google search

Google

สามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่นี่เลย

clock

ปฏิทิน

Blog Archive

เทคโนโลยีทันสมัย

ภาพถ่ายนักเรียนน่ารักๆ-วัยรุ่น-นักศึกษา-นางแบบ-ดารา

สาวสวยเซ็กซี่-สาวน่ารัก

วิทยาศาสตร์

รูปแปลก-ภาพแปลก-ภาพขำขำ

เรื่องน่ารู้ทั่วไป

สัตว์บก-สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ -สัตว์น้ำ -สัตว์ปีก -สัตว์เลื้อยคลาน -สัตว์ในวรรณคดี

BlogRoll

7 สิ่งมหัศจรรย์ยุคกลาง

7 สิ่งมหัศจรรย์ยุคปัจจุบัน

จระเข้ประหลาดในยุคครีเตรเซียส

Miami : สวรรค์...หรือดินแดนอาชญากรรม

ไขปริศนาปลาพญานาค

7 สิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ

การกลับมาของ "อเล็กเซย์" เมื่อราชวงศ์โรมานอฟได้คืนชีพ ?!

ปลาหมึกยักษ์ อสูรร้ายใต้สมุทร

แกะปมปริศนาลำแสงมรณะของอาร์คิมิดีส

ความเชื่อในสิ่งลึกลับ : หมอผีวูดู

นอสตราดามุส ผู้หยั่งรู้ฟ้าดิน

The Witch Hunts : การล่าแม่มด

ตำนานแม่มดแห่งเมือง Blair

flag

free counters

เรียวมะ ซาคาโมโต : บุรุษทรนง

ยอดชู้รักแห่งประวัติศาสตร์

ตำนานมนุษย์หมาป่า

สยามประเทศ ก่อนปรากฏบนแผนที่โลก

การกลับมาของโรคระบาด

ตามหา"ไอ้ตีนโต" มนุษย์วานรดึกดำบรรพ์

มหันตภัยธรรมชาติในอนาคต

มังกรมีจริงหรือเพียงแค่ตำนาน ?

สูตรลึกลับของเครื่องดื่ม โคคา-โคล่า

ปริศนารูปถ่ายของยูนิคอร์น

ภาพถ่ายวิญญาณจากต่างแดน

ภาพถ่ายวิญญาณ (ภาค2)

ภาพถ่ายศพนางเงือก

ปริศนาสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า

ภาพถ่ายวิญญาณ

เรื่องสยองที่ abac

ภาพถ่ายวิญญาณของไทย

ผีในการท่องเที่ยว

ซุปเด็กสุดสยอง

สิ่งก่อสร้างที่น่ามหัศจรรย์ของโลก

ตัวอะไรเนี่ย

photo หน้า...น่าเกลียด

15 โรงแรมแปลก แหวกแนวสุดยอด

''โคลอสเซียม'' : สังเวียนแห่งความตาย

1 วัน ไม่ได้มี 24 ชั่วโมง ( A day is 23 hours 56 minutes 4 seconds )

"นาซ่า"มั่นใจดาวอังคาร เคยมีน้ำ-เดินหน้าหาสิ่งมีชีวิต

ว่าด้วยเรื่องแปลกๆ ของไก่

เปิดตำนานกรุสมบัติวัดราชบูรณะ

อาถรรพณ์ปูโสม : วิญญาณเฝ้าทรัพย์

นักเล่านิทานบันลือโลก

มัมมี่แห่งศตวรรษที่ 21

ไดโนเสาร์สูญพันธุ์เพราะเหตุใด ?

ผู้ติดตาม

friend

วันพุธที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2553

มีชายอยู่ 2 คน นั่งคุยกันที่สวนสาธารณะ
นายดำ:ข้ามีเรื่องจะเล่าให้ฟังว่ะ มึงอยากฟังมั๊ย

นายแดง:ฟังก็ฟังวะ

นายดำ:มีสามภรรยาคู่หนึ่ง ชอบทะเลาะกัน

วันหนึ่งภรรยาให้สามีไปซื้อผงซักฟอกให้ แต่สามี ซื้อน้ำยาล้างจานมา
ภรรยาเลยถามว่า ทำไมเอ็งซื้อน้ำยาล้างจานมาวะ
สามีตอบว่า มีหน้าที่ซัก ซักไป
ต่อมา ภรรยาคิดแก้แค้น ในคืนวันที่สองเลยให้กินข้าวเปล่า ไม่มีกับ
สามีถามว่า กับข้าวล่ะ ภรรยาตอบ อย่าเรื่องมาก มีหน้าที่กิน กินไป
พอต่อมาวันที่สี่......

นายแดง:เฮ้ยวันที่ 3 ล่ะวะ ไปไหน

นายดำ:มีหน้าที่ฟังๆไป
พ่อค้าอินเดีย เห็นพ่อค้าไทยกินกุ้งแล้วเอาเปลือกทิ้ง

พ่อค้าอินเดีย ..".โอ้อีนี้อินเดียไม่ทิ้งหนา เอาเปลือกกุ้งไปบดๆๆ ทำข้าวเกรียบกุ้งใส่ถุง ส่งมาขายไทย "

พ่อค้าไทย " อ้อเหรอ (แล้วขณะที่กินส้มโอ พ่อค้าไทยก็เอาเปลือกทิ้ง) "

พ่อค้าอินเดีย .." โอ้อีนี้ที่อินเดียไม่ทิ้งหนา เอาเปลือกส้มโอ เข้าโรงงานแพ็คใส่ถุง ส่งมาขายไทย "

พ่อค้าไทย..อ๋อเหรอแล้วหยิบหมากฝรั่งมาเคี้ยวเสร็จแล้วคายทิ้ง "

พ่อค้าอินเดีย ..". อ้ออีนี้ที่อินเดียไม่ทิ้งหนา เก็บส่งโรงงาน ทำถุงยางอนามัย อีนี่ใช้ดีมากๆ หนา "

พ่อค้าไทย ..." ถุงยางใช้แล้วเอาไปทำอะไร "

พ่อค้าอินเดีย ..." โอ้อีนี่สกปรก เหม็น ใช้แล้วทิ้งไปเลย "

พ่อค้าไทย ...". แต่ที่เมืองไทยไม่ทิ้งน่ะ "

พ่อค้าอินเดีย..." ไม่ทิ้ง อีนี่จะเอาไปทำอาราย "

พ่อค้าไทย ..." อีนี่จะเอาไปทำหมากฝรั่ง แพ็คใส่ถุง ส่งไปขายอินเดีย"
นักบวช 2 คนซ้อนมอเตอร์ไซต์เข้าเมือง
ตำรวจทางหลวงเรียกให้จอดเพื่อตักเตือนที่ขับรถเร็ว



"หลวงพ่อขับช้าๆ หน่อยนะครับ มันอันตราย"



"ไม่เป็นไรหรอก พระเจ้ามากับเราด้วย"



"อ้าว! ถ้างั้นผมต้องออกใบสั่งให้หลวงพ่อ
ข้อหาซ้อนสามแล้วล่ะครับ"
ลูกสาวกลับมาบอกผลการสอบให้พ่อฟัง
"หนูสอบได้ 100 คะแนนค่ะ"


"เหรอ เก่งจริงๆ วิชาอะไรล่ะ"


"คณิตศาสตร์ 20
วิทยาศาสตร์ 30
แล้วก็ภาษาไทย 50 ค่ะ"
นักโทษสามคนกำลังจะถูกนำตัวไปประหารชีวิต
เจ้าหน้าที่ก็มาถามว่าก่อนตายทั้งสามต้องการกิน
อะไรเป็นมื้อสุดท้าย

"ผมอยากกินพิซซ่า"
คนแรกตอบ เขาได้กินพิซซ่าจานโตและถูกนำตัวไปประหาร

"ผมอยากกินไก่ทอดเคเอฟซี"
คนที่สองบอก เขาได้กินไก่ทอดเคเอฟซีรสเข้มข้นแล้วก็ถูกนำตัวไปประหาร



"ผมอยากกินบัวหิมะพันปี" คนที่สามบอก



"แต่นี่ยังไม่ถึงเวลาบัวหิมะพันปีออกนะ"
เจ้าหน้าที่บอก



"ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้........
สาวสวยไปนั่งชมกีฬา หนุ่มที่นั่งใกล้ๆ
เธอสังเกตเห็นว่าข้างสาวสวยมีที่นั่งว่างอยู่

"เพื่อนไม่มาหรือครับ" เขาถาม


"ที่นั่งสามีฉันค่ะ เรามาดูกีฬาด้วยกันเป็นประจำ
แต่ตอนนี้เขาเสียชีวิตไปแล้ว" เธอตอบ

"เสียใจด้วยครับที่เสียสามีไป" ชายหนุ่มเห็นใจ
"แล้วไม่มีใครมาเป็นเพื่อนคุณเลยหรือครับ"


"ไม่มีค่ะ พวกเขาติดงานฝังศพสามีฉันกันอยู่"
หญิงสาวอายุ 16 เข้าไปสารภาพผิดกับบาทหลวง

หญิงสาว : " หลวงพ่อขา เมื่อวานหนูพูดคำไม่สุภาพกับผู้ชายคนหนึ่งคะ
หนูด่าเขาว่า ไอ้สารเลว ค่ะ"

บาทหลวง : " ทำไมหนูถึงไปว่าเขาแบบนั้นล่ะ"

หญิงสาว : " เขาจับมือหนูโดยไม่ได้รับอนุญาติค่ะ"

บาทหลวง : " อย่างนี้เหรอ " (พูดแล้วก็จับมือหญิงสาว)

หญิงสาว : " ใช่ค่ะ หลวงพ่อ"

บาทหลวง : " เรื่องแค่นี้ไม่น่าถึงกับต้องด่าเขานี่"

หญิงสาว : " แต่เขาจับหน้าอกหนูด้วยนะคะ หลวงพ่อ"

บาทหลวง : " อย่างนี้เหรอ " (พูดแล้วก็จับหน้าอกหญิงสาวด้วย)

หญิงสาว : " ใช่ค่ะหลวงพ่อ แบบนี้เลยค่ะ"

บาทหลวง : " ก็ยังไม่มีเหตุผลพอที่จะด่าเขาอยู่ดีนั่นแหละ"

หญิงสาว : "นอกจากนั้นแล้ว เขายังถอดเสื้อผ้าหนูด้วยนะคะ"

บาทหลวง : (น้ำลายหก) "อย่างนี้เหรอ" (ว่าแล้วก็จัดแจงถอดเสื้อผ้าเธอ)

หญิงสาว : "ใช่ค่ะหลวงพ่อ"

บาทหลวง : (แสร้งทำหน้าเครียด) " มันชักจะมากไปหน่อยแล้วนะ แต่หนูก็ยังไม่ควรว่าเขาอยู่ดี"

หญิงสาว : "แต่เขาก็เอาใส่เข้าไปในของหนูด้วยนะคะหลวงพ่อ"

บาทหลวง : (ได้โอกาส รีบเอาของตัวเองใส่เข้าไปบ้าง) "อย่างนี้เหรอออออออออ"

หญิงสาว : "ใช่ค่ะหลวงพ่อ" (หญิงสาวตอบเสียงสั่น)

บาทหลวง : (ทำตาลอย เคลิบเคลิ้ม) "เธอก็ยังไม่ควรด่าเขาว่าไอ้สารเลวอยู่ดี นั้นแหละ"

หญิงสาว : "แต่เขาเป็น เอดส์นะคะ"

บาทหลวง: ไอ้สารเลว !!!!
ส่วนผสม
หมูแฮม (หั่นแผ่นบาง) 250 กรัม
เห็ดเข็มทอง 150 กรัม
หน่อไม้ฝรั่ง 100 กรัม
ซอสมะเขือเทศ 50 กรัม
น้ำซุปไก่ 100 กรัม
ซีอิ๋วขาว 10 กรัม
เนย 50 กรัม
แป้งผสมเนย 5 กรัม
เกลือ 5 กรัม
พริกไทยดำ 3 กรัม
ผงปรุงรส 5 กรัม
หอมแดง
ไม้เสียบลูกชิ้น

วิธีทำ
1. ห่อเห็ดเข็มทองและหน่อไม้ฝรั่งด้วยหมูแฮม และเสียบไม้ลูกชิ้น แล้วนำไปทอดให้สุก
2. ทำน้ำซอส โดยนำกระทะตั้งไฟร้อนพอประมาณ ใส่เนย หอมแดง ผัดให้หอม ใส่ซอสมะเขือเทศ
3. น้ำซุปไก่ ซีอิ๋วขาว เคี่ยวให้ซอสลดลงครึ่งหนึ่ง
4. ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย และผงปรุงรส ใส่เนยแล้วคนให้ทั่วจนซอสเนียน
5. เทราดบนหมูแฮม พร้อมเสิร์ฟ
เครื่องปรุง
เนื้ออกไก่หรือสันในไก่ 500 กรัม
ลูกกระวานเทศ 2 เม็ด
โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วย
ขิงขูดละเอียด 1 ช้อนชา
น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ
หอมใหญ่สับ 1 หัว
เกลือสมุทร 1/4 ช้อนชา
พริกไทยดำป่น 1/4 ช้อนชา
เมล็ดอัลมอนด์ หั่นแท่งยาวอบ 1/4 ถ้วย

วิธีทำ
1. ล้างเนื้อไก่ หั่นเป็นชิ้นพอคำ ใส่ลงในอ่างผสม พักไว้

2.ทุบลูกกระวานให้แตกเอาเมล็ดด้านในคั่วกระทะด้วยไฟอ่อนพอหอม ปิดไฟ นำไปโขลกพอแตกและมีกลิ่นหอม ใส่ถ้วยเตรียมไว้

3. ผสมโยเกิร์ต เมล็ดลูกกระวานเทศที่คั่ว และขิง เข้าด้วยกันในอ่างผสม พักไว้

4. ผัดหอมใหญ่ในกระทะน้ำมันด้วยไฟอ่อนจนสุกนุ่ม ใส่เนื้อไก่ลงผัดจนเหลืองและมีสีน้ำตาลเล็กน้อย ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย ผัดพอทั่ว เติมน้ำ เคี่ยวนานประมาณ 20-25 นาที หรือเนื้อไก่สุกนุ่มและน้ำงวดลง ปิดไฟ
5. ใส่โยเกิร์ตที่ทำลงในหม้อไก่ คนให้เข้ากัน ตักใส่จาน ตกแต่งด้วยพาร์เลย์หรือผักกาดคอส โรยอัลมอนด์ เสิร์ฟ
นำหอยเชลล์มาเพิ่มรสชาติให้เปรี้ยว หวาน กลมกล่อม ด้วยนำสลัดผลไม้รสเปรี้ยวสูตรสุขภาพ



ส่วนผสม

หอยเชลล์ ประมาณ 10-12 ตัว
หอมหัวใหญ่หั่นสี่เหลี่ยมเล็ก 2 ช้อนโต๊ะ
มะเขือเทศหั่นสี่เหลี่ยมเล็ก 2 ช้อนโต๊ะ
ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ส้มโอ สับปะรด ชมพู่ มะเฟือง หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กให้เท่ากัน จำนวนพอเหมาะ
ใบสะระหน่หั่นฝอย
น้ำมันมะกอก 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำส้มคั้น 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำส้มสายชูแอ็ปเปิ้ลไซเดอร์ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
นำตาล 1/4 ช้อนชา
เกลือเล็กน้อย
วิธีทำ

จี่หอยเชลล์ในกระทะทอด (ใช้น้ำมันน้อยและต้องรอให้กระทะร้อนก่อน) จนสุก ตักขึ้นพักไว้
ผสมส่วนผสมน้ำสลัดและตีให้เข้ากัน ชิมรส และค่อยๆใส่ผลไม้ลงไปคลุกอย่างเบามือ ใส่ใบสะระแหน่หั่นฝอย
เรียงหอยเชลล์ลงบนจาน ตักน้ำสลัดราดให้สวยงาม
Tips


ถ้าหอยเชลล์ไม่สด แช่นมสดไว้สักครู่หนึ่ง




นิตยสาร Health & Cuisine
ส่วนผสม

หน่อไม้ฝรั่งหั่นเป็นชิ้นเล็ก 1 1/2 ถ้วย
หอมหัวใหญ่สับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
เนย 1 ช้อนโต๊ะพูน
เนื้อกุ้งหั่นเป็นชิ้นเล็ก 1/2 ถ้วย
น้ำเปล่าประมาณ 1 1/2 ถ้วย
เนื้อปูนึ่งสุก 1/4 ถ้วย
วิปปิ้งครีม 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือ พริกไทยอย่างละเล็กน้อย
วิธีทำ

ลวกกุ้งใช้น้ำเดือดจนสุก ตักเนื้อกุ้งขึ้นและเก็บน้ำนี้ไว้
ผัดหอมหัวใหญ่กับเนยจนสุกใส (ใช้ไฟอ่อน) ใส่หน่อไม้ฝรั่งที่หั่นไว้ ผัดสักครู่แล้วเติมน้ำที่ต้มกุ้ง ต้มจนเดือดและหน่อไม้ฝรั่งสุก นำไปปั่นจนละเอียดปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย ใส่เนื้อกุ้งและปู ก่อนยกขึ้นใส่วิปปิ้งครีม รับประทานร้อนๆ



นิตยสาร Health & Cuisine
ส่วนผสม

sparking wine 1 ขวดเล็ก
ทับทิม กีวี หรือผลไม้อื่นๆตามชอบ
วิธีทำ

แช่ไวน์ในช่องแช่แข็งจนแข็ง นำมาปั่นในเครื่องปั่นให้ละเอียด ตักใส่ถ้วยให้สวยงาม โรยเม็ดทับทิม กีวี ตกแต่งให้สวยงามหรือผลไม้อื่นตามชอบ



Tips

Sparkling Wine สปาร์กลิ้งไวน์ เป็นไวน์ประเภทมีฟองมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซน์เจือผสม ไวน์ประเภทนี้ที่รู้จักกันดี คือ แชมเปญ ไวน์เป็นสุราชนิดหนึ่งที่หมักจากองุ่น ถ้าจะใช้ผลไม้อื่น ๆ ก็ได้ เช่น แอปเปิ้ล ส้ม เวลาเรียกจะต้องเรียกชื่อผลไม้ด้วย เช่น ไวน์แอปเปิ้ล ไวน์ส้ม ไวน์กระเจี๊ยบ ไวน์ลิ้นจี่ เป็นต้น




คติธรรมของหลวงปู่เสาร์ กันตสีโลวัดบูรพาราม จ.อุบลราชธานี ...วิปัสสนานี้มีอานิสงส์ใหญ่ยิ่งกว่าทาน ศีล พรหมวิหาร......ภาวนาย่อมทำให้ผู้เจริญนั้นมีสติ...ไม่หลงเมื่อทำการกิริยา......มีสุคติภพคือมนุษย์และโลกสวรรค์เป็นไปในเบื้องหน้า......หากยังไม่บรรลุผลทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน......ถ้าอุปนิสัยมรรคผลมีก็ย่อมทำให้ผู้นั้นบรรลุมรรคผล......ทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพานได้ในชาตินี้นั่นเทียว... ...อนึ่งยากนักที่ที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์คือต้องตั้งอยู่ในธรรมของมนุษย์คือ......ศีล5 และกุศลกรรม10...จึงจะได้เกิดเป็นมนุษย์...ชีวิตที่เป็นมานี้......ก็ได้ด้วยยากยิ่งนักเพราะอันตรายชีวิตทั้งภายในและภายนอกมีต่างๆ......การได้ฟังธรรมของสัตตบุรุษคือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้ก็ได้ด้วยยากยิ่งนัก......เพราะการลที่ว่างเปล่าอยู่ ไม่มีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในโลกสักครั้งสักคราวหนึ่ง......เหตุนั้นเราทั้งหลายพึงอยู่ด้วยความไม่ประมาทเถิด......อย่าให้เสียที...ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนานี้เลย...
ขอบคุณลานธรรมจักร
ประโยชน์ของสมาธิ
----------------------------

1. ถ้าท่านเป็นคนที่มีธุรกิจท่วมหัว สมาธิจะช่วยให้ท่านกำจัดความเครียด และสามารถผ่อนคลายได้มาก

2. ถ้าท่านเป็นคนวิตกจริต สมาธิสามารถช่วยท่านระงับความวิตกกังวล และสามารถทำให้ท่านพบกับความสงบสุขอย่างถาวร หรือไม่อย่างน้อยก็เป็นคราวๆ ไป

3. ถ้าท่านเป็นคนที่มีปัญหาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด สมาธิจะช่วยให้ท่านเกิดกำลังใจ และความเข้มแข็งที่จะเผชิญ หรือเอาชนะปัญหาต่างๆ ได้

4. ถ้าท่านขาดความมั่นใจในตัวเอง สมาธิสามารถช่วยท่านให้เกิดความมั่นใจในตัวเองขึ้นมาได้อย่างมหัศจรรย์ และความเชื่อมั่นในตัวเองนี้เป็นความลับนำไปสู่ความสำเร็จ

5. ถ้าท่านรู้สึกไม่พอใจในทุกๆ สิ่ง บรรดามี และรู้สึกว่าไม่มีอะไรเลยในชีวิตที่ดูเหมือนว่าท่านจะพอใจ สมาธิจะให้โอกาสแก่ท่านในการที่จะพัฒนา และรักษาความพอใจไว้ภายในใจได้

6. ถ้าท่านเป็นคนขี้สงสัย และไม่สนใจในศาสนา สมาธิสามารถช่วยท่านให้ข้ามพ้นจากความเป็นคนขี้สงสัย และมองเห็นคุณค่าแห่งการปฏิบัติตามคำแนะนำของศาสนาได้อย่างดี

7. ถ้าท่านเกิดความรู้สึกคับข้องใจ และผิดหวังอันเนื่องมาจากขาดความเข้าใจในธรรมชาติของชีวิต สมาธิจะนำท่านและช่วยท่านให้เข้าใจว่าท่านได้ถูกสิ่งที่ไม่จำเป็นต่อชีวิต คือ ความคับข้องในนั้น รบกวนและทำลายเวลาอันมีค่าในชีวิตของท่าน

8. ถ้าท่านเป็นคนรวย สมาธิจะช่วยให้ท่านตระหนักถึงธรรมชาติของทรัพย์สมบัติ และวิธีที่ใช้ทรัพย์ให้เกิดประโยชน์สำหรับความสุขของท่าน ของบุคคลรอบข้างรวมถึงเพื่อนมนุษย์บุคคลร่วมโลก

9. ถ้าท่านเป็นคนยากจน สมาธิจะช่วยให้ท่านมีความพอใจในระดับหนึ่ง และไม่ก่อให้เกิดความอิจฉาบุคคลที่มั่งมีมากกว่าท่าน

10. ถ้าท่านยังหนุ่มแน่นที่เดินมาถึงทางแยกของชีวิต และท่านไม่รู้ว่าท่านควรจะเลี้ยวไปทางไหน สมาธิจะช่วยให้ท่านเข้าใจว่าถนนสายไหนที่ท่านควรเลือกเดิน เพื่อให้ไปถึงจุดหมายปลายทางที่เหมาะสมสำหรับท่าน

11. ถ้าท่านเป็นคนสูงอายุซึ่งรู้สึกเบื่อหน่ายชีวิต สมาธิจะทำให้ท่านเข้าใจชีวิตได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ความเข้าใจชีวิตที่ลึกซึ้งนี้เอง ช่วยให้ท่านบรรเทาความทุกข์ในชีวิต และเพิ่มความสุขของชีวิตให้มากขึ้น

12. ถ้าท่านเป็นคนอารมณ์ร้อน สมาธิจะทำให้ท่านสามารถพัฒนาพลังที่จะเอาชนะข้อเสีย คือ ความโกรธ ความเกลียด และความขุ่นเคืองได้

13. ถ้าท่านเป็นคนขี้อิจฉาริษยา สมาธิจะช่วยให้ท่านตระหนักถึงอันตรายของความอิจฉาริษยา และสามารถลดละความอิจฉาริษยาได้

14. ถ้าท่านตกเป็นทาสของอารมณ์ความรู้สึก สมาธิจะช่วยให้ท่านรู้วิธีที่จะเป็นนายของตัณหา ความอยากเหล่านั้นได้

15. ถ้าท่านติดเครื่องดื่มหรือยาเสพติด สมาธิสามารถทำให้ท่านระหนักถึงวิธีที่จะเอาชนะนิสัยที่เป็นอันตราย ซึ่งทำให้ท่านตกเป็นทาสได้

16. ถ้าท่านเป็นคนปัญญาทึบ สมาธิจะเปิดโอกาสให้ท่านขัดเกลาความรู้จนสามารถนำไปใช้ได้ และเป็นประโยชน์ทั้งแก่ท่าน เพื่อนของท่าน และครอบครัวของท่าน

17. ถ้าท่านได้ปฏิบัติสมาธิอย่างจริงจัง อารมณ์ของท่านจะไม่มีโอกาสทำให้ท่านเป็นคนขุ่นมัว ปัญญาทึบอีกต่อไป

18. ถ้าท่านเป็นคนฉลาดมีปัญญาบริบูรณ์อยู่แล้ว สมาธิจะส่งเสริมให้ท่านได้บรรลุธรรมชั้นสูง และท่านก็จะสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ตามที่เป็นจริง ไม่ใช่ตามที่มันปรากฏ

19. ถ้าท่านเป็นคนที่มีจิตใจอ่อนแอ สมาธิสามารถทำให้จิตใจของท่านเข้มแข็งขึ้นเพื่อพัฒนาพลังแห่งเจตนา จนสามารถเอาชนะความอ่อนแอของจิตได้ นี้เป็นเพียงคุณประโยชน์บางประการที่เกิดจากการปฏิบัติสมาธิ คุณประโยชน์เหล่านี้ไม่มีขายตามร้านตลาด เงินก็ไม่สามารถจะซื้อได้



ที่มา
ลานธรรมจักร

1. แสดงความเป็นคนจริงใจ
อย่าพูดโกหกหลอกลวงอีก คุณต้องซื่อสัตย์ ต้องบอกว่า ทำไมคุณถึงทำผิดพลาด และคุณได้เรียนรู้อะไรจากสิ่งที่ทำลงไปบ้าง ทำให้เธอเชื่อว่า คุณไม่สามารถอยู่ได้หากไม่มีเธอ

2. ซื้อของขวัญชิ้นพิเศษให้
ควรเลือกของขวัญที่มีความหมายพิเศษ โดยเฉพาะลองหาบางสิ่งบางอย่างที่กระตุ้นให้เธอคิดถึง ช่วงเวลาลึกซึ้งของคุณกับเธอที่มีร่วมกัน เช่น ถ้าคุณรู้ใจว่าเธอชอบอะไรมาก ๆ ก็ให้สิ่งนั้นเป็นของขวัญเธอเลย

3. ชวนเธอออกเดท แล้วสังเกตว่าวันวานยังหวานอยู่ไหม?
ถ้าหลายสิ่งเริ่มลงตัวและทั้งคู่เข้าใจจิตใจกันมากขึ้น ฝ่ายชายควรทำให้เธอเห็นก็คือ คุณเป็นคนโรแมนติกเพียงใด เช่น สร้างบรรยากาศด้วยการชวนเธอเดทเหมือนครั้งเมื่อแรกรัก และชวนให้ระลึกถึงเรื่องดี ๆ ที่ผ่านมา แล้วทำอะไรก็ได้ที่ทำให้เธอมองคุณในทางที่ดีขึ้น

4. ทำตัวดี ๆ ไม่ใช่เกเรหรือปล่อยเนื้อ ปล่อยตัวจนหาความเป็นเทพบุตรไม่เจออีกต่อไป
โดยออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ แต่งตัวให้ดูดี แบบนี้สาวไหนเห็นก็ย่อมอยากกลับไปรักคุณอีก

5. บอกไปตรง ๆ เลยว่า คุณยังรักเธออยู่
ผู้หญิงอยากได้ยินคำสามคำนี้เสมอ ยิ่งได้ยินจากคนที่เธอรักหรือเคยรักด้วยแล้ว มีหรือจะไม่ใจอ่อน

6. สะกิดใจเธอว่า ถ้าไม่กลับมารักกัน เธออาจพลาดอะไรดี ๆ ไปก็ได้
คุณอาจเรียกร้องความสนใจจากเธอ โดยทำให้เธอหึงก็ได้ เผื่อเธอจะชอบคุณใหม่อีกครั้ง หรือไม่ก็อาจจะหมั่นไส้และเกลียดหน้า หาว่าเจ้าชู้ไปเลยก็ได้ เพราะถ้าจะใช้วิธีนี้ก็ควรระวังด้วย

7. ปรับความเข้าใจ
คุณปรับตัวเป็นคนใหม่ และอยากปรับความเข้าใจ แต่อย่าใจร้อน เพราะถ้าขนาดอยากปรับความเข้าใจยังปรับความร้อนรนไม่ได้ ก็น่าคิดเหมือนกันว่าจะกลับไปเป็นแฟนกันอีกทีดีไหม

8. อย่าพูดอย่างทำอย่าง
ถ้าเขาบอกว่ายังรักอยู่ และอยากคืนดี แต่ตัวเองกลับไม่พยายามปรับปรุงตัว ก็ไม่ควรเสี่ยงกับเขาอีก เพราะฉะนั้นอย่าเป็นคนปากอย่างนึง ส่วนการกระทำก็อีกอย่างเลย

9. แสดงให้เห็นว่าคุณเปลี่ยนไปจริง ๆ
การพูดคำว่า “ผมเต็มใจที่จะเปลี่ยนตัวผมเพื่อคุณ” ย่อมเป็นคำพูดที่ดีเยี่ยมสำหรับออดอ้อนคนรัก แต่พูดแล้วก็ควรปฏิบัติด้วย

10. สัญญาว่าจะเป็นคนรักที่ดี
รักกันใหม่แล้วก็ยังทำผิดซ้ำ ๆ ย่อมเสียความรู้สึกเปล่า ๆ ฉะนั้นควรทำให้เธอใจชื้นด้วยการสัญญา ว่าจะเป็นแฟนที่ดีตลอดไป (แต่ต้องทำด้วย) และถ้าหลังจากนี้ยังไม่ดีจริง ๆ ก็ควรทิ้งให้ถาวรไปเลย

ถ้าอยากให้คนรักคืนดีไว ๆ ก็ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันได้.
วันนี้..เราอาจรู้สึกผูกพันต่อสิ่งหนึ่ง
จนคิดว่าเราขาดไม่ได้..
แต่เวลาจะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป..
สักวันเราจะรู้ว่า..สิ่งที่เราผูกพันในวันนี้.
เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่เติมชีวิตเรา
ไม่ใช่..ทั้งหมดของชีวิตเรา...

วันหนึ่ง..หากเรามีโอกาสได้เจอสิ่งที่ถูกใจสิ่งใหม่
ที่เราคิดว่าเราพึงใจ..ปรารถนา..ต้องการ..ขาดไม่ได้
เราก็จะเริ่มผูกพันกับสิ่งใหม่ได้ในเวลาไม่นานนัก...

เมื่อเวลาหนึ่งผ่านไป จะสอนเราได้เองว่า..
ความผูกพันกับสิ่งใด ๆ ในช่วงเวลาหนึ่ง
จะเป็นความสุขในช่วงเวลานั้น ๆ
อย่าได้ไปยึดติด อย่าได้ไปใช้ชีวิตทั้งชีวิตหลุ่มหลง...
คิดเสียว่า.เราโชคดี.ที่มีโอกาสได้ผูกพันกับสิ่งที่เรารัก

ความผูกพัน..ก็เหมือนกับความรัก..
หรืออาจจะเป็นผลพวงที่มาจากความรัก
หากเรารักใครคนใดคนหนึ่งมาก
เราก็จะรู้สึกว่าผูกพันมาก
แต่ความผูกพันที่ว่า.ไม่ได้หมายถึงการหยุดตัวเอง
ไว้กับสิ่งนั้น..เพราะคนทุกคน ย่อมผูกพันกับหลายๆ สิ่ง
เปรียบเสมือนเรามีแก้วน้ำอยู่หนึ่งใบ
ในยามเช้า..เราอาจต้องใช้แก้วใบนี้ดื่มนม
พออากาศร้อนหน่อย..เราอาจต้องการน้ำเย็น ๆ
บางครั้งที่เราไม่สบาย..เราอาจต้องการน้ำอุ่น
ใจเราก็เหมือนกับแก้วน้ำ..ต้องเติมสิ่งต่าง ๆ
ในเวลาที่แตกต่างกัน...ตามความเหมาะสม..
หากเราเติมน้ำเย็นลงไปในแก้วน้ำ
แล้วเติมน้ำร้อนลงไปในทันที.ในแก้วใบเดียวกัน..
เราก็จะพบว่า..แก้วใบนั้น..ก็จะร้าว..แล้วเริ่มแตก

ซึ่งก็เหมือนกับใจเรา..
ความผูกพันต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใดในช่วงเวลาหนึ่ง..ไม่ผิด
ถ้าเราค่อย ๆ ปรับใจ ปรับตัวของเราเอง
ให้กลับคืนในเวลาที่ควร
เพราะอย่างน้อยที่สุด..เราก็มีโอกาส..ได้ผูกพัน...
ซึ่งก็เหมือนเราได้มีโอกาส..ได้รัก นั่นเอง

ถ้าคุณมีความสุขที่เห็นเค้าเดินกับคนอื่น
คือ........ความรัก

ถ้าคุณเศร้า เหงา คิดถึงเค้าอยากเจอ พูดคุย
คือ.........ความรัก

ถ้าคุณร้อนรนที่เค้าอยู่กับใคร ๆ ที่ไม่ใช่คุณ
คือ.........ความใคร่ อยากเก็บไว้เป็นเจ้าของคนเดียว

ถ้าคุณเมามาย เค้าลูบหลังไหล่ ดูแล
คือ.........ความรักที่บริสุทธิใจ

ถ้าคุณเมามาย เค้ากอดและสัมผัสร่างกาย
คือ..........ความใคร่จากเค้าของคุณ

ถ้าคุณเข้าหา แต่เค้าหนี...
คือ......... ความใคร่ ที่หมดเยื่อใยแล้ว

ถ้าคุณหนี แต่เค้าวิ่งตามมา
คือ..........ความรักที่ยังไม่มีจุดจบ

ถ้าคุณร้องให้ ให้กับคนที่ไม่มีเยื่อใยในตัวคุณ
คุณคือคนโง่ และบ้า อย่างน่าอาย

แต่ถ้าคุณพอใจ...จงรัก และ มอบความรัก
ให้กับเค้า แม้มันจะไม่กลับมาหาคุณก็ตาม
จงดีใจที่ได้รักซะวันนี้..
ดีกว่าที่จะมานั่งเสียใจในวันหน้า

จงภูมิใจที่มีความใคร่ เสน่หา
เพราะมันจะไม่ย้อนกลับมาหาอีกต่อไป....

มีอยู่ครอบครัวนึงมีลูกชายสามคนกำลังนั่งคิดกันว่า
จะมอบอะไรให้เป็นของขวัญแก่คุณแม่ของพวกเขา

ลูกชายคนโต- พี่จะสร้างบ้านหลังใหญ่ให้แม่อยู่

ลูกชายคนรอง- ฉันจะส่งรถเบ๊นซ์ป้ายแดงพร้อมคนขับให้แม่

ลูกชายคนเล็ก- พี่ๆคงจะจำความรู้สึกของคุณแม่เวลาอ่านคัมภีร์ไบเบิ้ลได้ดี
และพี่ๆก็รู้ว่าแม่สายตาไม่ดีอ่านหนังสือไม่ค่อยเห็น
ดังนั้น ฉันจะส่งนกแก้วซึ่งสามารถท่องคัมภีร์ไบเบิ้ลได้
นกแก้วตัวนี้อยู่ในโบสถ์มา14 ปี
เพียงแต่บอกชื่อบท นกแก้วตัวนี้ก็สามารถท่องบทนั้นทั้งบทออกมาได้

(ว่าแล้วลูกชายทั้งสามก็ส่งของขวัญไปให้คุณแม่ของพวกเขา
.... ต่อมา แม่ก็ตอบจดหมายลูกๆ ทั้งสามว่า...)

แม่บอกลูกคนโตว่า บ้านที่ลูกสร้างให้มันใหญ่โตเกินไป
แม่อยู่แค่ห้องเดียว แต่แม่ต้องทำความสะอาดทั้งหลัง

แม่บอกกับลูกคนรองว่า แม่แก่เกินไปที่จะไปไหนแล้ว
แม่อยู่กับบ้านไม่ค่อยได้ใช้รถเลย

แม่บอกกับลูกคนเล็กอย่างชื่นชมว่า-
ลูกรู้ใจแม่จริงๆว่าแม่ชอบอะไร นกแก้วทอดอร่อย
คงเป็นเรื่องน่าเศร้า
หากคนเราต้องบิดเบือนความจริงในใจ
แล้วใส่หน้ากากเข้าหากัน

เราคงมีชีวิตอยู่กับความสุขปลอมๆ
ท่ามกลางความกลัวที่จะผิดหวัง
ทั้งที่ในที่สุดก็ต้องเผชิญหน้ากับมันอยู่ดี

ถอกหน้ากากออกดีไหม
จะเป็นไรไป หากใครจะอ่านสายตาของเราได้
หรือแม้แต่จะมองทะลุถึงใจของเรา

เพราะเมื่อใดก็ตาม ที่เราไม่ต้องปิดบัง อำพราง
ไม่ต้องไว้ท่าไว้ทางหรือมีเล่ห์เหลี่ยมใดๆ
เมื่อนั่นใจของเราย่อมมีพลังอย่างเต็มที่
ที่จะสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้บังเกิดขึ้น

ซึ่งต่างค้นพบพลังแห่งความจริงใจ
เป็นพลังที่เกิดขึ้นอย่างเรียบง่ายเป็นธรรมชาติ
แต่มีอานุภาพเหลือประมาณ

ฉะนั้น..

อย่ากลัวเลย..ที่จะเป็นคนจริงใจ
เป็นคนซื่อๆ ใสๆ
ปากกับใจตรงกัน
ถึงแม้เราไม่เก่ง ไม่ดีเด่น
ไม่ได้เป็นคนสำคัญ
ขอเพียงเรามีความจริงใจต่อกัน
แค่นี้ก็สุขสบายใจ..









จากเว็บทำดี
มีหลายคนเคยบ่นว่า อยากมีเวลามากกว่านี้ 24 ชั่วโมง ดูจะน้อยไปในแต่ละวัน บางคนอาจเคยถามว่า? เวลามันหายไปไหนหมด? เราลองมาดูกันว่า เวลา มันหลบหรือซ่อนอยู่ที่ไหนกันแน่ อันที่จริงแล้วเวลาไม่ได้หลบหรือซ่อนอยู่ที่ไหนเลย แต่เพราะเรามีอะไรทำมากขึ้นต่างหากหล่ะ

เราลองมาพิจารณากันว่า ในแต่ละวัน สิ่งที่เราทำมีกี่กลุ่ม ก็คงจะแบ่งได้ 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ สิ่งที่ต้องทำ กับ สิ่งที่น่าทำ ซึ่งสิ่งที่น่าทำดูจะมีมากมายก่ายกอง ดังนั้นการทำให้เวลา 24 ชั่วโมง เพียงพอต่อการทำกิจกรรมต่าง ๆ ของชีวิตจึงเป็นเรื่องของการจัดลำดับความสำคัญของแต่ละอย่าง และเมื่อมีการจัดที่ถูกต้อง ทุกอย่างก็จะเป็นไปด้วยดี แม้จะทำได้ไม่หมดก็ตาม

การบริหารเวลาจึงไม่ใช่เรื่องของการแบ่งเวลาให้สิ่งต่าง ๆ เท่านั้น แต่เป็นการแยกระหว่าง สิ่งที่ต้องทำ กับ สิ่งที่น่าทำ ด้วย

มีนิทานเรื่องหนึ่งอยากเล่าให้ท่านฟัง

วันหนึ่งในชั้นเรียนหนึ่ง ครูยืนหน้าชั้นเรียนแล้วพูดว่า "ได้เวลาสอบแล้ว"

แล้วก็หยิบไหปากกว้างวางบนโต๊ะด้านหน้า
จากนั้นก็เอาหินก้อนขนาดเท่ากำปั้น ทยอยวางลงในไหอย่างระมัดระวัง

เมื่อใส่ก้อนหินจนเต็มไหไม่เหลื่อที่ ๆ จะใส่หินลงไปได้อีก ครูถามขึ้นว่า

ไหใบนี้เต็มแล้วใช่ไหม?

นักเรียนทุกคนในชั้นตอบว่า "ใช่"

ครูถามว่า "จริงหรือ"

แล้วเอื้อมมือไปหยิบถังใส่กรวดใต้โต๊ะขึ้นมา เขาเทกรวดลงไปในถังแล้วเขย่า เพื่อให้กรวดล่วงลงไปยังพื้นที่ว่างระหว่างก้อนหินก้อนใหญ่ ๆ

แล้วครูก็ถามอีกครั้งว่า "ไหเต็มแล้วใช่ไหม? "

มีคนหนึ่งตอบว่า "อาจจะไม่" ครูตอบว่า "ดี"

ครูเอื้อมไปใต้โต๊ะ และหยิบถังใส่ทรายขึ้นมา แล้วก็เริ่มเททรายลงไปยังช่องว่างต่าง ๆ ของหินและกรวด

ครูถามอีกครั้ง "ไหนี้เต็มหรือยัง? "

ทุกคนตะโกน "ยังไม่เต็ม" ครูตอบว่า "ดี"

แล้วเขาก็ยกเหยือกน้ำขึ้นมาเทลงไปในไห จนกระทั่งน้ำปริ่มขอบ แล้วเขาก็กวาดสายตาไปยังนักเรียนทุกคน แล้วถามว่า


อะไรคือสิ่งที่เราได้เรียนรู้จากการเรียนบทนี้?

นักเรียนผู้กล้าหาญชาญชัยคนหนึ่งยกมือขึ้นแล้วตอบว่า

"ได้เรียนรู้ว่า ไม่ว่าตารางเวลาของเราจะเต็มไปด้วยกิจกรรมเพียงใด
ถ้าเราพยายามจริง ๆ เราจะสามารถเพิ่มกิจกรรมบางอย่างเข้าไปได้"

"ไม่ใช่" ครูตอบ

นั่นไม่ใช่ประเด็น ความจริงของการแสดงนี้ สอนเราว่า ถ้าคุณไม่ใส่หินก้อนใหญ่ในตอนแรกคุณก็จะไม่มีทางใส่มันได้เลย?


อะไรคือ หินก้อนใหญ่ อะไรคือหิน อะไรคือกรวด ทราย หรือน้ำ ในชีวิตคุณ
โครงการที่คุณต้องทำมันให้สำเร็จ?
เวลาอยู่กับคนที่คุณรัก?
ความศรัทธาของคุณ?
การศึกษาของคุณ?
การเงินของคุณ?
การสอนหรือให้คำปรึกษาคนอื่น ๆ ? ค้นหาให้พบ

จงจำไว้ว่าต้องใส่หินก้อนใหญ่ในตอนแรก เพราะคุณคุณอาจจะไม่มีโอกาสใส่มันได้อีกเลย.....

แล้วรับรองว่า.....คุณจะสามารถบริหารเวลาได้อย่างแน่นอน








จากสยามเซาท์




ชายคนหนึ่งเพิ่งได้รับการเลื่อนขั้นให้เป็นหัวหน้ากองทหาร

เขาเดินทางไปตรวจค่ายทหารที่เขาต้องย้ายมาประจำการ


ขณะที่เดินตรวจแถว เข้าเห็ฯพลทหารคนหนึ่ง

ก้มหน้าก้มตา จึงพูดกับพลทหารคนนั้น


หัวหน้า... ไอ้หนู เงยหน้าขึ้นสูงๆ

ถึงจะอยู่ต่อหน้าคนใหญ่ คนโตก็ต้องอกผายไหล่ผึ่ง

ไหน..มาสัมผัสมือหน่อยสิ นายจะได้เขียนจดหายไปเล่าให้คนที่บ้านฟังว่า

เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้สัมผัสมือกับหัวหน้ากอง


เอ๊.. แล้วพ่อของนายทำงานอะไรล่ะ


พลทหาร.. รายงานหัวหน้าพ่อของผมเป็นนายพลครับ!!

ชายหนุ่มกับภรรยาเดินประคองกันเข้ามาที่คลีนิคทันตแพทย์

“หมอช่วยถอนฟันให้หน่อยสิคะ
ดิฉันกำลังรีบมากด้วยไม่ต้องฉีดยาชาหรอกค่ะ” ภรรยาว่า

“แหม คุณนี่ใจกล้าดีจังเลย นานๆจะเจอคนเก่งอย่างคุณซะทีนะครับ”
หมอว่า “เอ้าไหนอ้าปากให้ผมดูหน่อยสิครับว่าซี่ไหน”

เธอรีบหันมาหาสามี
“เอ้า ที่รัก อ้าปากให้หมอดูเร็วๆสิคะ!
สองหนุ่มนั่งคนกันอยู่ในร้านอาหารในขณะที่ดูข่าวภาคค่ำไปด้วย
ภาพในข่าวเป็นภาพคนเมายาบ้ากำลังจะโดดตึก
ในขณะที่มีอาสาสมัครและตำรวจรวมทั้งไทยมุงจำนวนมากรอดูเหตุการณ์อยู่เบื้องล่าง

“พนัน100 บาทกันมั้ย อั๊วว่ามันไม่โดดหรอก” หนุ่มแรกว่า
“ได้เลย” หนุ่มสองรับคำท้าทันที

แล้วชายเมายาบ้าในทีวีก็โดดลงมาจริงๆ


“อั๊วไม่อยากจะเชื่อเลยว่ะ”
หนุ่มแรกว่าขณะที่ควักกระเป๋าหยิบเงินยื่นให้เพื่อน

“อั๊วไม่เอาของลื้อหรอกว่ะ” หนุ่มสองบอก

“เฮ้ย สัญญาต้องเป็นสัญญา อั๊วแพ้พนันลื้อแล้วอั๊วก็ต้องจ่ายสิวะ”
หนุ่มแรกยืนยัน

“พูดตรงๆเลยว่ะเพื่อน อั๊วเห็นข่าวนี่ตั้งแต่ตอนข่าวช่วงเย็นแล้วว่ะ”
หนุ่มสองบอก “อั๊วไม่อยากโกงลื้อว่ะ”

“อั๊วก็ดูข่าวช่วงเย็นว่ะ” หนุ่มแรกพูดเสียงอ่อยๆ
“แต่อั๊วไม่คิดว่ามันจะโดดอีกว่ะ!!!”
มีอยู่หนนึงผมไปงานเลี้ยงบ้านเพื่อนคนหนึ่งที่ต่างจังหวัด บ้านของเขาอยู่นอกตัวเมืองออกไปไกลพอดู แล้วยังแยกเข้าไปในทางลูกรังอีกร่วมสิบกิโล งานคืนนั้นจบลงค่อนข้างจะดึกมาก ผมกินเหล้าเข้าไปจนรู้สึกเมา แต่จำเป็นต้องกลับเพราะว่าผมมีธุระต้องทำตอนเช้าต่ออีก

ตอนผมออกมานั้นฝนตกหนักมาก ผมขับฝ่าสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนักจนแทบจะมองไม่เห็นอะไรไปอย่างช้าๆบนถนนลูกรังที่ขรุขระเพื่อไปสู่ถนนใหญ่

ทันใดนั้นเอง หัวใจผมแทบหยุดเต้น เมื่อแสงแวบจากฟ้าผ่าทำให้ผมเห็นใบหน้าเหี่ยวย่นของชายแก่คนหนึ่งปรากฏอยู่ข้างหน้าต่างกระจกรถ เขาเคาะกระจกรถและพยายามพูดอะไรบางอย่างกับผม

ตอนนั้นสามัญสำนึกแบบเมาๆบอกผมว่า เป็นไปไม่ได้ที่มีคนมาเคาะกระจกรถที่กำลังวิ่งอยู่โดยที่เขาอยู่นิ่งไม่ขยับเขยื้อนได้ ร่างกายผมตอบรับสามัญสำนึกด้วยการเหยียบคันเร่งเต็มที่

เปรี้ยง!!! แสงจากฟ้าผ่าทำให้ผมเห็นชายชราคนเดิมอีกครั้ง

ผมขวัญหนีดีฝ่อสุดๆ “นี่มันไม่ธรรมดาแล้วโว้ย ตูไปทำอะไรเข้าวะเนี่ย ทำไมถึงได้มาเจอดีแบบนี้” ผมร้องตะโกนอยู่ในใจ ขาเหยียบคันเร่งหนักเข้าอีก

เปรี้ยง! เปรี้ยง! สายฟ้าฟาดซ้ำลงมาอีกสองครั้งติด ชายชราคนเดิมยังอยู่ที่เดิม
ตอนนี้ความกลัวถึงขีดสุดกลายเป็นความกล้าบ้าบิ่น

“เอาโว้ยเป็นไงเป็นกัน” ผมคิดในใจขณะที่ไขกระจกรถลง

“ลุง จะเอายังไงกับผม” ผมตะโกนสวนสายฝนที่ซัดเข้ามาในรถ
เสียงแหบๆตอบกลับมาจากใบหน้าเหี่ยวย่นนั้น
.
.
.
.
“ไอ้หม่า จะให้ข้าช่วยเอาอีแต๋นมาลากออกจากหล่มไหม?”
ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง
บ๋อยยกกาแฟที่ร้อนจัดแก้วหนึ่งเสิร์ฟลูกค้าแต่ลืมให้ช้อนสำหรับคนกาแฟ

ลูกค้าพูดอย่างไม่พอใจ
“ ผมจนปัญญาที่จะใช้นิ้วมือของผมคนกาแฟนี้ “


บ๋อยรีบผละไปอย่างรวดเร็วสักครู่
บ๋อยก็ได้ยกกาแฟอีกแก้วหนึ่งมาวางตรงหน้าลูกค้า


แล้วพูด “ ท่านครับกาแฟแก้วนี้ค่อยอุ่นหน่อยครับ
ท่านสามารถใช้นิ้วของท่านคนได้แล้วล่ะครับ
เมียผมหมดเงินไปเกือบสามหมื่นซื้อเครื่องประทินโฉมชุดใหญ่ที่คนขายรับประกันนักหนาว่าถ้าใช้แล้วจะต้องดูสาวไม่รู้สร่าง หลังจากโปะพอกสารพัดอย่างทั่วสรรพางค์กายอยู่หลายชั่วโมง เธอก็นั่งชื่นชมแมตัวเองอยู่หน้ากระจกอีกร่วมชั่วโมง ก่อนเอ่ยปากถามความคิดเห็นของผม

“ที่รัก ถ้าคุณไม่รู้อายุชั้น คุณจะคิดว่าชั้นอายุเท่าไหร่นี่”

ผมแอบส่ายหน้าด้วยความเซ็งกับสาวใหญ่ลืมแก่ แล้วพยายามพูดอย่างระมัดระวัง

“อืม… ถ้าดูจากผิวก็คงซัก 20 ดูผมก็ซัก 18 ถ้าจะเอาหุ่นก็คง 25 ได้”

“แหม คุณนี่ก็ ทำปากหวานไปได้”
เธอม้วนร่างบึกบึนอย่างพยายามให้น่ารักที่สุดพร้อมกับตีแขนผมดังพลั่กเบ้อเร่อ

“เดี๋ยวสิจ๊ะที่รัก” ผมขัดคอก่อนที่เธอจะคิดเลยเถิดไปกันใหญ่
“ผมยังไม่ทันได้บวกเลย!”
ชายสามคนคุยกันเรื่องประสบการณ์ตื่นเต้นระทึกขวัญของตัวเอง


คนแรกเริ่มเล่า

“เมื่อก่อนผมเป็นตำรวจ มีอยู่หนนึงได้รับมอบหมายให้ไปช่วยรักษาความปลอดภัยในการขนเงินจำนวนมาก ปรากฏว่ามีโจรกลุ่มใหญ่มาดักปล้นรถขนเงิน เกิดการยิงกันอย่างดุเดือด ฝ่ายผมตายไปสอง โจรถูกยิงตายหมดหกคนด้วยกัน”



ชายคนที่สองเล่าบ้าง
“ผมเคยเป็นตำรวจดับเพลิง มีอยู่หนนึงเกิดไฟไหม้ขึ้นบนตึกสูงแห่งหนึ่ง รถดับเพลิงฉีดขึ้นไปไม่ถึงชั้นบนๆ ในขณะที่ไฟลามขึ้นไป คนที่อยู่บนนั้นหมดทางหนี หลายคนกระโดดลงมาหวังเสี่ยงดวง มีอยู่คนนึงตกลงมาแหลกเหลวอยู่ต่อหน้าผมเลย”


ชายคนที่สามเล่าบ้าง

“ผมเคยเป็นสัปเหร่อ มีอยู่คืนนึงผมได้รับแจ้งให้ไปเก็บศพที่โรงแรมแห่งหนึ่ง เจ้าหน้าที่โรงแรมบอกผมว่าศพยังอยู่ใต้ผ้าห่ม ไม่มีใครกล้าไปแตะต้อง เมื่อผมเข้าไปในห้องผมพบว่าศพอยู่ใต้ผ้าห่ม เข้าใจว่าคงเปลือยกาย เพราะอวัยวะของเขาแข็งตัวตุงขึ้นมาตรงกลางผ้าห่ม ผมเดาเอาว่านี่คงเป็นเหตุผลที่คนไม่กล้าเปิดผ้าห่มถึงกับต้องเรียกผมมาจัดการ แต่ผมคิดดูอีกที การจะแบกร่างเขาลงไปทั้งสภาพอย่างนั้นผ่านล็อบบี้โรงแรมคงไม่ใช่ภาพที่น่าดูเท่าไหร่ ผมก็เลยหาไม้กวาดมาอันหนึ่ง แล้วพยายามฟาดให้อวัยวะของเขามันอ่อนตัวลงไป...”

“แล้วมันตื่นเต้นยังไง” ชายที่นั่งฟังอยู่ขัดคอ

“อ๋อ ถึงตอนนั้นผมถึงได้รู้ว่าผมเข้าผิดห้องน่ะ!!!”
ต่อ.. ทำไมเวลานายจะดื่ม พวกของมึนเมา


ต้องให้ฉันถือแก้วให้


จุ๋ย.. หมอสั่งไม่ให้ฉันแตะแก้ว

จนกว่าจะหายดีนะสิ

แต่ฉันดื่มได้น่ะ เพราะหมอไม่ได้ห้ามดื่ม



ต่อ.. - - ' ??

คนไข้คนหนึ่งไปหาหมอ


หมอ... เคยไปหาหมอคนอื่นเพื่อปรึกษาเก่วกับโรคของคุณบ้างหรือเปล่าครับ


คนไข้.... เคยถามเจ็กเตียงเจ้าของร้านขายยาที่อยู่ตรงข้ามบ้านนะครับ
ทำไมเหรอครับหมอ


หมอ... แล้วเขาแนะนำอะไรคุณบ้าง
จัดยาชุดให้คุณกินหรือเปล่า การไปปรึกษาคนที่ไม่มีความรู้

เกี่ยวกับโรคและยา หมอว่าเชื่อถือไม่ค่อยได้นะครับ


คนไข้... เจ็กเตียงไม่ได้จัดยาให้ผมหรอกครับ
แต่แนะนำให้ผมมาหาหมอ หมอว่าเขาเชื่อถือได้ไหมล่ะครับ
มิตรชอใส่เสื้อยึด กางเกงยีนไปงานเลี้ยง

วันหนึ่งเมื่อกลับจากงานเลี้ยง

ภรรยาของเขาก็บ่นเรื่องการแต่งการของเขาไม่หยุด

มิตรจึงไปหยิบเสื้อเชิ้ตและเนกไท มาห่ออย่างสวยงาม
สั่งลูกชายให้นำไปส่งที่งานเลี้ยงที่เขาเพิ่งกลับมา
พร้อมกับเขียนกระดาษโน้ตแบบไปว่า


"เมื่อกี้ ผมไม่ได้ใส่เสื้อเชิ้ต และไม่ได้ผูกเนกไทย
ผมจึงส่งสิ่งของทั้งสองอย่างนี้มาให้คุณ

กรุณามองมันครึ่งชั่วโมง
แล้วค่อยส่งคืนลูกชายผม ขอบคุณครับ "

พนัสถูกรถชน 3 วันต่อมาเขาจึงฟื้น

หมอ.. ตื่นแล้วเหรอครั้บ ผมีทั้งข่าวดีและข่าวร้ายจะแจ้งให้คุณทราบ


พนัส.. ผมเป็ฯอะไร มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วข่าวร้ายอะไรเหรอครับ


หมอ.... ใจเย็นๆนะครับ คือ คุณเป็นโรคเบาหวานเมื่อวานนี้
คุณถูกรถชน กระดูกขาขวาแตกละเอียดจนไม่สามารถใช้งานได้
เราจำเป็นต้องตัดขาคุณทิ้ง


พนัส.. เป็นข่าวร้านที่แย่ที่สุดในชีวิตผมเลย แล้วข่าวดีล่ะครับ


หมอ... คนไข้ที่เตียงตรงข้าม ขอซื้อรองเท้าหนังของคุณครับ

1. อย่าเขินที่จะบอกรัก

2 จดจำรายละเอียดของเขาหรือเธอ เช่น ชอบทานอะไร ชอบฟังเพลงแนวไหน กิจกรรมสุดโปรด คืออะไร แล้วหยิบยื่นสิ่งเหล่านี้ให้เธอหรือเขา เสมอ ๆ

3. โรแมนติกให้ถูกที่ ถูกเวลา เรื่องโรแมนซ์ ใครจะไม่ชอบ แต่บางทีก็ต้องถูกกาลเทศะด้วย ถ้าขืนกระโดดหอมแก้มแฟนกลางสยาม ใครล่ะจะไม่โกรธ!!! ลองหาสถานที่เหมาะ ๆ ดีกว่ามั้ย

4. ให้เกียรติกันและกันเสมอ

5. อย่าปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือความรัก นึกถึงเรื่องดี ๆ ที่เขาเคยทำให้เรา แล้วจะช่วยให้ความโกรธหรืออารมณ์ชั่ววูบเบาบางลง

6. เมื่อมีปัญหาควรใช้เหตุผลในการพูดคุย ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่คนสองคนต้องมีเรื่องขัดแย้ง แต่ถ้าทั้งคู่พร้อมที่จะปรับตัวเข้าหากัน ปัญหาทั้งหลายจะกลายเป็นเรื่องขี้ผง

7. ปล่อยให้ อีกฝ่าย มีเวลาเป็นของตัวเอง การเกาะติดแจมีแต่จะทำให้ความรักจืดจางได้ง่าย ปล่อยให้เขาไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง หรือพยายามให้ตัวเองมีโลกส่วนตัวบ้างจะได้ไม่อึดอัด

8. พูดกันตรง ๆ แต่เลือกใช้คำที่ไม่ทำร้ายจิตใจ



9. มีขอบเขตในการปรับตัว แน่นอนที่ทั้งเราและเขาต่างต้องปรับตัวเข้าหากัน แต่ก็ควรมีลิมิตด้วย ไม่ใช่ยอมเปลี่ยนแปลงให้เป็นแบบที่เขาต้องการทุกอย่าง จนไม่เหลือความเป็นตัวของตัวเอง ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนตัวเองเพื่อคนอื่นได้นานหรอก

10. ห้ามโกหก ข้อนี้สำคัญมาก เพราะจะไม่สามารถเชื่อใจกันได้อีก

11. อย่าคาดคั้นหาคำตอบหากอีกฝ่ายยังไม่พร้อม บางครั้งการที่เราดึงดันจะรู้ให้ได้เดี๋ยวนั้นเลยว่าทำไม่? เพราะอะไร ? จะเอายังไง? เป็นการกดดันอีกฝ่ายอย่างไม่มีประโยชน์ หากเราและเขาอยู่ในสถานการณ์ ตึงเครียด ลองถอยออกมา 1 ก้าว ทำใจให้สงบ รอจนกว่าเขาพร้อม แล้วค่อยคุยเรื่องนี้กันใหม่ก็ยังไม่สาย

12. ดูแลตัวเองให้เก๋กู๊ดอยู่เสมอ เขาจะได้ไม่มองคนอื่นไง

13. ไม่ควรคาดหวังกับความรัก บอกแล้วว่าความรักเป็นเรื่องของความรู้สึกของคนสองคนล้วน ๆ จึงเอาแน่เอานอนไม่ได้ อย่าคาดหวังว่าเขาจะเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ จะทำนั่นทำนี้ให้เรา เพราะถ้าผิดหวังจะเสียใจทั้งสองฝ่าย ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติดีกว่า

14. ห้ามหลุดคำหยาบ ต่อให้ทะเลาะกันรุนแรงแค่ไหนก็ไม่ควรด่าทอกันเสีย ๆ หาย ๆ มีแต่จะทำให้เข้าหน้ากันไม่ติด

15. ซื่อสัตย์และไว้ใจกัน สองอย่างนี้จะทำให้คุณสองคน เป็นคู่ที่น่าอิจฉาที่สุดในโลก

16. หาสิ่งของที่ต้องดูแลร่วมกัน เช่น สัตว์เลี้ยง หรือ ต้นไม้ หรือกิจการเล็กๆ น่ารัก ๆ เพื่อสร้างความผูกพันระหว ่างคนสองคน












17. ให้โอกาสอีกฝ่ายในการแก้ไขข้อผิดพลาด ทีคนอื่นเรายังให้อภัยเขาได้ และกับคนที่เรารัก เรายิ่งต้องให้อภัยและให้โอกาสเขา แต่ควรระวัง ไม่ว่าใครก็ตาม เราไม่ควรให้โอกาสเขาเกิน 3 ครั้ง

18. อย่าอายที่จะขอโทษ

19. หากิจกรรมที่สร้างสรรค์ทำร่วมกันบ้าง เช่น ชวนกันเล่นแบดมินตัน ไปดูงานศิลปะ ด้วยกันบ่อย ๆ นอกจากความรักจะสดใสแล้ว เรายังได้เจออะไรใหม่ ๆ ในชีวิตอีกด้วย

20. นึกถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายเสมอ อย่ามัวแต่คิดว่าทำไมเขาไม่เข้าใจเรา ??? มันไม่มีประโยชน์แถมยังทำให้เราขี้น้อยใจอย่างไม่มีเหตุผล

21. รู้สึกดีกับสังคมของเรา ทั้งพ่อแม่และพี่น้อง เพื่อน และคนรักเก่า รู้หรอกน่าว่ามันทำใจยาก (โดยเฉพาะรายหลังสุด) แต่ถ้าทำได้ มันจะยกระดับจิตใจของคุณให้สูงส่ง ทำให้คุณภูมิใจในตัวเอง และเขาก็จะ รักคุณเพิ่มขึ้นมาก ๆๆ

22. อย่าปิดกั้นโอกาส ลองเปิดตัวเองให้รู้จักคนใหม่ ๆ ไม่ได้แนะนำให้หลายใจนะจ๊ะ แต่การได้รู้จักคนเยอะ ๆ จะทำให้เรารู้ค่าคนใกล้ตัวและรู้ใจตัวเองมากขึ้น

23. รู้จักที่จะใช้ภาษากาย ไม่ใช่ภาษาใบ้นะจ๊ะ แต่เป็นการสัมผัสร่างกายของอีกฝ่าย เช่น จับมือ ลูบหลัง ใคร ๆ ก็บอกว่ามันสามารถสื่อความในใจของเราได้ดีกว่าคำพูดหลายเท่าเชียว

24. คิดถึงอนาคต แต่อย่าพูดบ่อย เดี๋ยวเขาจะหาว่าเราผูกมัดแล้ว พาลหงุดหงิดใส่เพียงแค่รู้ว่าเราต่อไปเราอยากใช้ชีวิตแบบไหน แล้วพูดถึงมันในจังหวะเหมาะ ๆ แค่ครั้งเดียวก็พอ เพื่อทำให้เขารู้ว่าตัวคุณก็มี Plan ชีวิตเขาจะมาเล่น ๆ ไม่ได้

25. รักตัวเองให้มาก ๆ เพราะถ้าคุณไม่รักตัวคุณเองแล้วคุณจะไปรักใครที่ไหนได้เล่า

ก็จำๆ มาบอกต่อกันอีกทีอะนะ เราเองก็ไม่แน่ใจว่าจะทำได่ล่ะ แต่ก็เป็นการดีที่จะร้ไว้บ้างว่าควรทำอย่างไรที่จะไม่ให้รักมันจากเราไปอย่างรวดเร็ว เพราะเห็นหลายคนชอบตั้งกระทู้แนวๆ อกหัก รักคุดกันจัง
ความรักเปนสิ่งที่แสนจะสวยงามเสมอ

สิ่งนี้มันเป็นอะไรที่แสนจะบอบบางมาก

บางคนทุ่มความรักไปทั้งใจ

บางคนไม่เคยที่จะคิดสนใจในเรื่องนี้เลย

คนเราแม้จะเปนฝาแฝดแต่ก้อมีความคิดที่แตกต่างกัน

แล้วความรักของแต่ละคนก้อจะมีนิยามที่แตกต่างกันเสมอ

หลาย ๆๆคน คงมีนิยามความรักที่แตกต่าง กันไป

เพราะหลายคน ก้อเพราะต่างความคิด

แล้วนิยามที่คนส่วนใหญ่พูดถึงความรัก

ก้อคือ ความรักคือทุกสิ่งทุกอย่าง

ความรักเปรียบเสมือนดอกไม้ การปลูกดอกไม้

แต่..สำหรับฉันแล้ว

จุดเริ่มต้นของนิยามนี้ ก้อคือ

ความรักคือถนน

การที่เราจะรักครัยสักคนได้ก้อเพราะว่าใจตรงกัน

ก้อเหมือนกับถนน

คนเราต่างคนต่างเป็นถนนที่มีจุดเริ่มต้นที่แตกต่างกัน

มีพื้นฐานชีวิตที่ต่างกัน

ถนนเส้นนี้มีความรักเกิดขึ้น เพราะว่า

มีถนน 2 สายมาบรรจบกัน

ก้อเหมือนกับว่าการที่เราสองคนได้มาพบเจอกัน

ถนนแต่ล่ะสายมีเส้นที่แบ่งครึ่งฝากถนน

เส้นสีขาว สีเหลืองนี้เองก้อเปรียบเสมือนกับความสัมพันธ์

ของคนเราที่ได้มาพบเจอกัน

และการที่คนเราจะเป็นคนรักของกันและกันได้ก้อต่อเมื่อ

เส้นที่แบ่งครึ่งถนนได้มาบรรจบกัน

แต่..ถ้าหากคน ๆ นันไม่ใช่สำหรับเราแล้ว

เส้นนี้ก้อจะขนานกัน ไม่สามารถที่จะบรรจบกันได้ต่อไป

แต่...ถ้าหากความรักของคนสองคนเริ่มที่จะอิ่มตัวแล้ว

เส้นที่แบ่งครึ่งถนนก้อจะขาด ๆ หาย ๆ

ก้อเหมือนกับความรักของอีกหลาย คู่ที่ถึงจุดอิ่มตัว

และแล้ว ถ้าหากเราสองคนไม่เข้าใจกันแล้ว

ถนนสองสายก้อจะแยกจากกันไปคนละเส้นทาง

หลายคนบอกว่าทำไมต้องเปรียบความรักที่แสนอ่อนโยน น่าถนอม

เป็นถนนได้

คำตอบที่ฉันตอบได้เลยนะก้อคือ

ตอนที่ยางมะตอยมันยังไม่แข็งก้อ

เปรียบเสมือนว่าเรากำลังดูใจกันอยู่

แล้วถ้าหากความรักของเราทั้งสองลงตัวแล้ว

ยางมะตอยที่ลาดตอนแรกมันไม่แข็ง

ตอนนี้มันคงทนอยู่ได้นานตราบนานเท่านาน

แต่ความรักมันมีหลายรูปแบบ

ขึ้นอยู่ว่าเราอยากให้ความรักเราเปนในแบบไหน

เป็นอย่างไหน...

ส่วนฉันมันเปรียบเสมือนกับถนนที่ลาดด้วยยางมะตอย

เพราะมันคงทน และ ยาวนาน

แถมสองข้างทางของถนนยังมีทิวทัศน์ที่สวยงาม

สองข้างทางมันเปรียบเสมือนกับว่าเป็นเรื่องราวความรักของคนสองคน

มันสามารถที่จะเล่าเรื่องราวความรักของถนนแต่ละสายได้อย่างแจ่มแจ้ง

แม้สุดท้ายปลายทางของถนนเส้นนี้มันจะสิ้นสุดที่ไหนนั้น

เรื่องราวของถนนเส้นนี้ยังคงจะอยู่ไปตลอด

มันจุอยู่ในความทรงจำนี้ตลอดไป

เพราะความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม

แม้สุดท้ายปลายทาง

ทางมันจะขรุขระก้อตาม

ถนนแห่งความรักก้อยังคงเป็นถนนที่แสนจะทงทนในใจตลอดไป

อยากรู้ว่านิยามของแต่ละคนจะเป็นเช่นไร

ก้อแล้วแต่ความคิดของแต่ละคนว่านิยามความรักเป็นอะไร

ลองคิดเล่น ๆ สิ บางทีมันก้อเป็นเรื่องที่สนุกไปอีกแบบ
ความรักเหมือนดาวตก

การมองหาความรัก

ก็เหมือนกับการที่เราพยายามมองหาดาวตกถ้ายังไม่ถึงเวลาที่มันจะเกิดเราก็ไม่มีทางได้เจอ

ฉันเชื่อว่าบางสิ่งบางอย่าง เราก็ไม่ได้มันมาจากการ " ตามหา"

เหมือนกับดาวตก ที่ต่อให้แหงนหน้ามองหาจนคอแทบหัก

ถ้ายังไม่ถึงเวลาที่มันจะเกิด มันก็ไม่มีทางที่เราจะได้เห็น

และต่อให้เราพยายามมองดาวอังคารที่ส่องสว่างอยู่บนฟ้า

แล้วเฝ้าอธิษฐานให้มันตกลงมา

ถ้ามันไม่ใช่ดาวตก... ให้พยายามแค่ไหนมันก็ไม่ใช่

การมองหาความรักก็เหมือนกับการที่เราพยายามมองหาดาวตก

ถ้ายังไม่ถึงเวลาที่มันจะเกิดเราก็ไม่มีทางได้เจอ

แต่อย่าเพิ่งใจร้อนกับเรื่องของความรักเลยค่ะ

มันจะทำให้เราทุรนทุรายกับการใช้ชีวิตซะเปล่าๆ

บางที ...ตอนนี้คนๆ นั้นของเราอาจกำลังเดินเล่น

อยู่ตรงไหนสักส่วนของโลก หรืออาจอยู่ใกล้ๆ เราก็ได้

ระวังนะ... ยิ่งเราออกเดินทางตามหา

อาจกลายเป็นว่าเรายิ่งเดินห่างจากเขาไป

การเจอกันอาจช้ากว่าที่น่าจะเป็นซะอีก

อย่าน้อยเจอกันช้าก็ยังดีกว่าไม่เจอ

ทั้งหมดก็แค่ความรู้สึก ของใครคนนึงคือตัวเราเองในตอนนี้

ก า ร ร อ ค อ ย ...
เป็นเรื่องที่ทรมาน โดยเฉพาะการรอคอยที่จะกลับมาพบกัน หรือรอคอยใครสักคนที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน เพราะในเวลาแห่งการรอคอยนั้น มันมีมากกว่า 24 ชั่วโมงและเข็มนาฬิกาก็เดินช้าขึ้นอีกเป็นเท่าตัว...

จากเวลาที่นานอยู่แล้วจึงนานยิ่งกว่า และการดำเนินชีวิตระหว่างการรอนั้น ก็มีตัวแปรมากมายที่จะทำให้คนเปลี่ยนไปอยู่ทุกขณะ เพราะทุกคนมีพื้นฐานความเหงา และโดดเดี่ยวอยู่ในตัวเองพอๆกับความอ่อนไหวเป็นโอกาสที่ดีที่จะใช้ระยะทางเป็นเครื่องวัดความรู้สึกพิสูจน์ความแข็งแรงของความรัก วัดการกระทำ... ความเสมอต้นเสมอปลาย และความอดทน ด้วยเงื่อนไขของความลำบากแห่งกาลเวลา และตัดสินว่า...การรอคอยจะคุ้มค่าหรือไม่

ก า ร อ ยู่ ห่ า ง กั น...
จึงจำเป็นต้องพิสูจน์กันด้วยความเข้มแข็งต่างคนต่างก็ต้องทำหัวใจให้เข้มแข็งกับอารมณ์ต่างๆ ที่คอยรบกวนและคอยชักจูงออกนอกลู่นอกทาง เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่าย...ที่วันนึงเราพบว่า คนคนหนึ่ง...คือคนที่ชีวิตเราตามหามาตลอด และใครสักคนที่เป็นได้อย่างที่เราฝัน มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายและคนที่จะฝ่าฟันกับการบีบคั้นแห่งการรอคอยกลับมาหาเราได้ก็ไม่ใช่เรื่องธรรมดา...

เ พ ร า ะ ฉ ะ นั้ น...
ย่อมหมายถึง...ความรู้สึกที่เค้ามีอยู่ก็คงไม่ได้ธรรมดาและคนคนนั้นก็ย่อมเต็มค่าเวลาที่ชาวประมงจะเลี้ยงหอยมุก จะต้องใช้เวลาเนิ่นนานและสามารถรอคอยได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะเขารู้ว่า เมื่อไหร่ถึงเวลาที่มุกสามารถนำมาร้อยเป็นสร้อยได้ย่อมเกิดค่ามหาศาล ...ชีวิตจึงจำเป็นต้องรอคอยใครสักคนให้ได้

หากรู้ว่าเป็นใครสักคน ...ที่มีค่าแก่การรอคอย. "การรอคอยคือความเจ็บปวด เป็นความเจ็บปวดที่รวดร้าวที่สุด! แต่...ถึงอย่างไรก็ต้องคอย... คอยเพื่อให้ถึงวันที่จะไม่ต้องคอย"


ขอบคุณบทความจาก ลิซ่า
ประเพณีการสลักชื่อและข้อความบนหินในสุสาน (epitaph) ของชาวตะวันตกก็มีข้อควรให้ครุ่นคิด epitaph เป็นคำกรีก แปลตรงตัวว่า 'บนหินหลุมศพ' อาจเป็นข้อความ บทกวี อาจบอกที่มาของชาติตระกูล หรือบอกความรู้สึกของญาติมิตร ด้วยคำตั้งแต่แบบเคร่งขรึม เศร้าสร้อย เปี่ยมด้วยความรักอาลัย ไปจนถึงแบบเจืออารมณ์ขัน ส่วนใหญ่เขียนมีสัมผัสนอกแบบบทกวี

บางป้ายบอกสาเหตุความตาย เช่นหลุมศพของ แอนนา โฮปเวลล์ ผู้จากไปเพราะเปลือกกล้วย :

Here lies the body of our Anna
Done to death by a banana
It wasn't the fruit that laid her low
But the skin of the thing that made her go.




หรือชายชาวนิวยอร์กผู้ตายเพราะก้างปลาติดคอ :

He got a fish-bone in his throat
and then he sang an angel note.

หรือชายผู้ขับรถไม่ดีนัก :

Here lies the body
of Jonathan Blake.
Stepped on the gas
Instead of the brake.

(ที่นี่ฝังร่างของ จอนาธาน เบลก ผู้เสือ กเหยียบคันเร่ง แทนที่จะเหยียบเบรก)


จำนวนไม่น้อยมีอารมณ์ขันแม้กับความตาย เช่น ที่ฝังศพของผู้หญิงชาวเมือง โคโลราโด สปริงส์ คนหนึ่งซึ่งแต่งงานกับชาวเท็กซัส เห็นชัดว่านางรักสามีผู้ถูกฝังในเท็กซัสเพียงไร!

I wouldr ather be here
than in Texas.

(ฉันยอมอยู่ที่นี่ดีกว่าในเท็กซัส)



หรือป้ายศพของหมอฟันคนหนึ่งนาม บราวน์ :


Stranger tread
This ground with gravity.
Dentist Brown
Is filling his last cavity.

(filling his last cavity เป็นการเล่นคำ ซึ่งอาจแปลว่าการอุดฟันผุครั้งสุดท้ายหรือการอุดพื้นที่ว่างคือหลุมศพ!)




บ้างก็มีลักษณะของความขัดแย้งแบบขำเศร้าๆ :

Here lies the body
of John Round.
Lost at sea
and never found.
(ที่นี่ฝังร่างของ จอห์น ราวน์ด สูญหายในทะเลและไม่พบศพ)

หรือชายลูกดกคนหนึ่งแห่งเมืองจอร์เจีย :


Here lies the father of 29.
He would have had more
But he didn't have time.
(ที่นี่ฝังร่างของพ่อซึ่งมีลูก 29 หน่อ เขาอยากมีลูกมากกว่านี้ แต่มีเวลาไม่พอ!)

ป้ายฝังศพของฝรั่งส่วนใหญ่ก็มีค่านิยมคล้ายบ้านเราคือไม่นิยมจารึกเรื่องไม่ดีของคนที่ตายไปแล้ว ต่างกันที่ว่าชาวตะวันตกไม่เคยลืมเรื่องที่ใครคนหนึ่งทำไม่ดีต่อพวกเขาหรือสังคมง่ายๆ เหมือนคนไทย



เคยถามตัวเองไหมว่า อยากให้คนอื่นจดจำคุณอย่างไร หลังจากคุณจากโลกนี้ไป?


ชีวิตเป็นของไม่จีรัง เช่นเดียวกับชื่อเสียง ทรัพย์สินเงินทอง ข้อแตกต่างเดียวที่มนุษย์แต่ละคนสร้างก็คือการกระทำ บทกวีพระนิพนธ์ของกรมพระปรมานุชิตชิโนรสบทนี้เป็นตำราเรียนที่เด็กยุคผมท่องจำจนขึ้นใจ ความหมายของมันเป็นสัจธรรม

พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง
โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี
นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์
สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา

แปลว่า สัตว์พวกวัวควายช้าง เมื่อตายไปก็ทิ้งเขางาทั้งคู่ไว้ ส่วนร่างกายคนเรานั้นสลายไปสิ้น เหลือแต่ความดีความชั่วที่ทำไว้เท่านั้น

ประวัติศาสตร์ตลอดอารยธรรมของมนุษยชาติบันทึกตัวอย่างต่างๆ ของ 'สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา' ผ่านไปหนึ่งวันหลังคุณตาย มีคนร้องไห้เพื่อคุณ ผ่านไปสิบปีหลังคุณตาย อาจมีคนพูดถึงคุณนานๆ ครั้ง ผ่านไปยี่สิบปี สามสิบปี อาจไม่มีใครจดจำคุณได้ ต่อให้คนที่มีชื่อเสียงมาก ผ่านไปสักร้อยสองร้อยปี ก็ไม่ค่อยมีคนพูดถึงแล้ว ยกเว้นบุคคลพิเศษจริงๆ ที่ชาวโลกยังกล่าวขวัญถึงหลังจากตายไปแล้วสองสามพันปี เช่นบุคคลอย่าง โซเครติส พระพุทธเจ้า พระเยซู ฯลฯ

เราอาจไม่ต้องทำความดีสูงส่งในระดับพระพุทธเจ้า แต่หากในช่วงชีวิต 60-70 ปี เราสามารถกระทำเรื่องเล็กๆ สักเรื่องสองเรื่องซึ่งก่อนตายเราสามารถระลึกถึงด้วยความรู้สึกที่ดีว่า เป็นการกระทำที่ทำให้ไม่เสียเวลาที่อยู่ในโลกนี้โดยสิ้นเชิง ก็นับว่าเป็นชีวิตที่ควรค่ากับการเกิดมา


วินทร์ เลียววาริณ
12 ธันวาคม 2552


คมคำคนคม

On the plus side, death is one of the few things that can be done just as easily lying down.

มองในด้านบวก ความตายเป็นหนึ่งในน้อยเรื่องซึ่งสามารถทำได้เพียงแค่นอนลงง่ายๆ

Woody Allen วูดดี อัลเลน
นักแสดง ดาวตลกชาวอเมริกัน
ปราชญ์กรีก อาร์คิมิดิส กล่าวว่า "มอบไม้คานที่ยาวพอและจุดศูนย์กลางรองรับน้ำหนัก ข้าพเจ้าจะงัดโลกใบนี้ให้ท่านดู"

อาร์คิมิดิสไม่ได้พูดเล่นๆ โดยทฤษฎี การงัดโลกทั้งใบทำได้แน่นอน

แต่ในการใช้ชีวิต หลายคนแก้ปัญหาแบบ 'งัดโลกทั้งใบ' จริงๆ

ปัญหาเดียวกัน บางคนมองเป็นปัญหาเล็ก บางคนมองเป็นปัญหาใหญ่ บางคนแบกโลกทั้งใบบนบ่า

เช่นเดียวกับหลักของอาร์คิมิดิส ทุกปัญหาสามารถถูกงัดกระเด็นให้พ้นทางไปได้เสมอ หากใช้สติปัญญาสร้าง 'ไม้คาน' นั้นขึ้นมา

เราแบกเรือไม้เล็กๆ ลำหนึ่งไม่ไหว แต่ท้องทะเลสามารถแบกรับเรือเหล็กใหญ่โตเท่าตึกได้อย่างสบาย

ทุกปัญหาในโลกก็เช่นกัน มักเกินกำลังเมื่อเราแบกรับมันด้วยตัวคนเดียว แต่เมื่อมีพ่อแม่ พี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ ครู ช่วยกันแก้ไข ปัญหานั้นก็ดูไม่หนักหน่วงเท่าที่เห็น

อย่างน้อยที่สุด กำลังใจที่จะร่วมต้านปัญหาด้วยกันก็อาจช่วยทำให้ปัญหานั้นไม่หนักเท่าที่มันดูจะเป็น

หลายคนมีปัญหาอกหัก การงาน ฯลฯ แล้วเก็บไว้คนเดียว ไม่บอกใคร เพราะไม่อยากให้คนอื่นไม่สบายใจไปด้วย

แต่เพื่อนมีไว้เพื่อปรับทุกข์ ไม่เช่นนั้นมีเพื่อนไว้ทำไม

ในฐานะเพื่อนจึงต้องทำหน้าที่สังเกตเพื่อนด้วยว่า สีหน้าเขาหรือเธอไม่ดีหรือไม่ ไม่พูดไม่จาหรือไม่ เป็นต้น แล้วเสนอตัวช่วย เป็นส่วนหนึ่งของ 'ไม้คาน' นั้น

บางครั้งการถามประโยคเดียวว่า "ไม่สบายหรือเปล่า?" หรือ "สู้นะ" ก็ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้นมาทันที ช่วยกันเป็น 'ไม้คาน' ให้กันและกัน และกำลังใจเช่นนี้แหละที่งัดปัญหาที่ใหญ่เท่าโลกมามากต่อมากแล้ว

สิ่งที่ต้องเตรียม
เนื้อกุ้งบด
ต้นกระเทียมสับหยาบ
เห็ดฟางสับละเอียด
ใบไทม์สดสับ
เนื้อมะขามเทศหั่นละเอียด
ไข่ไก่ตีพอแตก
แป้งมัน
น้ำมันถั่วเหลือง
แป้งสาลีอเนกประสงค์สำหรับคลุก,
น้ำปาล์มสำหรับทอด
เส้นพาสต้าต้มสุก
ส่วนผสมซอสมะเขือเทศสำหรับราดหน้า,
ใบไทม์สด สำหรับแต่ง
450 กรัม
10 กรัม
115 กรัม
1 ช้อนโต๊ะ
1 ช้อนโต๊ะ
1 ฟอง
2 ช้อนโต๊ะ
1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
- ผสมเนื้อกุ้งบดกับต้นกระเทียม เห็ดฟาง ใบไทม์สด เนื้อมะเขือเทศ ไข่ไก่ แป้งมันและน้ำมัน
ถั่วเหลืองเข้าด้วยกัน นวดผสมจนเข้ากันดี ปั้นเป็นก้อนกลม คลุกแป้งสาลีอเนกประสงค์ แล้วทอดใน
น้ำมันปาล์ม จนสุกเหลือง ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน
- เคี่ยวส่วนผสมซอสมะเขือเทศกับลูกชิ้นกุ้งเข้าด้วยกัน ปิดฝา เคี่ยวนานประมาณ 1 ชั่วโมง
จนกระทั่งสุกนุ่ม จึงยกลง
- จัดเส้นพาสต้าใส่จาน ราดด้วยส่วนผสมมีทบอลกุ้ง แต่งด้วยใบไทม์สด พร้อมรับประทาน
สิ่งที่ต้องเตรียม (ส่วนผสมซอสมะเขือเทศ)
หอมหัวใหญ่สับละเอียด
ขึ้นฉ่ายฝรั่ง
มะเขือเทศสุกปอกเปลือก
ไม่เอาเม็ด
เนื้อมะเขือเทศบด
เกลือป่น,พริกไทยป่น อย่างละ
แครอทสับละเอียด
กระเทียมสับ
ไวน์ขาว
น้ำซุปไก่
ใบโหระพาสดสับ

100 กรัม
10 กรัม
675 กรัม

1 ช้อนโต๊ะ
1/4 ช้อนชา
200 กรัม
10 กรัม
150 กรัม
150 กรัม
1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
- ผสมส่วนผสมซอสทั้งหมดเขาด้วยกัน นำขึ้นตั้งไฟพอเดือด ชิมรสตามชอบ เคี่ยวต่อนาน
ประมาณ 15 นาที หรือจนกระทั่งซอสข้น เตรียมไว้

จะทานอาหารให้ได้ทั้งความอร่อย และประโยชน์จะต้องมีสารอาหารครบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผักต่างๆ เมนูสลัดไก่อบกระเทียมพริกไทยดำ จะช่วยเติมเต็มความอร่อยพร้อมประโยชน์ต่อสุขภาพ เอาหละมาดูวิธีทำกันเลย

ส่วนผสม



ไก่อบพริกไทยดำ 8 ชิ้น
น้ำสลัดอิตาเลียน 3 ช้อนโต๊ะ
มะเขือเทศราชินี 4 ลูก
เห็ดเข็มทอง 100 กรัม
ผักโอ๊ค 5 ใบ
ผักกาดแก้ว 5 ใบ

วิธีทำ

เจาะรูประมาณ 3–4 รู ที่แผ่นฟิล์ม ใส่ในไมโครเวฟ อุณหภูมิความร้อน 1300 วัตต์ ประมาณ 1 นาที หรือ อุณหภูมิความร้อน 800 วัตต์ ประมาณ 2 นาที
จัดเรียงผักกาดแก้ว ผักโอ๊ค มะเขือเทศราชินี และไก่อบกระเทียมพริกไทยดำในจานเสิร์ฟ
ราดด้วยน้ำสลัดอิตาเลียน
ตกแต่งด้วยเห็ดเข็มทอง
ส่วนผสม
นมสด UHT 500 กรัม
วิปปิ้งครีม 500 กรัม
น้ำตาลทราย (1) 150 กรัม
เจลาตินผง 25 กรัม
น้ำร้อน 50 กรัม
สีผสมอาหาร สีเหลืองไข่ 1/8 กรัม
เนื้อมะม่วงสุก (1 ) 300 กรัม
น้ำตาลทราย ( 2 ) 40 กรัม
เนื้อมะม่วงสุก ( 2 ) หั่นสี่เหลี่ยมเล็ก 200 กรัม

วิธีทำ
1. ละลายเจลาตินกันน้ำร้อน พักไว้
2. ผสมน้ำตาลทราย (2) กับเนื้อมะม่วงสุก (1)
3. นำไปบดให้ละเอียด นำขึ้นตั้งไฟพอเดือด เตรียมไว้
4. ผสมนมสด วิปปิ้งครีม น้ำตาลทราย (1) ใส่ภาชนะ นำตั้งไฟอ่อนๆ คนผสมจนน้ำตาลทรายละลายดี
5. เติมส่วนผสมเจลาตินต้มจนเดือด ใส่ส่วนผสมมะม่วงคนผสมให้เข้ากัน เติมสีผสมอาหาร ตักใส่พิมพ์นำเข้าตู้เย็นจนกระทั่งพุดดิ้ง จับตัวรูปทรงได้ดี ยกเสิร์ฟ

ส่วนผสม
เนื้อไก่สับ 250 กรัม
มันฝรั่งต้มสุกบดละเอียด 500 กรัม
หอมใหญ่สับ 3 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา

ไข่ไก่ (เฉพาะไข่แดง) 1 ฟอง
เนยสด 3 ช้อนโต๊ะ
แป้งสาลี 2 ช้อนโต๊ะ
เกล็ดขนมปังป่น 100 กรัม
มอซซาเรลลาชีสและแฮมก้อน (ใส่ไส้)

วิธีทำ
1. ผสมมันฝรั่งบด ไก่สับ หอมใหญ่ เกลือป่น พริกไทยป่น ไข่แดง แป้งสาลี เนยสด ผสมให้เข้ากัน
2. นำส่วนผสมในข้อที่ 1 ปั้นใส่ไส้มอซซาเรลลาชีสและแฮมเป็นก้อนสี่เหลี่ยมขนาดประมาณ 1/2 นิ้ว แล้วคลึงเป็นก้อนกลม คลุกลงในเกล็ดขนมปังป่นให้ทั่ว
3. ตั้งน้ำมันให้ร้อน ใช้ไฟปานกลาง นำโครเกต์ที่ปั้นไว้ลงทอดให้สุกเหลือง

ส่วนผสมซอสขาว
นมสด 4 ถ้วย
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
แป้งสาลี 3 ช้อนโต๊ะ
เนยสด 1/4 ถ้วย

วิธีทำ
นำเนยสดผัดกับแป้งสาลี พอแป้งเข้ากันใส่นมสด ปรุงรสด้วยเกลือป่น คนให้เข้ากัน เสิร์ฟพร้อมโครเกต์
ส่วนผสม

น้ำสต็อกปลา 4 1/2 ถ้วย
ตะไคร้บุบ 2-3 ต้น
ข่าบุบ 4-5 แว่น
ขมิ้นบุบ 1 แง่งเล็ก
ใบมะกรูด 2-3 ใบ
กุ้งตัวเล็ก 1/2 ถ้วย
ปลาหมึก หั่นเป็นเส้น 1/2 ถ้วย
เกลือ สำหรับปรุงรส
น้ำมะนาว ตามชอบ
ผักชี สำหรับตกแต่ง
วิธีทำ

ตั้งน้ำสต็อกปลาจนเดือดใส่ตะไคร้ ข่า ขมิ้น ใบมะกรูด ลงต้มใช้ไฟปานกลางนานประมาณ 3 นาที หรือจนกระทั่งมีกลิ่นหอมและขมิ้นออกสี จนได้สีเหลืองตามชอบ
กรองน้ำสต็อกนำมาตั้งไฟให้เดือดอีกครั้ง ใส่กุ้ง ปลาหมึก รอจนสุกปรุงรสด้วยเกลือ ตักใส่ถ้วยซุปเมื่อจะกินบีบมะนาวเล็กน้อย ตกแต่งด้วยผักชี ใบมะกรูด
Tips

ถ้าชอบรสเผ็ดเติมพริกขี้หนูได้ตามชอบ แต่ไม่ควรให้รสเผ็ดมาก
ส่วนผสม

ปลาหมึกกล้วย ประมาณ 3 ตัว
น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือ พริกไทย เล็กน้อย
พริกหวาน พันธุ์ออร่า หั่นเต๋าจิ๋ว 1/2 ถ้วย
หอมเล็ก ซอยบาง 1/4 ถ้วย
ตะไคร้ซอย 1/4 ถ้วย
ใบมะกรูดซอย 2 ช้อนโต๊ะ
ผักสลัดตามชอบ
น้ำสลัดกลิ่นตะไคร้
วิธีทำ

หมักปลาหมึกกับน้ำมันมะกอก เกลือ พริกไทย ไว้สักครู่ นำไปย่างไฟจนกระทั่งสุก
จัดผักสลัดใส่จาน หั่นปลาหมึกเป็นวง วางบนผักสลัดให้สวยงาม (จะเสิร์ฟทั้งตัวก็ได้ถ้าตัวเล็ก) โรยพริกหวาน หอมเล็ก ตะไคร้ ใบมะกรูด และราดด้วยน้ำสลัดตะไคร้ คลุกให้เข้ากันก่อนเสิร์ฟ
Tips

พริกหวานพันธุ์ออร่า เป็นพริกหวานเม็ดเล็กและเรียวกว่าพริกหวานปกติดูคล้ายพริกหยวก รสเผ็ดกว่าเล็กน้อย ถ้าไม่มีสามารถใช้พริกหวานธรรมดาแทนได้ มีขายที่ซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วไป เช่น ท๊อปส์ วิลล่า ฟู้ดแลนด์ เดอะมอลล์ เป็นต้น
น้ำสลัดกลิ่นตะไคร้

ส่วนผสม

น้ำมันมะกอกกลิ่นตะไคร้ 1/4 ถ้วย
น้ำมะนาว 2 1/2 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1/4 ช้อนชา
พริกไทยดำป่น เล็กน้อย
วิธีทำ

ผสมส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันชิมรสให้ออกเปรี้ยวนำ นำมาราดบนสลัดที่เตรียมไว้


น้ำมันมะกอกกลิ่นตะไคร้

ส่วนผสม

น้ำมันมะกอก 1 ถ้วย
ตะไคร้บุบ 2 ต้น
วิธีทำ

นำน้ำมันมะกอกตั้งไฟให้พอร้อนเทใส่ในตะไคร้(ให้น้ำมันท่วมตะไคร้) พอเย็นปิดฝาไว้อย่างน้อย 1 วัน เมื่อจะใช้จึงกรองเฉพาะน้ำมันมาทำน้ำสลัด


Tips

แช่ตะไคร้ในน้ำมันใส่ขวดโหลปิดฝาไว้จะทำให้กลิ่นหอมขึ้น เก็บในอุณหภูมิปกติได้นานประมาณ 2 อาทิตย์ แต่ต้องให้น้ำมันท่วมตะไคร้เพื่อไม่ให้น้ำมันเสีย
ส่วนผสม

ข้าวสวย 2 ถ้วย
เนื้ออกหั่น 250 กรัม
แครอท (หั่นสี่เหลี่ยมเล็ก) 1 ถ้วย
กระเทียมสับ 1/2 ถ้วย
ไข่ไก่ 4 ฟอง
พริกไทยป่นขาว 2 ช้อนชา
ซอสคิกโคแมน 1/2 ถ้วย
น้ำตาล 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 1/2 ถ้วย
วิธีทำ

ตั้งกระทะให้ร้อนจัด แล้วใส่น้ำมันลงไป
ใส่กระเทียบสับเจียวให้หอม ใส่ไข่ไก่คนให้กระจายพอให้สุกดีแล้ว จากนั้นใส่แครอท ใส่อกไก่ พอไก่สุกได้ที่ นำข้าวลงไปผัดให้เข้ากัน
ปรุงรสด้วยน้ำตาล, ซอสคิกโคแมน, พริกไทย และใส่ต้นหอมซอยคนให้ทั่ว
ส่วนผสม แกงจืดลูกรอก

ไข่ลูกรอก 250 กรัม
หมูสับ 100 กรัม
แครอทหั่น 50 กรัม
เห็ดหอม 3 ดอก
น้ำซุปกระดูก 3 ถ้วย
น้ำปลา 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
ขึ้นฉ่าย สำหรับโรยหน้า

วิธีทำ แกงจืดลูกรอก

1. หั่นไข่ลูกรอกเป็นชิ้น ให้มีขนาดพอดีคำ ไม่ใหญ่ หรือเล็กเกินไป
2. ต้มน้ำซุปกระดูกให้เดือด ใส่หมูสับ และไข่ลูกรอก ต้มทิ้งไว้ประมาณ 3 นาที
3. ใส่เห็ดหอม แครอท และปรุงรสด้วยน้ำปลา ซีอิ้วขาว คนให้เข้ากัน โรยขึ้นฉ่าย เปิดไฟแรงคนให้เข้ากัน พอเดือดก็ปิดไป แล้วยกลง



hilunch

ส่วนผสมตัวแป้ง

แป้งข้าวจ้าวอย่างดีชนิดผง 1 ถ้วย
น้ำตาลทราย 2 1/2 ถ้วย
น้ำดอกไม้สด 3 ถ้วย
แฟงจีนหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆ 1/2 ถ้วย
เผือกต้มหั่นสี่เหลี่ยมเล็ก 1/2 ถ้วย
ส่วนผสมหน้าตะโก้

แป้งข้าวจ้าวอย่างดี 1/2 ถ้วย
เกลือป่น 2 ช้อนชา
มะพร้าวขูดขาว 1 กิโลกรัม คั้นด้วยน้ำดอกไม้สดให้ได้กะทิข้นๆ 4 ถ้วย
วิธีทำตัวแป้ง

นำแป้งข้าวจ้าว น้ำตาลทราย และน้ำดอกไม้สด ใส่หม้อตั้งไฟ กวนแป้งให้สุก และเข้ากัน ประมาณ 15–20 นาที ใส่แฟงหรือเม็ดบัว ข้าวโพด เผือกตามใจชอบ
ตักใส่กระทงใบตองเล็กๆ หรือจะใช้ใบเตยทำก็ได้ ประมาณครึ่งกระทง
วิธีทำหน้าตะโก้

นำแป้งข้าวจ้าว เกลือป่น กะทิ ตั้งไฟ พอเดือดยกลง ตักใส่ตัวแป้งให้เต็ม ทิ้งไว้ให้เย็น


ที่มา

hilunch
ส่วนผสม

มะกะโรนี (ริกาโตนี) 2 ถ้วย
ปลากะพง ปลาเก๋า หรือปลาแซลมอน
หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม 200 กรัม
น้ำมันมะกอกสำหรับทอดปลา และผัดประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูสับละเอียด 2 เม็ด
กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าใหญ่ 2 ช้อนโต๊ะ
เม็ดพริกไทยสดทั้งเม็ด และหั่นเป็นท่อนสั้นประมาณ 3 ช่อ
ใบโหะระพา 1/4 ถ้วย
น้ำปลา 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล 2 ช้อนชา
วิธีทำ

ต้มริกาโตนีให้สุก เหนียว นุ่ม (อ่านคำแนะนำจากข้างซอง) พักไว้
ตั้งกระทะใส่น้ำมันเล็กน้อยพอร้อน นำปลาลงนาบให้พอสุก ตักขึ้นพักไว้
ใส่กระเทียม พริกสับละเอียด กระเทียมชิ้นใหญ่ และเม็ดพริกไทย ลงผัดจนมีกลิ่นหอม ใส่ริกาโตนีที่ต้มสุกแล้วลงผัดให้เข้ากัน (อาจเติมน้ำสะอาดได้นิดหน่อย)
ใส่ปลาที่ทอดแล้วลงไป ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล ผัดให้เข้ากันอย่างรวดเร็ว แต่เบามือ ใส่ใบโหระพา ผัดให้สุกสักครู่ แล้วตักขึ้นทันที





นิตยสาร Health & Cuisine

หอยใหญ่ๆ มาแล้วจ้า… เมนูอร่อยวันนี้ขอเสนอ หอยลายผัดพริกเผา จานด่วนด้วยไมโครเวฟ ใครชอบทานหอยลายงานนี้พลาดไม่ได้อย่างแน่นอน อย่าลืมใช้หอยตัวโตๆ น้ำพริกเผาของดีๆ อย่างแม่ประนอมรับรองว่าอร่อย



ส่วนผสม

หอยลายสดตัวใหญ่ 500 กรัม
น้ำพริกเผา 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียม (สับละเอียด) 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
นมสด 1 ช้อนโต๊ะ
พริกชี้ฟ้าเหลือง-แดง 2 เม็ด
(หั่นแฉลบ)
ใบโหระพา 1/2 ถ้วยตวง



วิธีทำ

1. ล้างหอยลายให้สะอาด พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
2. ใส่น้ำมันพืชและกระเทียมสับลงในภาชนะ คนให้เข้ากัน ไม่ปิดฝาภาชนะ นำเข้าเตาไมโครเวฟ ใช้เวลาประมาณ 2–3 นาที ระดับความร้อน HIGH (เปิดคนทุก 2 นาที)
3. ใส่น้ำพริกเผาคนให้เข้ากัน ไม่ปิดฝาภาชนะ นำเข้าเตาไมโครเวฟ ใช้เวลาประมาณ 1 นาที ระดับความร้อน HIGH
4. ใส่หอยลาย น้ำปลา และนมสดคนให้เข้ากัน ปิดฝาภาชนะ นำเข้าเตาไมโครเวฟ ใช้เวลาประมาณ 4 นาที ระดับความร้อน HIGH (เปิดคนทุก 2 นาที) หมดเวลานำออกมาใส่พริกชี้ฟ้าเหลือง-แดง และใส่ใบโหระพาคนให้เข้ากัน ปิดฝาภาชนะ นำเข้าเตาไมโครเวฟ ใช้เวลาประมาณ 30 วินาที ระดับความร้อน HIGH ตักเสิร์ฟร้อนๆ พร้อมข้าวสวย




ที่มา
hilunch

ส่วนผสมหอยทอด

หอยแมลงภู่ 10 – 15 ตัว
ไข่ไก่ 1 ฟอง
แป้งมัน 2 ช้อนโต๊ะ
แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปูนใส 1 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล 1/2 ช้อนชา
ซิอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
ถั่วงอก 1/2 ถ้วยตวง
พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
ต้นหอมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช
ผักชี (สำหรับแต่งอาหาร)
ส่วนผสมน้ำจิ้ม

ซอสพริก 1/4 ถ้วยตวง, น้ำตาล 1/2 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1/4 ช้อนชา, น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำหอยทอด

ล้างหอยแมลงภู่ในน้ำสะอาด จากนั้นนำไปลวกในน้ำเดือดจนเกือบสุก จึงนำออกมาสะเด็ดน้ำ แกะเปลือกออกเตรียมไว้
ในชามขนาดกลาง, ผสมแป้งมัน, แป้งข้าวเจ้า, น้ำปูนใสและน้ำเปล่าเข้าด้วยกัน คนจนส่วนผสมทั้งหมดละลายและเข้ากันเป็นเนื้อเดียว
ตั้งน้ำมันในกระทะบนไฟร้อนปานกลาง จากนั้นเทน้ำแป้งลงในกระทะและใส่หอยแมลงภู่ลงไป อย่าคนหรือพยายามกลับหน้าจนกว่าจะเกือบสุก
ใส่ไข่ไก่ลงไปบนแป้งในกระทะ ทอดจนเหลืองกรอบจึงกลับหน้าไปทอดอีกข้าง เมื่อสุกทั่วแล้วจึงปิดไฟ และตักใส่จานเสริฟ
ตั้งน้ำมันในกระทะบนไฟร้อนปานกลาง ใส่กระเทียมและผัดจนหอม จากนั้นจึงใส่ถั่วงอก, ต้นหอม, ซิอิ๊วและน้ำตาลลงไป ผัดจนส่วนผสมเข้ากันและสุกทั่ว จึงตักใส่จานเสริฟ (ข้างหอยทอดที่จัดเตรียมไว้ก่อนแล้วในขั้นตอนที่ 4)
เหยาะพริกไทยลงไปนิดหน่อยและแต่งหน้าด้วยผักชี เสริฟทันทีขณะยังร้อนพร้อมน้ำจิ้มที่เตรียมไว้
วิธีการทำน้ำจิ้ม

ผสมเครื่องปรุงน้ำจิ้มในหม้อเล็กๆ และนำไปตั้งบนไฟอ่อนๆจนเดือด จากนั้นจึงตักใส่ถ้วยน้ำจิ้มเตรียมไว้




บทความจาก : ezythaicooking.com

ส่วนผสม ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่

ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ 1/2 กิโลกรัม
เนื้อไก่หั่น 1/2 ถ้วยตวง
แครอท (จักเป็นเส้นยาวๆ) 1/4 ถ้วยตวง
กะหล่ำ (หั่นเป็นชิ้นพอคำ) 1 ถ้วย
เห็ดฟางผ่าครึ่งดอก 1/2 ถ้วย
ข้าวโพดอ่อน 5–6 ฝัก
ไข่ไก่ 2 ฟอง
กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 1/2 ถ้วยตวง
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
พริกดองน้ำส้มเล็กเน้อย
ผักกาดหอม 1 ต้น
วิธีทำ ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่

ตั้งกระทะใส่น้ำมันพอร้อน ใส่กระเทียมสับลงผัดพอเหลืง
ใส่เนื้อไก่ แครอท ข้าวโพดอ่อน ดอกกะหล่ำ พอเนื้อไก่สุกใส่เส้นก๋วยเตี๋ยว ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลทราย ซอสปรุงรส ต่อยไข่ ใส่เคล้ากับเส้น ผัดให้เข้ากัน
พอไข่สุก โรยพริกไทยป่น ตักใส่จานที่รองด้วยผักกาดหอม รับประทานกับน้ำส้มพริกดอง ปรุงรสเพิ่มเติมตามใจชอบ
นอกจากตัวน้ำพริกแกง ที่มีความสำคัญแล้ว ขั้นตอนการปรุง และสัดส่วน ระหว่างน้ำแกงกับผัก ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ในอันที่จะทำให้แกงส้มได้อร่อย เริ่มตั้งแต่ตั้งน้ำในหม้อ ต้องให้น้ำเดือดก่อนถึงใส่พริกแกง (น้ำแกงจะได้หอม) หลังจากใส่น้ำพริกแกง ลงไปแล้วให้ใช้ไฟกลาง ให้น้ำพริกแกงเดือดสักครู่ใหญ่ ถ้ารีบใส่ผักกับเครื่องอื่น ๆ ลงไป จะได้แกงส้มที่มี รสเผ็ดแบบแผด ๆ ไม่กลมกล่อม

หลังจากเคี่ยวน้ำพริกแกงสักครู่แล้ว จึงใส่ผักลงต้มจนผักสุกนุ่ม จึงใส่เนื้อปลาหรือกุ้ง ยกเว้น กรณีแกงส้มผักกระเฉด ให้ใส่ปลาปรุงรส รอจนน้ำเดือด จึงใส่ผักกระเฉดเป็นอันดับสุดท้าย แล้วปิดเตาทันที เพราะผักกระเฉด หากถูกความร้อนนานจะเหนียว ทานไม่อร่อย


แกงส้มปลา ความใช้ปลาที่สดใหม่ ยังไม่แช่เย็น จะได้เนื้อปลาที่นุ่ม อร่อย ไม่ยุ่ย ถ้ากลัวว่าแกงแล้วจะคาว ให้นำปลาหั่นเป็นชิ้นตามต้องการ นำไปลวกครั้งหนึ่งก่อน แล้วค่อยนำไปแกง แต่ถ้าปลาไม่ค่อยสด หรือเป็นปลาแช่เย็น แนะนำให้นำไปทอดก่อน ให้พอเหลือง แล้วค่อยนำมาแกงจะดีกว่า


เคล็ดลับสุดยอด ถ้าอยากได้แกงส้มที่มีน้ำเข้มข้น ให้ผสมเนื้อปลา ลงในน้ำพริกแกงก่อนนำไปแกง มีวิธีการตามนี้นะคะ นำเนื้อปลาที่จะใช้ แบ่งออกมาเล็กน้อย นำไปต้มจนสุก จากนั้นแยกก้างออก นำไปโขลกในครกให้เนื้อปลาแตก จากนั้น ใส่น้ำพริกแกงส้ม ที่เตรียมไว้ลงไปโขลกรวม แล้วจึงนำไปแกง ตามขั้นตอนปรกติ จะได้น้ำแกง ของแกงสัมที่เข้มข้นขึ้น



จากไทยฟู้ด

รวมสาวสวยมากมาย

ข้อมูลนก

ปลาสวยงาม-ตู้ปลาสวยงาม-ข้อมูลปลาทะเล

อาหารสมอง-วาไรตี้

เรื่องขำขัน

สูตรอาหาร-อาหารน่ากิน-ขนมหวานน่าอร่อย

ภาพปริศนา