่รักเล่า
ทำความดี แต่งเสริม ให้ใจเรา
เป็นดังเงา ติดใจเรา ทุกชาติไป

หากจะรัก จงรักกัน ด้วยศีลห้า
จะนำมา ซึ่งความสุข ทุกสมัย
หากใครรัก แล้วให้รัก มาเผาใจ
อย่าหาใคร มาเป็นไฟ ให้ใจเลย

แล้วอย่างนี้ ความรัก มีสุขหรือ
ความรักคือ ความทุกข์ สนุกหมัย
รักพ่อแม่ ตายหรืออยู่ มีที่ไป
รักหลงไหล ตายแล้วไป ไร้ปลายทาง

คนทุกคน ในวังวน จงสำนึก
อย่าลงลึก กับความโลภ และโกรธหลง
เลิกยึดเขา เลิกยึดเรา ด้วยทางปลง
จงสวดมนตร์ ปฏิบัติธรรม ช่วยนำใจ


ขอบคุณบทความจาก บ้านธรรมะ
เป็นเรื่องราวของเพื่อน 2 คนที่กำลังเดินทางอยู่กลางทะเลทราย
เมื่อเดินทางถึงจุดหนึ่ง ก็เกิดการโต้เถียงกัน
เพื่อนคนหนึ่งก็ตบหน้าเพื่อนอีกคนหนึ่ง เพื่อนคนที่ถูกตบหน้า
ไม่ว่าอะไรสักคำ แต่กลับเขียนข้อความไว้ที่พื้นทรายว่า

"วันนี้เพื่อนรักของฉัน ตบหน้าฉัน"

พวกเขาเดินทางกันต่อไป จนกระทั่งพบแหล่งน้ำกลางทะเลทราย
พวกเขาตัดสินใจอาบน้ำที่นั่น เพื่อนคนที่ถูกตบหน้าก็เกิดจมน้ำ
แต่ก็โชคดีที่เพื่อนอีกคนช่วยชีวิตไว้ได้
เมื่อเขาหายตกใจจากการจมน้ำ เขาก็จารึกข้อความไว้ที่ก้อนหินว่า

"วันนี้เพื่อนรักของฉัน ช่วยชีวิตฉันไว้"

เพื่อนคนที่ช่วยชีวิตเขา และตบหน้าเขารู้สึกแปลกใจในการกระทำของเขา
จึงเอ่ยปากถามว่า

"ทำไมตอนที่ฉันทำร้ายเธอ เธอเขียนลงบนพื้นทราย
แต่ตอนนี้เธอเขียนลงบนหิน"

เพื่อนอีกคนยิ้ม และตอบว่า

"เมื่อเพื่อนทำร้ายเรา เราควรจะเขียนลงบนทราย
เพื่อให้สายลมแห่งอโหสิพัดมา และลบมันทิ้งไป
และเมื่อมีความประทับใจเกิดขึ้น
เราควรจะจารึกไว้ในศิลาแห่งความทรงจำจากใจ
ซึ่งสายลมจะมิอาจทำให้มันเลือนลางได้"

จงเรียนรู้ที่จะเขียนลงบนพื้นทราย


ขอบคุณบทความจาก บ้านธรรมะ
ทำชีวิตให้มีแต่ "หน้าที่"
แล้วจะไม่มี "ภาระ"
พระอาจารย์ชยสาโรภิกขุ


ท่านพุทธทาสเคยเล่าให้ฟังเรื่องหนึ่งว่า

เคยมีคนไปเยี่ยมเยียนท่าน
มาครั้งแรกนั้น ก็สังเกตเห็นอาคารใกล้ ๆ กำลังสร้าง
อีกสามปีต่อมา กลับมาเยี่ยมอีกครั้ง อาคารก็ยังคงก่อสร้างอยู่
ผู้มาเยือนจึงกล่าวขึ้นว่า "อาคารนี้ยังไม่เสร็จอีกนะครับ"
หลวงพ่อท่านกลับตอบว่า "เสร็จแล้ว"
"เท่าที่สร้าง เสร็จแล้ว"

(ท่านพระชยาสาโรบอกว่า)

ให้รู้จักมองให้เป็นเรื่อง ๆ
รู้จักทำให้เสร็จเป็นขั้น ๆ ไป
อย่ามัวแต่ไปกังวลว่า โอย.. ยังมีงานค้างอีกตั้งเท่าไร ๆ
สิ้นวันที ทำเท่าไหร่ก็ไม่เสร็จเสียที มีแต่ความรู้สึกเป็นหนี้
แต่จงมองงานให้เป็นเรื่อง ๆ วันนี้เสร็จอะไรไปบ้างแล้ว พรุ่งนี้จะทำอะไรต่อ

มีสติอยู่กับทุกเรื่องที่ทำ รู้จักเดินทีละก้าว

รู้จักบริหารชีวิตให้เป็น
แล้วชีวิตจะมีแต่คำว่า "หน้าที่" ไม่มี "ภาระ" เลย







ที่มา : เกร็ดธรรมเก็บมาฝาก จากท่านชยสาโร
1.ขอให้ข้าพเจ้าอย่าหลงผิดคิดไปว่าลำพังการขอเพียงอย่างเดียวโดยไม่ต้องลงมือทำอะไรก็ประสบความสำเร็จ

2.ขอให้ข้าพเจ้าอย่าละเลยการใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิตด้วยความสุขุมคัมภีรภาพ

3.ขอให้ข้าพเจ้าอย่าประมาทขาดสติในทุกเรื่องที่คิด ทุกกิจที่ทำ ทุกคำที่พูด ทุกครั้งที่เคลื่อนไหว

4.ขอให้ข้าพเจ้าอย่าพอใจในการเป็นคนคดในข้องอในกระดูก ตลบตะแลงปลิ้นปล้อนลื่นไหลเฉกเช่นศรีธนญชัย

5.ขอให้ข้าพเจ้าอย่าเป็นนักจับผิดมองโลกแต่ในแง่ร้าย เห็นแต่ด้านที่เลวทรามต่ำช้าของมนุษยชาติผู้มีทั้งความดีงามและความผิดพลาดในชีวิตเป็นธรรมดา

6.ขอให้ข้าพเจ้าอย่าเป็นคนเห็นแก่ตัว คิดถึงแต่ประโยชน์ส่วนตัวจนมองไม่เห็นหัวคนอื่นรวมทั้งส่วนรวม

7.ขอให้ข้าพเจ้าอย่าพอใจในการประพฤติทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวงหลอกลวงประชาชนในทุกรูปแบบ

8.ขอให้ข้าพเจ้าอย่าเป็นคนละโมบโลภมากในยศ ทรัพย์ อำนาจ ชื่อเสียง กามารมณ์อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

9.ขอให้ข้าพเจ้าอย่าเกิดมาเสียเวลาเปล่าโดยไม่เคยประทับรอยแห่งความดีงามฝากไว้ให้คนรุ่นหลัง

10.ขอให้ข้าพเจ้าอย่าเป็นคนลืมตัว หลงผิด คิดว่าตนเก่ง ตนดีอยู่คนเดียวโดยไม่มีใครคอยช่วยเหลือเกื้อกูล

11.ขอให้ข้าพเจ้าอย่าพอใจในการขุดคุ้ย แคะไค้ ฟื้นฝอยความหลังอันเจ็บปวด ปมด้อยอันขมขื่น ความผิดพลาดอันน่าละอายของคนอื่นขึ้นมานินทา บอกเล่าให้เขาได้รับความเจ็บช้ำน้ำใจ

12.ขอให้ข้าพเจ้าอย่าเป็นมนุษย์บ้างานที่เห็นงานสำคัญที่สุดในชีวิตจนทอดทิ้งการดูแลสุขภาพ สถาบันครอบครัว และความรับผิดชอบทางสังคม

13.ขอให้ข้าพเจ้าอย่าเลือกคบคนผิด ติดจมอยู่ในหมู่คนเลว คนถ่อย คนทราม คนช่างประจบสอพลอผู้เป็นศัตรูแต่แฝงตัวมาในร่างของมิตร

14.ขอให้ข้าพเจ้าอย่าเป็นคนเนรคุณบุพการีผู้มีพระคุณอย่างมารดร บิดา ปู่ ย่า ตา ยาย และกัลยาณมิตรผู้เคยหยิบยื่นความช่วยเหลือเกื้อกูลให้ในยามตกยาก

15.ขอให้ข้าพเจ้าอย่าเหยียบย่ำซ้ำเติมคนที่กำลังตกต่ำ อย่าริษยาคนที่กำลังรุ่งโรจน์ อย่าเย็นชาต่อผู้ที่ตกอยู่ท่ามกลางหายนภัยในรูปแบบต่างๆ

16.ขอให้ข้าพเจ้าอย่าสูญเสียสามัญสำนึกซึ่งเป็นเหตุให้ไม่รู้ดีรู้ชั่ว ไม่กลัวกฎแห่งกรรม และนิยมเหยียบย่ำกฎหมาย

17.ขอให้ข้าพเจ้าอย่าเป็นคนก้าวร้าว รุนแรง อหังการ หยาบกระด้าง สร้างแต่ความระคายเคืองให้คนอื่น

18.ขอให้ข้าพเจ้าอย่ากลัว อย่าหงอต่อคนชั่ว ต่อคนถ่อย ต่อคนบ้า ต่อความอยุติธรรมที่กำลังครอบงำประชาชนและยุคสมัย

19.ขอให้ข้าพเจ้าอย่าดูถูกตนเองว่าเป็นคนที่ต่ำต้อยด้อยค่า อันนำมาซึ่งความหดหู่ ท้อแท้ สิ้นหวัง ไม่ลุกขึ้นมาแก้ปัญหาชีวิต

20.ขอให้ข้าพเจ้าอย่าถูกมอมเมาปั่นหัวให้ต้องลุกขึ้นมาทำสงครามกลางเมืองระหว่างพี่น้องประชาชนคนไทยด้วยกันเอง


ขอบคุณบทความจาก บ้านธรรมะ
ปริยัติ...ปฏิบัติ...ปฏิเวธ
พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปัณโณ)
วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี



ศาสนธรรม แสดงออกทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็นพระสูตร ไม่ว่าจะเป็นพระวินัย ไม่ว่าจะเป็นพระปรมัตถ์
เป็นชื่อแห่งธรรมแท้ๆ ทั้งนั้น
เป็นกรุยหมายป้ายทางเพื่อที่เข้าถึงธรรมแท้
เป็นเข็มทิศทางเดินเพื่อจะให้เข้าถึงธรรมที่แท้จริง
ซึ่งมีอยู่ภายในใจของเรานี้จะเกิดขึ้นที่ใจไม่เกิดขึ้นที่อื่น



การจะรู้ธรรมเห็นธรรมรู้ด้วยปฏิบัติ
ปริยัติศึกษาเล่าเรียนได้ยินได้ฟังมาแล้ววิธีการอย่างไร
ให้นำวิธีการนั้นมาประพฤติปฏิบัติ
ปฏิเวธจะค่อยรู้แจ้งเห็นจริงไปโดยลำดับลำดา
แต่ธรรมนั้นจะไม่เกิดเพียงความจำอย่างเดียว
จะได้เท่าไรก็เต็มตู้เต็มหีบอยู่อย่างนั้น



ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ อย่าลืม
นี้เป็นธรรมที่เกี่ยวโยงกันอย่างแนบแน่นแยกไม่ออก
แยกนิดเสียนิดผิดนิด ยากมากเสียมากผิดมาก

พระพุทธเจ้าพระสาวกท่านไม่ได้ให้แยก
ท่านพยายามให้ธรรมทั้ง ๓ ประเภทนี้
กลมกลืนกันโดยลำดับลำดา
ด้วยความพากเพียรทุกระยะ
ทุกเวล่ำเวลาทุกอิริยาบถ
มีแต่ความเพียรพยายามเพื่อให้ธรรมทั้งสามประเภทนี้
เข้ากลมกลืนเป็นอันเดียวกันเลย
ถึงจะเป็นธรรมทั้งแท่งขึ้นมาได้

ถ้าลงแยกแยกละไม่ได้
เช่น เรียนก็เข้าใจว่ารู้เสีย
ได้เรียนมามากน้อยก็เอาความจำนั้น
มาเป็นพระนิพพานเสียทั้งๆที่เป็นกิเลส



พระพุทธเจ้าท่านทรงสอนแล้ว ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ
ธรรม ๓ อย่างนี้แยกกันไม่ได้
ถ้าผู้ต้องการผลจากทางศาสนธรมอย่างแท้จริง
ดังที่พระพุทธเจ้าทรงรู้ทรงเห็น
และทรงปฏิบัติมาจนสมบูรณ์แล้วนั้น
ต้องดำเนินตามหลักของครูที่สอนนี้
ก็ตั้งอกตั้งใจให้นำออกมาใช้
นำออกมาปฏิบัติให้เป็นภาคปฏิบัติ
แล้วปฏิเวธจะแฝงตัวขึ้นมาภายในจิตใจของเรานี้



(คัดลอกบางตอนมาจาก “ธรรมวิสุทธิ์” ใน มหาสมัยในปัจจุบัน
โดย พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปัณโณ) วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี)
๑) ทุกข์ทางใจ

จิต ที่เป็น ปกติสุขไม่อาจคิดพูดโกหกมดเท็จ การจะโกหกมดเท็จได้ต้องใช้จิตที่เป็นทุกข์เท่านั้น เพราะไหนจะต้องพยายามแต่งเรื่องขึ้นใหม่ ไหนจะต้องออกแรงบิดความจริงอันเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ด้วยปากอันเล็กกระจ้อยร่อย แม้แต่การกลับซ้ายให้กลายเป็นขวาเพียงนิดเดียว ก็อาจพาคนหลงตามคำหลอกของเราไปลงเหวได้แล้ว ทุกคำมุสาที่นึกว่าเล็กน้อย จึงอาจก่อมหันตภัยใหญ่หลวงเกินกว่าจะคาดเดาได้

การรู้ตัวว่าโดนหลอก เป็นความทุกข์ของผู้ถูกหลอก ถ้าเราเป็นคนหลอกเขา ใจเราจะเป็นสุขไปได้อย่างไร การสังเกตเข้ามาในตนเองจะทำให้เห็นทุกข์เป็นขณะ ๆ อย่างชัดเจน

ทุกข์ เริ่มต้นตั้งแต่เมื่ออยากหลอกลวงให้คนอื่นหลงเชื่อ สังเกตเข้ามาในตนเอง จะรู้สึกถึงความฝืดฝืน นั่นเพราะธรรมชาติของความจริงมีเหตุมีผล การอยากโกหกก็คือการอยากทำลายเหตุผล ซึ่งค้านกันกับสำนึกแบบมนุษย์ที่ต้องการเหตุผลตามจริง

ทุกข์จะทวีตัว ขึ้นเมื่อตัดสินใจหลอกลวงให้คนอื่นหลงเชื่อ สังเกตเข้ามาในตนเอง จะเห็นเหมือนใจถูกคลุมไว้ด้วยฝ้าหมอกมายา นั่นเพราะการตั้งใจแต่งเรื่องหลอกคนอื่น ก็คือการพลิกเอาตัวเองออกจากความจริงอันสว่างไปสู่ความเท็จอันมืด จึงไม่มีทางที่ใจจะสดใสโปร่งโล่งไปได้

ทุกข์จะทวีตัวขึ้นอีกเมื่อ พยายามคิดคำลวงให้คนอื่นหลงเชื่อ สังเกตเข้ามาในตนเอง จะเห็นคล้ายมีตัวเราที่รูปร่างหน้าตาแตกต่างไปจากเดิมกำลังดิ้นพล่าน พยายามจินตนาการจับต้นชนปลายความจริงกับความเท็จให้ต่อกันติด ที่มโนภาพของตัวเราแตกต่างจากเดิม ราวกับแปลกไปไม่ใช่ตัวเรา ก็เพราะขณะจิตนั้นเราไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่ตัวจริงตามที่กำลังเป็น

ทุกข์ จะทวีตัวขึ้นถึงขีดสุดเมื่อต้องฝืนขยับปากหลอกลวงคนอื่นให้หลงเชื่อ สังเกตเข้ามาในตนเอง จะเห็นการออกแรงเค้นคำ แตกต่างจากเมื่อพูดความจริงอย่างสบายอารมณ์ นั่นเพราะเรารู้ว่าความจริงเป็นเส้นตรง แต่จะอาศัยปากของเราเข้าไปดัดเส้นตรงนั้นให้เบี้ยวบิดผิดรูป แน่นอนว่าจิตใจและปากคอของเราย่อมเบี้ยวบิดผิดตามไปด้วย ไม่อาจตรงอยู่ได้

ทุกข์ จะไม่จบโดยง่ายแม้เมื่อหลอกลวงให้คนอื่นหลงเชื่อได้สำเร็จ สังเกตเข้ามาในตนเอง จะเห็นเป็นความรู้สึกเหมือนมีสองภาค ภาคหนึ่งรู้ความจริง อีกภาคหนึ่งรู้ว่ามีความลวงซ้อนความจริงขึ้นมา อีกทั้งต้องคอยปกปิดให้ดี ยิ่งภาคแห่งความลวงหนาขึ้นกลบภาคแห่งความจริงมากขึ้นเท่าใด เราจะยิ่งรู้สึกคล้ายเกิดหน้ากากปิดบังหน้าตาของตนมากขึ้นเท่านั้น จนวันหนึ่งส่องกระจกเงาแล้วอาจรู้สึกครึ่งจริงครึ่งฝัน ถามตัวเองว่านี่ใบหน้าของเราแน่หรือ?

ในทางปฏิบัติแล้ว การหลอกคนได้มักทำให้ภูมิใจ เพราะหลงนึกว่าตัวเองฉลาด และเห็นว่าคนอื่นโง่ ดังนั้น ทุกข์ที่เกิดจากการฝึกเป็นนักแต่งเรื่องจึงไม่ปรากฏชัดในช่วงต้นวัย ต่อเมื่อหลอกคนอื่นจนกระทั่งจิตทำงานเป็นอัตโนมัติ คล้ายหลอกได้แม้กระทั่งตัวเองให้เชื่ออะไรผิด ๆ หลงตัดสินใจโง่ ๆ และด้วยเหตุนี้เอง เราจึงตระหนักว่าที่สุดของการเป็นคนลวงโลก ก็คือการพาตัวเองไปอยู่ในอีกโลกหนึ่ง ที่เต็มไปด้วยความทุกข์ร้อนจากการไม่รู้จักตนเองเสียแล้ว








๒) การสั่งสมบาป

เมื่อ ทราบแล้วว่าความมืดเป็นเครื่องหมายของบาป เราก็สามารถสำรวจใจตนเองแล้วทราบได้ว่าการโกหกเป็นบาป เพราะไม่มีการโกหกครั้งใดที่ทำให้จิตของเราสว่างขึ้น มีแต่จะหม่นหมองลง กับทั้งไม่มีแก่ใจคิดอะไรในทางดี ในทางที่เจริญเอาเลย

แรงผลักดันให้ โกหกได้เต็มปากเต็มคำคือ โลภะ โลภะต้องชนะความอยากสบายใจ จึงขับให้เราก่อบาปด้วยการหลอกลวง แท้จริงมนุษย์เราต้องการความสบายใจเหนือสิ่งอื่นใด แต่เพราะอยากได้สิ่งที่ต้องการมากเกินไป หรือจำต้องเห็นแก่สิ่งอื่นยิ่งไปกว่าใจตน จึงยอมทำลายความสบายใจด้วยการพูดคำเท็จ

ที่น่ากลัวก็คือบาปสามารถ สั่งสมตัวได้ นั่นหมายความว่ายิ่งโกหกมากขึ้นเท่าไร ใจก็ยิ่งอึดอัดทรมานมากขึ้นเท่านั้น มองไปทางไหนความจริงทั้งหลายดูน่าบิดเบือนให้ผิดจากเดิมไปหมด

แม้ ขยับปากเอาตัวรอดหรือสร้างภาพให้ดูดี เช่น คนที่บ้านถามว่าไปไหนมา ความจริงเราไปสังสรรค์เฮฮากับเพื่อนฝูง แต่เราไพล่พูดโกหกว่าไปช่วยงานสำคัญที่นั่นที่นี่ ปากของเราก็ได้ชื่อว่าเป็นเครื่องดัดจิตให้เบี้ยวบิดผิดรูปแล้ว เพียงคำลวงเล็ก ๆ ก็จุดชนวนความคิดไม่ตรงไปตรงมาได้ ต่อไปเมื่อต้องตอบแบบเสียภาพลักษณ์นิดเดียว ระบบความคิดของเราจะพยายามสร้างคำพูดไปในทางรักษาภาพทันที โดยไม่คำนึงว่าภาพดี ๆ จะมีความจริงปนอยู่ด้วยมากน้อยเพียงใด

ความ คิดในทางปั้นน้ำเป็นตัวจะลดความฉลาดในการอธิบายให้คนเข้าใจความจริง ทั้งที่พูดความจริงโดยไม่ต้องให้คนฟังเสียความรู้สึกก็ได้ แต่เพราะมัวไปเชื่ออยู่ว่าขืนพูดความจริงก็พังเท่านั้น เลยเท่ากับปิดโอกาสฝึกใจให้ซื่อ ฝึกคิดให้ฉลาด น้อยคนจึงสามารถพูดแบบให้เกิดเรื่องดี ๆ โดยไม่ต้องแต่งเรื่องหลอก ๆ ขึ้นมา

ฉะนั้น เพียงไม่ตั้งใจไว้ก่อนว่าจะเว้นขาดจากการโกหก ก็นับว่ามีโทษแล้ว เพราะเมื่อถูกตั้งเงื่อนไขให้เกิดโลภะอย่างแรงกล้า ความอยากสบายใจก็ลดระดับแทบไม่เหลือ ยังผลให้สติพร่าเลือนลง เปิดช่องให้โลภะเข้าครอบงำจนโง่เขลา หลงนึกว่าบาปแห่งการโกหกเป็นสิ่งสมควรทำยิ่งกว่าบุญแห่งการพูดความจริงให้ เกิดประโยชน์







๓) ความเป็นอยู่ที่เลวร้าย

ไม่ มีความ รู้สึกอึดอัดอันใดย่ำแย่ไปกว่าความรู้สึกอึดอัดอันเกิดจากการโกหก เพราะบาปข้ออื่นยังทำลงไปแบบมีเหตุผลให้โล่งใจกันได้ เช่น เราอาจฆ่าโจรโฉดตามหน้าที่ของตำรวจ เราอาจโกงใครเพราะเขาโกงก่อน เราอาจกินเหล้าเพื่อไม่ให้คนรินเสียใจ แต่ถ้าต้องฝืนใจโกหกครั้งหนึ่ง เราก็ต้องฝืนทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับความจริงอันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่หนึ่งครั้ง เมื่อสั่งสมมากแล้ว ในที่สุดทั้งอกทั้งใจก็เต็มแน่นไปด้วยความอึดอัดครัดเครียด และสับสนอยู่กับตนเองว่าอันไหนจริงอันไหนเท็จ อันไหนตื่นอันไหนฝัน เห็นความจริงเป็นสิ่งไม่น่าเชื่อ กับทั้งมีนิสัยดื้อด้าน ไม่ยอมรับความจริงอย่างน่าสลดสังเวชได้

เมื่อบาปจากการการโกหกถูก สั่งสมมากแล้ว คนโกหกย่อมเลื่อนฐานะเป็นคนลวงโลก ดูเผิน ๆ เหมือนโกหกได้หน้าตาย คิดแต่งเรื่องได้เป็นตุเป็นตะในเวลาอันรวดเร็ว หลอกได้แม้กระทั่งเครื่องจับเท็จ ซึ่งสะท้อนว่าสามารถสะกดจิตตัวเองให้สำคัญไปว่ากำลังพูดเรื่องจริงอย่างเป็น ธรรมชาติ แต่นั่นแหละคือความผิดธรรมชาติอย่างใหญ่หลวง จนก่อให้เกิดกระแสในตัวที่น่าระแวง ไม่ชวนให้อยากคบ อยู่ใกล้แล้วอึดอัด เหมือนอีกาที่ซื่อกับใครไม่เป็น หรือเหมือนลิงที่พร้อมจะล้อเลียนเราทั้งต่อหน้าและลับหลัง

การโกหก หลอกลวงแต่ละครั้งคือการบิดเบือนความจริง ซึ่งก็มีผลสะท้อนให้ความจริงของเราบิดเบี้ยวไปด้วย อาจจะในรูปของการโดนใส่ไคล้ หรืออาจจะในรูปของการถูกเข้าใจผิด คิดให้ดีก็สมกันแล้ว ไม่มีทางที่เราจะบังคับใครต่อใครให้พูดถึงเราตรงตามความจริงไปทั้งหมด เท่า ๆ กับที่เราเองก็ไม่ได้พูดถึงตัวเองตรงตามจริงทุกครั้ง เช่นที่เป็นกันมากคือโกหกเพื่อรักษาหน้า ไม่ยอมรับผิด เป็นต้น

จิต ของคนลวงโลกย่อมมีความบิดเบี้ยว กลับกลอกไปมา แม้แต่เจ้าตัวเองก็ควบคุมไม่ได้ว่าจะให้ชอบอะไรหรือรักใคร คล้ายตกอยู่ในห้วงฝันหลอนที่โยกเยกไหวเอนอยู่เกือบตลอดเวลา

จิตที่ บิดเบี้ยวย่อมเหมาะกับภพใหม่ที่เบี้ยวบิด เต็มไปด้วยความหลอกหลอนให้ผิดหวัง วันนี้นึกว่าดี พรุ่งนี้กลายเป็นร้ายให้ช้ำใจ น่าอึดอัดระอา ถ้ายังมีวาสนาพอจะเกิดใหม่ในโลกมนุษย์ ก็ย่อมตกอยู่ในภาวะผันผวนไม่แน่นอนอย่างรุนแรง

หากตายเยี่ยงคนลวงโลก ผู้ยังไม่อิ่มไม่พอกับการปั้นน้ำเป็นตัว แต่ยังพอมีบุญพยุงไม่ให้ร่วงหล่นถึงนรก ก็อาจไปเสวยภพของพวกหาสัจจะได้ยากในระดับเดรัจฉานภูมิ เช่น อีกา หรือลิงป่าบางจำพวก เป็นต้น

แต่หากตายเยี่ยงคนลวงโลกที่ดีแต่เยาะ หยัน เห็นคนอื่นโง่กว่าตนเสมอ ก็จัดว่ามีความเหมาะกับสภาพความเป็นอยู่ที่ถูกกดขี่อย่างน่าสะพรึงกลัว ดังเช่นนรกภูมิสถานเดียว!
ส่วนผสม

มะระหั่นแว่น 2 ถ้วย
กรรเชียงปู 8 ขา
น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1 ช้อนชา
น้ำตาล 1 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 1 ช้อนชา
พริกไทยดำบุบ 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันสำหรับผัด
วิธีทำ

ตั้งน้ำให้เดือดใส่เกลือคนจนละลาย ใส่มะระต้มจนนิ่ม ตักขึ้นแช่ในน้ำเย็น กรองน้ำออกพักไว้
ตั้งกระทะไฟแรง ใส่น้ำมัน ใส่มะระ กรรเชียงปู น้ำมันหอย น้ำปลา น้ำตาล ซีอิ๊วขาว น้ำเปล่า และพริกไทย ผัดให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ



นิตยสาร Health & Cuisine

ส่วนผสม

วุ้นเส้นไม่ฟอก 200 กรัม
มะเขือเทศหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1 ถ้วย
แครอทหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า ลวกน้ำร้อน 1 ถ้วย
เห็ดหูหนูดำหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ลวกน้ำร้อน
กุ้งแห้งทอดกรอบ 1 ถ้วย
กุ้งสดลวกสุก 200 กรัม
หัวหอมซอย 1 ถ้วย
ต้นหอมผักชีซอย สำหรับโรยหน้า

น้ำยำ

ส่วนผสม

น้ำมะนาว 1/2 ถ้วย
น้ำปลา 1/2 ถ้วย
น้ำตาลทรายแดง 6 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูซอย 10 เม็ด
วิธีทำ

ผสมเครื่องปรุงน้ำยำทุกอย่างให้เข้ากัน พักไว้
นำวุ้นเส้นแช่น้ำเย็นพอนิ่ม แล้วลวกในน้ำเดือดสัก 2-3 นาที ตักขึ้นใส่ตะแกรงพักให้สะเด็ดน้ำ
มะเขือเทศ แครอท เห็ดหูหนูดำ วุ้นเส้น กุ้งแห้งทอดกรอบ กุ้งสดลวก หอมแดงซอย ใส่รวมกันในชามผสม ใส่วุ้นเส้นที่ลวกไว้ ค่อยๆ เทน้ำยำที่ผสมแล้วลงไปคลุกให้เข้ากัน ชิมรสตามต้องการ โรยต้นหอม ผักชีแล้วคลุกให้ทั่ว




นิตยสาร Health & Cuisine
ส่วนผสม

กระเพาะปลา 100 กรัม
น้ำซุปผัก 8 ถ้วย (หัวไชเท้า 1 หัว แครอท 1 หัว ซีอิ๊วขาว 6 ช้อนโต๊ะ น้ำสะอาด 9 ถ้วย ต้มและเคี่ยวสักพักจนผักสลด ตักหัวไชเท้ากับแครอทขึ้น)
น้ำมันสำหรับผัด 2 ช้อนโต๊ะ
เห็ดหอมแช่น้ำให้นิ่ม แล้วหั่นแฉลบ 10 ดอก
เนื้อปูนึ่ง 200 กรัม
ไข่นกกระทาต้มสุก 10 ฟอง
แป้งข้าวโพด 1/4 ถ้วย
ละลายน้ำเปล่า 1/4 ถ้วย
รากผักชี 3 ราก
กระเทียม 6 กลีบ
พริกไทย 1 ช้อนชา
พักชีซอยสำหรับโรยหน้า
วิธีทำ

โขลกรากผักชี กระเทียม พริกไทย รวมกันให้ละเอียด พักไว้
แช่กระเพาะปลาในน้ำร้อนประมาณ 15 นาที เทใส่กระชอน แล้วล้างในน้ำเย็นอีกครั้ง บีบให้แห้ง หั่นเป็นชิ้นพอคำพักไว้ (ถ้าเป็นกระเพาะชิ้นเล็กไม่ต้องหั่นก็ได้)
ตั้งกระทะใส่น้ำมันพอร้อน นำกระเทียมพริกไทยรากผักชีที่โขลกลงผัดพอหอม ใส่กระเพาะปลาและเห็ดหอมลงผัดพอเข้ากัน แล้วตักลงในหม้อน้ำซุปที่ต้มเดือด
ต้มหม้อกระเพาะปลานานประมาณ 10-15 นาที จนเดือด ค่อยๆ เทแป้งข้าวโพดที่ละลายน้ำไว้ใส่ลงไป คนให้เข้ากัน น้ำจะข้นขึ้น ชิมรส ถ้าไม่เค็มจะเติมซีอิ้วขาวอีกเล็กน้อยได้
ตักกระเพาะปลาใส่ชาม โรยเนื้อปูนึ่ง ผักชีและพริกไทย ถ้าเป็นเด็กใส่ไข่นกกระทา 2 ฟองก็ได้
Tips

เนื้อปูอาจจะใส่รวมไปกับกระเพาะปลาและคนรวมกันตามชอบก็ได้



นิตยสาร Health & Cuisine
มีส่วนผสมที่ต้องเตรียมดังนี้

เห็ดเออรินจิญี่ปุ่น 1 1/2 ขีด
กุ้งแชบ๊วย 4 ตัว
หมูบด 1 ขีด
หอมแดงซอย 2 หัว
ต้นหอมซอย 1 ต้น
พริกขี้หนูซอย 5 เม็ด
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
พริกชี้ฟ้าและผักชี (สำหรับตกแต่งโรยหน้า)

เมื่อเตรียมส่วนผสมกันพร้อมสรรพ ก็เดินหน้าเข้าครัวปรุงเมนูเด็ดกันได้เลย เริ่มจากนำเห็ดเออรินจิญี่ปุ่นมาหั่นเป็นชิ้นพอประมาณ แล้วนำไปลวกในน้ำเดือด จากนั้นตักออกแล้วล้างด้วยน้ำอุ่นอีกที และตั้งพักทิ้งไว้ก่อน

หันมานำหมูบดและกุ้งแชบ๊วยมาลวกให้สุกพอประมาณ และพักไว้ จากนั้นนำหอมแดงซอย ต้นหอมซอย พริกขี้หนูซอย น้ำมะนาว น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ มาผสมรวมกัน จะได้น้ำยำที่ต้องการ แล้วก็นำเห็ดโคนญี่ปุ่น กุ้ง และ หมู ที่ทำพักไว้มาคลุกเคล้ากับน้ำยำให้เข้ากัน เพียงเท่านี้ก็เป็นอันว่าเสร็จได้ “ยำเห็ดเออรินจิญี่ปุ่น” พร้อมตักใส่จาน นำพริกชี้ฟ้าหั่นเป็นเส้นและผักชีมาโรยหน้า ตกแต่งให้สวยงาม พร้อมเสิร์ฟได้เลย




โดย ร้านอาหารอร่อย
เรื่องราวมานะ มานี ปิติ ชูใจ หลังจากเรียนจบ

แพทย์หญิงมานี รักเผ่าไทย

ออกจากห้องคนไข้คนสุดท้ายเมื่อเวลา 16.55 น. พยาบาลที่รออยู่หน้าห้องรายงานว่า มีสุภาพสตรีคนหนึ่งมาคอยพบอยู่ที่ห้องพักร่วมสองชั่วโมงแล้ว มานีรู้สึกตื่นแต้นจนแทบระงับไม่ไหว เธอขอบใจนางพยาบาลคนนั้นพลางถอดเสื้อคลุมและส่งเครื่องมือแพทย์ให้ แล้วรีบเข้าไปล้างมือในห้องน้ำที่อยู่ใกล้ที่สุด

มานีรู้ดีว่าสุภาพสตรีคนนั้นคือ ชูใจ ชูใจเพื่อนรักที่ไม่ได้พบกันเลยตลอดเวลา 17 ปี แม้จะได้ส่งข่าวคราวโทรศัพท์ถึงกันและได้เห็นภาพถ่ายอยู่เสมอ ก็ไม่ดีใจเท่าจะได้พบกันในวันนี้

เมื่อเรียนจบชั้นประถมปีที่ 6 แล้ว

พ่อของมานีก็ส่งเธอไปเรียนต่อระดับมัธยมศึกษาที่กรุงเทพมหานครเช่นเดียวกับมานะ ส่วนชูใจเรียนต่อที่โรงเรียนประจำอำเภอ แล้วทั้งสองก็ไม่ได้พบกันอีกเลย เพราะย่าของชูใจเสียชีวิต แม่ของชูใจมารับเธอไปอยู่ด้วยที่เพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย พ่อเลี้ยงของชูใจเป็นประธานบริษัทเครื่องหนังที่ร่ำรวย เขาเป็นหมันจึงรักชูใจเหมือนลูกแท้ๆของเขา

ชูใจมีชีวิตที่สุขสมบูรณ์ เธอเรียนต่อด้านการออกแบบเครื่องหนัง และทำงานในบริษัทของพ่อเลี้ยงนั่นเอง และแต่งงานกับลูกชายรองประธานบริษัทซึ่งทำงานอยู่ด้วยกัน

วันนี้ชูใจมีโอกาสได้กลับมาประเทศไทย

เพื่อไปร่วมฉลองพิธีการแต่งงานของปิติที่จังหวัดลำปางในอีกสองวันที่จะถึงนี้ ปิติเรียนสำเร็จจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้พบกับเจ้าสาวของเขาระหว่างเรียนด้วยกัน เจ้าสาวของปิติเป็นลูกสาวชาวสวนผู้มั่งคั่งของจังหวัดลำปาง

เมื่อมานีผลักบังตาเข้าไป

สุภาพสตรีที่นั่งกระวนกระวายอยู่โผเข้ามากอด ทั้งสองกอดกันแน่นหัวเราะพลางร้องไห้พลางด้วยความดีใจสุดขีด

" มานีจ๋า ฉันคิดถึงเธอเหลือเกิน "

" ฉันก็เหมือนกันจ้ะ ชูใจ เธอน่าจะชวนปีเตอร์มาด้วย "







มานีพูดถึงสามีของชูใจ ชูใจคลายวงแขนออก
จ้องมองเพื่อนรักทั้งๆที่น้ำตายังนองหน้า

" ปีเตอร์เหรอจ๊ะ เขาอยากมาจะแย่ แต่ตอนนี้ไม่ว่าง
คราวหน้ามานีแต่งงาน ฉันพาเขามาด้วยแน่ ๆ "
มานีหัวเราะ ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาให้ชูใจและตนเอง
จูงเพื่อนไปนั่งที่เก้าอี้ " ฉันคงไม่มีวันนั้นหรอกจ๊ะ "

" อะไรกัน ? เธอน่ะทั้งสวย ทั้งดี จันทรเขาเล่าให้ฟังหมดแล้วล่ะ "

" อ้าว ไปพบจันทรกับเพชรมาแล้วเหรอ นี่เธอมานานแล้วซี
ไหนว่าจะนอนพักซักงีบ เครื่องลงเมื่อตีสี่ไม่ใช่เหรอ "

" ใครจะไปงีบลงล่ะจ๊ะ หัวใจมันร่ำร้องอยากพบเพื่อนๆ
อากับอาสะใภ้ไปหาฉันที่โรงแรมเมื่อแปดโมง
ฉันก็เลยมากับอา ไปบ้านอา ไปกรอบคุณแม่ของเธอ
คุณพ่อยังไม่กลับจากทำงาน ไปบ้านปิติเจอแต่แม่ของปิติเหมือนกัน
แล้วก็ไปบ้านจันทรกับเพชร ร้านของเขาใหญ่โตดีนะ
น้าของเขาก็มอบให้จันทรกับเพชรดูแลร้าน
ลูกคนเล็กของเขาน่ารักนะ อีกสองคนไปโรงเรียนเลยยังไม่ได้พบ
ถ้าฉันไม่มีทางจะมีลูกได้ ฉันจะขอลูกของจันทรไปเลี้ยง
ไม่รู้เขาจะให้หรือเปล่า " ชูใจคุยจ้ออย่างมีความสุข

" คงให้นะ เพราะจันทรกับเพชรก็รักและไว้ใจชูใจมาก
เออ ... เสียดายครูไพลินกับคุณอาทวีปย้ายไปอยู่ที่อื่นเสียแล้ว
เธอเลยไม่ได้พบ "

" นึกถึงความหลังแล้วมีความสุขจัง ถ้าย่ายังอยู่ก็ดีนะ
ยายของปิติก็เสียแล้ว พี่มานะอกหักแล้วยังหาใหม่ไม่ได้เหรอจ๊ะ
ติดยศพันตรีแล้วไม่ใช่หรือ กลับมาเยี่ยมบ้านบ่อยไหม
แล้วพี่เขาจะกลับลำปางกับเราไหมจ๊ะ"
มานีหัวเราะเบา ๆ

" พี่มานะเขามีคนรักใหม่แล้ว แต่ไม่รู้จะแต่งงานกันเมื่อไหร่
อาจจะได้พาปีเตอร์มาเร็วๆนี้ก็ได้นะ
วันนี้วันศุกร์พี่มานะมาไม่ได้ พรุ่งนี้เขาจะมาแต่เช้า
ไปกับเราด้วย"

"พี่วีระซินะ น่าสงสาร คนดีๆไม่น่าจะเป็นอย่างนี้เลย"

ชูใจรำพึงอย่างสลดใจ

"เขามีภรรยาไม่ดีจ๊ะ เลยกลายเป็นคนขี้เมาหยำเป เสียสติ
เลอะเลือน เพชรต้องดูแลลุงกับป้าแทน เพชรเป็นคนดีมาก
ฐานะของเขาดีทีเดียว น้องๆได้เรียนสูงๆทุกคน"
"ตอนเขากับจันทรแต่งงานกัน ไม่มีใครบอกฉันเลย"
ชูใจตัดพ้อ

"เขาไม่ยอมให้บอกจ๊ะ
มีสตังค์แล้วจะพาลูกๆไปเยี่ยมเธอเอง"
"ขอให้จริงเถอะ เธอก็เหมือนกัน บอกว่าจะไป จะไป
ไม่เห็นไปสักที" ชูใจควักค้อน

"เพิร์ธน่ะน่าอยู่น่าเที่ยวนะ ฉันไปเที่ยวมาหลายแห่งแล้ว
ไม่ชอบใจเท่าเพิร์ธเลยฉันชอบไปที่บุญที่วัดโพธิญาณกับแม่บ่อยๆ
บางทีพ่อก็ไปด้วยพ่อเลี้ยงของฉันเป็นพุทธศาสนิกชนไปแล้วรู้ไหม"
มานีหัวเราะชอบใจ









"ชูใจยังใช้ภาษาไทยได้ดีอยู่นะ
จากไปตั้งสิบกว่าปีแล้ว"
"ฉันพูดภาษาไทยกับแม่เสมอ แต่เรื่องเขียนนี่สิ
ต้องขอบใจมานีที่เขียนจดหมายถึงฉันอยู่เรื่อยๆ
ทำให้ฉันได้อ่านและเขียนภาษาไทย ไม่ลืมภาษาไทย
พจนานุกรมที่เธอส่งไปให้น่ะ
ฉันใช้อยู่เสมอเวลาเขียนจดหมายถึงเธอ
ม่ายงั้นคงเหมือนกับโคลงโลกนิติที่ว่า อักขระห้าวันหนี
เลยจ๊ะ"

"ชูใจหิวไหมจ๊ะ" มานีถามด้วยความเป็นห่วง

"ไม่หรอกจ๊ะ ก่อนมาหาเธอ
จันทรเขาทำก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ให้ทาน อร่อยจังเลย
ไม่ได้ทานนานแล้ว"

"เย็นนี้เราก็จะไปทานข้าวที่บ้านจันทร
เธอจะกลับไปค้างที่โรงแรมหรือเปล่าจ๊ะ"

"เรื่องอะไร? " ชูใจค้อน "ฉันเตรียมกระเป๋ามาแล้ว
นอนกับเธอ พรุ่งนี้เราก็ไปลำปางกันเลย
เพชรเขาจะขับรถพาไป แต่ทางโรงแรมเขาบริการเอง"

"ปิติคงตื่นเต้นดีใจมากนะ นี่คงจะอยากมาหาพวกเราเต็มแก่
ถ้าไม่ติดว่าจะต้องเป็นเจ้าบ่าว"

"ฉันโทรไปหาเขาแล้ว" ชูใจพูดยิ้มๆ "ดีใจมากเลย
เสียงเอะอะโล้งเล้งตามเคย นี่เดี๋ยวคงโทรมาหาพวกเรา"

"ถ้าเช่นนั้น เราไปบ้านจันทรกันดีกว่านะ"
มานีพูดพลางลุกขึ้นหยิบกระเป๋าถือ

"เดี๋ยวจะวานให้รถโรงพยาบาลไปส่ง ฉันไม่มีรถ
ใช้แต่จักรยาน"

"ไม่ต้องหรอกค่ะ ท่านรองผู้อำนวยการผู้แสนมัธยัสถ์
ฉันมีรถตู้ของโรงแรมมาส่งและคอยรับใช้อยู่ตลอดเวลา
ตามคำสั่งของแด๊ด..เอ๊ย...ของพ่อ
พ่อจองโรงแรมให้และสั่งให้โรงแรมบริการทุกอย่าง
ของฝากเธอก็อยู่ในรถ ฉันมีกระเป๋าถือเก๋ๆ
ที่ฉันออกแบบเองมาฝากเธอด้วยล่ะ"

"เฮ้อ...คนมีสตังค์ล่ะก็ เนรมิตอะไรได้ทุกอย่างนะ"
มานีพูดยิ้มๆ

"ชดเชยกับที่ฉันเคยลำบากเมื่อเล็กๆไงล่ะ แหม
คิดถึงย่าจังเลย"

ทั้งสองเดินเกี่ยวก้อยคุยกันไปยังที่จอดรถซึ่งมีรถคันหรูของโรงแรมมีชื่อจอดอยู่

"เธอสั่งงานไว้เรียบร้อยแล้วหรือ
จะพักร้อนตั้งอาทิตย์เชียวนะ
เห็นจันทรบอกว่าเธอเป็นหมอที่เอาใจใส่ห่วงงานมาก
แม้จะมีตำแหน่งเป็นถึงรองผู้อำนวยการแล้วก็ตาม
คนทั้งอำเภอรักเธอ ชอบเธอมากนี่ เมื่อตอนโรคฉี่หนูระบาด
เขาว่าเธอไม่ได้หลับได้นอนเลยนี่ใช่ไหมจ๊ะ"

"จ๊ะ ตอนนั้นแย่หน่อย หมอ พยาบาล เหน็ดเหนื่อยกันทุกคน
ตอนนี้ค่อยยังชั่ว ถ้าเธอมาตอนนั้น
หรือปิติแต่งงานตอนนั้น ฉันคงลำบากใจเหมือนกัน"







เมื่อทั้งสองขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว

รถคันงามก็ออกจากโรงพยาบาลมุ่งไปสู่ตัวเมือง
มานีกับชูใจนั่งคุยไปตลอดทาง
สมกับความรักความคิดถึงที่มีต่อกัน
มิตรภาพอันอบอุ่นเมื่อเยาว์วัยหวนกลับมาสู่หัวใจของคนทั้งสอง
ชูใจมองเพื่อนรัก แล้วพูดเบาๆว่า "แล้วเราก็ได้พบกันนะ
มานี แต่อีกไม่กี่วันเราก็ต้องจากกัน"

"แล้วเราก็จะได้พบกันอีกไม่ใช่หรือชูใจ
ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่ เราก็จะได้พบกันแน่นอน"

"แน่นอนจ๊ะ มานี เราจะได้พบกัน"
ชูใจตอบพร้อมยิ้มอย่างเป็นสุข
เมื่อนึกถึงเวลาแห่งความเบิกบานที่จะได้อยู่กับเพื่อนรักตลอดสัปดาห์นี้
แล้ว....เราก็ได้พบกัน
ได้เมลล์มาฉบับนึง อ่านแล้วชอบมาก อ่านแล้วอยากกลับไปหาหนังสือสมัยเด็กๆ กลับมาอ่านใหม่อีกที....


ยังจำกันได้หรือเปล่า จากบทเรียนสมัยประถมอ่ะ มานี...มานะ...และผองเพื่อน




จะมีใครสักกี่คนที่ทราบว่าตัวละครหลายๆตัว
แท้ที่จริงแล้วมีนามสกุลปรากฎในเรื่องด้วย

เช่น มานี มีนามสกุลว่า รักเผ่าไทย, ปิติ พิทักษ์ถิ่น, วีระ ประสงค์สุข, ดวงแก้ว
ใจหวัง และชูใจ เลิศล้ำ



ภาพประกอบในเรื่องมีคนวาดทั้งหมด 3 ท่าน หนึ่งในนั้น คือ คุณเตรียม ชาชุมพร
นักวาดการ์ตูนและนิยายภาพชื่อดังแห่งชัยพฤษ์การ์ตูน
ซึ่งได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว

ครูประจำชั้นที่ปรากฎในเรื่องมี 2 คน คือ คุณครูไพลิน
เป็นครูประจำชั้นตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึง ปีที่ 3 อีกคนคือ
คุณครูกมล เป็นครูประจำชั้นตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงปีที่ 6
แบบเรียนนี้ไม่ได้มีเฉพาะเรื่องราวของเด็กๆเท่านั้นแต่ยังมีพระเอกกับนางเอกด้วย
ซึ่งก็คือ เกษตรอำเภอที่ชื่อว่า "ทวีป" และคุณครู "ไพลิน"
สองหนุ่มสาวพบกันครั้งแรกเมื่อคราวไฟไหม้ตลาด
เด็กๆเป็นตัวเชื่อมให้ได้รู้จักและแต่งงาน ทั้งคู่มีลูกสาวด้วยกัน 1 คน

โดยปกติแล้วหมากับแมวมักจะเป็นคู่อริกันเสมอ แต่ในแบบเรียนเล่มนี้ "เจ้าโต" กับ
"สีเทา" หยอกเล่นกันด้วยความเป็นกันเองเหมือนไม่มีพรหมแดนแห่งความเป็นศัตรู


ครั้งหนึ่ง "ปิติ" เคยถูกสลากออมสินเป็นเงินจำนวน 1 หมื่นบาท
ซึ่งเงินส่วนนี้เขาได้นำไปซื้อลูกม้าตัวใหม่และตั้งชื่อให้ว่า "เจ้านิล"
ซึ่งทดแทนเจ้าแก่ที่ตายไป

นอกจากเนื้อเรื่องที่สนุกน่าติดตามแล้ว ในส่วนท้ายของแบบเรียนยังมีประมวลคำศัพท์ ที่อธิบายที่เข้าใจง่ายและเหมาะสมสำหรับเด็ก ยกตัวอย่างเช่น

ภรรยา (พัน-ระ-ยา) หมายถึง ผู้หญิงที่อยู่กินกับผู้ชาย
ผัว หมายถึง ชายที่มีผู้หญิงอยู่กินด้วย
"เจ้าจ๋อ" ลิงของวีระเป็นลิงแสม ชอบถอนขนลูกไก่ และยังเกลียดกลิ่นกะปิ
วีระจัดเป็นเด็กที่ค่อนข้างอาภัพ
พ่อของเขาเป็นทหารและตายในสนามรบตั้งแต่วีระยังอยู่ในท้อง
ส่วนแม่ของเขาก็ตรอมใจตายตามพ่อเขาไปหลังจากที่คลอดวีระได้ 15 วัน
ชีวิตทั้งหมดของวีระจึงอยู่กับลุงตั้งแต่เกิด
"เพชร" มีบ้านเกิดอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี ส่วนบ้านเกิดของ "ดวงแก้ว"
อยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรี


บทบาทของ "จันทร" ที่คนส่วนใหญ่จำได้คือ เด็กหญิงที่มีขาพิการ แต่มีใครทราบบ้างว่า ในตอนท้ายของเรื่อง เธอได้รับคัดเลือกให้ร้องเพลง "ความฝันอันสูงสุด" และยังอ่านทำนองเสนาะเฉพาะพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จนได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าให้แพทย์หลวง รับตัวไปรับการผ่าตัดขาที่กรุงเทพฯ จนหายเป็นปกติ
ในงานกาชาดของจังหวัด ห้องของครูกมลนำขนมออกขายเพื่อเอากำไร โดยตั้งชื่อขนมเสียใหม่ ซึ่งแสดงถึงความช่างคิดของผู้ประพันธ์ดังนี้

กล้วยฉาบ ตั้งชื่อว่า เหรียญทองชวนลิ้ม
ข้าวเม่าหมี่ ตั้งชื่อว่า สาวน้อยเลือกคู่
ทองม้วน ตั้งชื่อว่า ม้วนเสื่อนางพญา
ทองหยอด ตั้งชื่อว่า น้ำค้างทอง
ถั่วอบเนย ตั้งชื่อว่า ถั่วอบโอชา
ขนมกง ตั้งชื่อว่า ล้อรถพระอาทิตย์

"ชูใจ" อยู่กับย่าและอามาตั้งแต่เล็ก


โดยที่เธอไม่รู้ราบละเอียดใดๆเกี่ยวกับพ่อและแม่แท้ๆของเธอเลย ความจริงก็คือ
พ่อของเธอเสียชีวิตตั้งแต่ชูใจอายุ 1 ขวบ ส่วนแม่ก็อาศัยอยู่ต่างประเทศ
ในตอนท้ายของแบบเรียน แม่ของชูใจบินกลับมารับให้ชูใจไปอยู่ด้วยกัน
แต่ชูใจเลือกที่จะอยู่กับย่าซึ่งเลี้ยงตนมาตลอดตั้งเด็ก

นอกจากเรื่องที่ "เจ้าแก่" ตายจะเป็นตอนที่เรียกน้ำตาของเด็กๆแล้ว
ยังมีตอนหนึ่งซึ่งเศร้าไม่แพ้กัน นั่นคือ "แม่จ๋า" เป็นตอนที่แม่ของเพชร "เพชร"
ตายเพราะถูกงูกัด ขณะไปเก็บหน่อไม้

"มานะ" เป็นเด็กเรียนดี
และเป็นคนเดียวในเรื่องที่ได้ไปเรียนต่อระดับมัธยมศึกษาที่กรุงเทพฯ ส่วน "มานี" ตอนที่เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ได้รับคัดเลือกให้เป็นรองประธานนักเรียนของโรงเรียน

ในงานแต่งงานงานหนึ่ง ในขณะที่ดื่มกินกันไปได้สักพักใหญ่
พิธีกรในงานก็เชิญคู่บ่าวสาวขึ้นเวทีเพื่อกล่าวอะไรเล็กๆน้อยๆ
เป็นการขอบคุณแขกที่ให้เกียรติมาร่วมงานแต่ง
เจ้าบ่าวที่เริ่มจะได้ที่ก็ขึ้นกล่าวทันที ว่ากันเป็นกลอนเลย
" วันนี้ดีใจจะได้เมีย
หลังจากที่ได้เสียกันหลายหน
วันนี้จะมีเมียเป็นตัวเป็นตน
ขอบใจแขกทุกคนที่มางาน "

พอกล่าวจบเท่านั้น พวกเพื่อนๆเจ้าบ่าวปรบมือกันเกรียวกราว
ต่างก็พูดกันขรมว่า " มันแน่จริงๆว่ะ...เพื่อนกู "

ฝ่ายเจ้าสาวก็รู้สึกอับอายและเสียหน้าเป็นอย่างยิ่ง
จึงกล่าวขอบคุณบรรดาแขกที่มาร่วมงานด้วยเสียงหวานๆน่ารักว่า...
" เช่นกันค่ะ "

" วันนี้ดีใจที่ได้ผัว
เคยเสียเนื้อเสียตัวก็หลายหน
วันนี้ดีใจได้ผัวเป็นตัวตน
แต่เป็นคนที่เท่าไหร่...ไม่ได้จำ "

คุณครูคุยกับเด็กนักเรียนอนุบาล 1 ระหว่างคอยผู้ปกครองมารับกลับบ้าน

" ที่บ้านหนูเลี้ยงสัตว์อะไรบ้างคะ" คุณครูถาม

" มีหมาแค่ตัวเดียวค่ะแต่ข้างบ้านเขาเลี้ยงตั้งหลายอย่างค่ะ มีนก แมว ชะนีก็มีค่ะ" หนูน้อยเล่า

" แล้วหนูชอบอะไรมากที่สุดคะ"

" ชอบนกกับปลาสวยๆ คะ"

" เหรอคะ แล้วคุณพ่อคุณแม่ละคะชอบอะไร" ครูถามต่อ

" คุณพ่อชอบอ่านหนังสือไม่ชอบสัตว์อะไรซักอย่าง.." หนูน้อยส่ายหน้าเมื่อพูดถึงคุณพ่อ

" ส่วนคุณแม่.. เห็นคุณพ่อพูดอยู่เรื่อยเลยว่าคุณแม่ชอบแรดค่ะ.."
เรื่องนี้ เกิดขึ้นที่ชนบทแห่งหนึ่ง
คือมีพระกับเณรกำลังออกบิณฑบาตกัน 2 รูป
ขณะที่กำลังบิณฑบาตอยู่นั้น
พระเกิดปวดท้อง ก็เลยบอกกับเณรว่า

พระ : เณร..ช่วยดูต้นทางให้หลวงพี่ทีนะ
หลวงพี่ปวดท้องขี้ จะเข้าไปขี้ที่พุ่มไม้สักหน่อย
ถ้ามีโยมเดินผ่านมาให้บอกด้วย

เณร : ครับ (แล้วก็ยืนดูต้นทางให้) บังเอิญมีโยมคนหนึ่งเดินผ่านมา เณรก็เลยตะโกนอย่างดังว่า
"โยม! พระนั่งขี้"
ส่วนผสมสำหรับ 1–2 ที่

เนื้อกุ้งแกะ 200 กรัม
มันหมู 25 กรัม
เนื้อปลาขูด 150 กรัม
ไข่ไก่ 1 ฟอง
พริกไทย 1 ช้อนชา
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมสับ 20 กรัม
ตะไคร้ตำอย่างละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลไอซิ่ง 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1/2 ช้อนชา
ต้นตะไคร้ 5–8 ต้น
น้ำมันสำหรับทอด
วิธีทำ

ปั่นเนื้อปลากับมันหมู จนกระทั่งเนียนเข้ากัน ใส่เนื้อกุ้งลงตีผสม แล้วใส่เครื่องปรุงทั้งหมดตีต่อจนเข้ากันอีกเครั้ง
ปั้นเป็นก้อนกลมแบนตามชอบ นำแท่งตะไคร้เสียบตรงกลาง นำไปนึ่งนสุก จากนั้นนำไปทอดอีกครั้งจนสุกเหลืองตามชอบ เสิร์ฟพร้อมผักสด เส้นหมี่ และผักดอง



โดย ร้านอาหารอร่อย
ผู้ชายเปลี่ยนไปได้ยังไง ขึ้นอยู่กับเวลาครับท่าน ผู้ชายจะพูดอย่างนี้

เริ่มที่คำว่ารัก

หลังจากผ่านไป 6 สัปดาห์ “ผมรักคุณ ผมรักคุณ ผมรักคุณ”

หลังจากผ่านไป 6 เดือน “อ๋อ..แน่นอน ผมยังรักคุณอยู่เสมอ”

หลังจากผ่านไป 6 ปี “ถามได้ ถ้าผมไม่รักคุณ แล้วผมจะมาแต่งงานกันคุณหาพระแสงของ้าวทำไมฟะ”

กลับจากทำงาน

หลังจากผ่านไป 6 สัปดาห์ “ที่รัก ผมกลับมาบ้านแล้ว”

หลังจากผ่านไป 6 เดือน “กลับแล้ว”

หลังจากผ่านไป 6 ปี “นี่..ทำกับข้าวหรือยังเนี่ย”

รับโทรศัพท์ให้

หลังจากผ่านไป 6 สัปดาห์ “ที่รักจ๊ะ มีคนอยากคุยกับคุณนะ”

หลังจากผ่านไป 6 เดือน “นี่คุณ โทรศัพท์คุณนะ”

หลังจากผ่านไป 6 ปี “รับโทรศัพท์ซะทีซิฟะ”

ทำกับข้าว

หลังจากผ่านไป 6 สัปดาห์ “ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคุณทำกับข้าวได้อร่อยขนาดนี้”

หลังจากผ่านไป 6 เดือน “แล้วเย็นนี้เราจะกินอะไรกันเนี่ย”

หลังจากผ่านไป 6 ปี “กินของเก่าอีกแล้วหรือฟะ”

ชุดใหม่

หลังจากผ่านไป 6 สัปดาห์ “ว้าว..คุณดูสวยยังกะนางฟ้าตอนสวมชุดนี้เลยนะนี่”

หลังจากผ่านไป 6 เดือน “คุณซื้อชุดใหม่อีกแล้วหรือนี่”

หลังจากผ่านไป 6 ปี “ซื้อมาเท่าไหร่ละเนี่ย”

โทรทัศน์

หลังจากผ่านไป 6 สัปดาห์ “ที่รักจ๊ะ..คืนนี้เราจะดูรายการอะไรกันดี”

หลังจากผ่านไป 6 เดือน “ผมชอบหนังเรื่องนี้”

หลังจากผ่านไป 6 ปี “ผมจะดูแผ่นผี ถ้าคุณไม่ชอบก็ขึ้นไปนอนซะ ผมจัดการ เองได้”

การเมคเลิฟ

หลังจากผ่านไป 6 สัปดาห์ “ที่รักจ๊ะ..คืนนี้ผมอยากนอนกอดคุณจัง”

หลังจากผ่านไป 6 เดือน “ไว้วันหลังก็แล้วกันนะ ผมเหนื่อยมากแล้ว”

หลังจากผ่านไป 6 ปี “นี่ขยับไปฝั่งโน้นได้ไหม เหม็นเบื่อจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว”.
ตัวเลขบนบัตรประชาชนมีความหมายว่าอย่างไร

เลข 13 หลัก แบ่งออกเป็น 5 ส่วน คือ
ส่วนที่ 1 มี1 หลัก หมายถึง ประเภทของบุคคล ซึ่งมี 8 ประเภท ส่วนที่ 2 มี4 หลัก หมายถึง สำนักทะเบียนที่ออกเลขประจำตัวให้กับประชาชน ส่วนที่ 3 และส่วนที่4 รวมกันมี7 หลัก หมายถึง ลำดับที่ของบุคคลในแต่ละประเภทของแต่ละสำนักทะเบียน ส่วนที่ 5 มี1 หลัก หมายถึง เลขตรวจสอบความถูกต้องของเลขประจำตัวประชาชนทั้งหมด

เลขบัตรประชาชนแต่ละหลักหมายความว่าอย่างไร
ประเภทของบุคคลที่อยู่ในทะเบียนราษฎร แบ่งออกเป็น 8 ประเภท คือ

ประเภทที่ 1 ได้แก่ คนที่เกิดและมีสัญชาติไทย ได้แจ้งการเกิดภายในกำหนดเวลาที่กฎหมายกำหนด
ประเภทที่ 2 ได้แก่ คนที่เกิด และสัญชาติไทย ได้แจ้งการเกิด เกินกำหนดเวลาที่กฎหมายกำหนด
ประเภทที่ 3 ได้แก่ คนไทยและคนต่างด้าวที่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวซึ่งมีชื่อแต่ละรายการบุคคลในทะเบียนบ้านก่อนวันที่31 พ.ค. 2527
ประเภทที่ 4 ได้แก่ คนไทยและคนต่างด้าวที่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวและได้มีการย้ายเข้าในทะเบียนบ้านขณะยังไม่มีเลขประจำตัว(ระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 31 พฤษภาคม 2527)
ประเภทที่5 ได้แก่ คนไทยและคนต่างด้าวที่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวที่ได้อนุมัตให้เพิ่มชื่อและรายการบุคคลเข้าในทะเบียนบ้าน
ประเภทที่ 6 ได้แก่ คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายในลักษณะชั่วคราวและคนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ประเภทที่ 7 ได้แก่ บุตรของบุคคลประเภทที่ 6 ซึ่งเกิดในประเทศไทย
ประเภทที่ 8 ได้แก่ บุคคล ต่างด้าว ที่ได้รับอนุญาตให้มีถิ่น ที่อยู่ในประเทศไทยหรือบุคคลที่ได้รับสัญชาติ

รวมสาวสวยมากมาย

ข้อมูลนก

ปลาสวยงาม-ตู้ปลาสวยงาม-ข้อมูลปลาทะเล

อาหารสมอง-วาไรตี้

เรื่องขำขัน

สูตรอาหาร-อาหารน่ากิน-ขนมหวานน่าอร่อย

ภาพปริศนา