google search

Google

สามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่นี่เลย

clock

ปฏิทิน

Blog Archive

เทคโนโลยีทันสมัย

ภาพถ่ายนักเรียนน่ารักๆ-วัยรุ่น-นักศึกษา-นางแบบ-ดารา

สาวสวยเซ็กซี่-สาวน่ารัก

วิทยาศาสตร์

รูปแปลก-ภาพแปลก-ภาพขำขำ

เรื่องน่ารู้ทั่วไป

สัตว์บก-สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ -สัตว์น้ำ -สัตว์ปีก -สัตว์เลื้อยคลาน -สัตว์ในวรรณคดี

BlogRoll

7 สิ่งมหัศจรรย์ยุคกลาง

7 สิ่งมหัศจรรย์ยุคปัจจุบัน

จระเข้ประหลาดในยุคครีเตรเซียส

Miami : สวรรค์...หรือดินแดนอาชญากรรม

ไขปริศนาปลาพญานาค

7 สิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ

การกลับมาของ "อเล็กเซย์" เมื่อราชวงศ์โรมานอฟได้คืนชีพ ?!

ปลาหมึกยักษ์ อสูรร้ายใต้สมุทร

แกะปมปริศนาลำแสงมรณะของอาร์คิมิดีส

ความเชื่อในสิ่งลึกลับ : หมอผีวูดู

นอสตราดามุส ผู้หยั่งรู้ฟ้าดิน

The Witch Hunts : การล่าแม่มด

ตำนานแม่มดแห่งเมือง Blair

flag

free counters

เรียวมะ ซาคาโมโต : บุรุษทรนง

ยอดชู้รักแห่งประวัติศาสตร์

ตำนานมนุษย์หมาป่า

สยามประเทศ ก่อนปรากฏบนแผนที่โลก

การกลับมาของโรคระบาด

ตามหา"ไอ้ตีนโต" มนุษย์วานรดึกดำบรรพ์

มหันตภัยธรรมชาติในอนาคต

มังกรมีจริงหรือเพียงแค่ตำนาน ?

สูตรลึกลับของเครื่องดื่ม โคคา-โคล่า

ปริศนารูปถ่ายของยูนิคอร์น

ภาพถ่ายวิญญาณจากต่างแดน

ภาพถ่ายวิญญาณ (ภาค2)

ภาพถ่ายศพนางเงือก

ปริศนาสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า

ภาพถ่ายวิญญาณ

เรื่องสยองที่ abac

ภาพถ่ายวิญญาณของไทย

ผีในการท่องเที่ยว

ซุปเด็กสุดสยอง

สิ่งก่อสร้างที่น่ามหัศจรรย์ของโลก

ตัวอะไรเนี่ย

photo หน้า...น่าเกลียด

15 โรงแรมแปลก แหวกแนวสุดยอด

''โคลอสเซียม'' : สังเวียนแห่งความตาย

1 วัน ไม่ได้มี 24 ชั่วโมง ( A day is 23 hours 56 minutes 4 seconds )

"นาซ่า"มั่นใจดาวอังคาร เคยมีน้ำ-เดินหน้าหาสิ่งมีชีวิต

ว่าด้วยเรื่องแปลกๆ ของไก่

เปิดตำนานกรุสมบัติวัดราชบูรณะ

อาถรรพณ์ปูโสม : วิญญาณเฝ้าทรัพย์

นักเล่านิทานบันลือโลก

มัมมี่แห่งศตวรรษที่ 21

ไดโนเสาร์สูญพันธุ์เพราะเหตุใด ?

ผู้ติดตาม

friend

วันพฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2553
เกือบ 6 โมงเย็นเท่านั้นแต่ผืนฟ้าเหนือช่องแคบเลมเบห์ หมู่เกาะมานาโด ประเทศอินโดนีเซียเริ่มถูกความมืดห่มคลุม ด้วยเวลาที่นั่นเร็วกว่าเมืองไทยราว 1 ชั่วโมง เรือภาณุนีแล่นพาพวกเรามาจอดลอยลำแล้วถ่ายลงเรือยางแล่นเข้ามายังจุดที่เรียกว่า “ แมนดารินพอย์ท ” หรือชื่อเรียกภาษาท้องถิ่นว่า Batuaugus ซึ่งเรากำลังจะลงดำน้ำกันที่นั่น เพราะบริเวณนั้นกำลังจะกลายเป็นโมงยามแห่งความรักอันหวานชื่นของเหล่า แมนดาริน ปลาขนาดเล็กที่ได้ชื่อว่าเป็นปลาที่สวยงามที่สุดในแนวปะการัง มันเป็นวันที่ 3 แล้วที่พวกเรามาลงดำยามโพล้เพล้กันที่นี่ จุดดำน้ำที่ตั้งอยู่ริมปากคลองซึ่งใต้ผืนน้ำมีลักษณะเป็นหลุมกว้างขนาดราวสัก 10 ตารางเมตรความลึกราว 8 เมตรจากผิวน้ำ พื้นทะเลรอบบริเวณเป็นเศษปะการังแข็งที่แตกหักทับถมกันมองรอบข้างแทบจะไม่มีอะไรให้ดูหรือแม้กระทั่งฝูงปลาที่เคยพบเห็นตามแนวปะการังโครงสร้างแข็งทั่ว ๆ ไป ก็ไม่มีให้เห็น บรรยากาศเมื่อแรกลงไปเหมือนราวกับไม่มีอะไรน่าสนใจให้ดูให้ชม เหมือนลงดำกันในซากแนวปะการังร้างที่ถูกทำลาย เป็นแนวปะการังที่ตายแล้วแตกหักระเกะระกะ บรรยากาศรอบข้างจึงดูเหมือนเรากำลังลงดำกันในสุสานปะการังไม่มีผิด เมื่อดำลงไปถึงพื้น หลังจากนั่งคุกเข่านิ่ง ๆ กวาดสายตาไปตามพื้นปะการังแตกหักอยู่ชั่วครู่ ผมก็เริ่มพบกับกับบางสิ่งที่เคลื่อนไหว มันเป็นปลาขนาดเล็กลำตัวขนาดเท่านิ้วก้อย ยาวราว 4-5 เซนติเมตร เริ่มคืบคลานออกมาจากใต้ซอกหลืบของปะการังแตกหัก มันเป็นปลาแมนดาริน ( Mandarinfishs ) ปลาขนาดเล็กในตระกูลปลามังกรจิ๋ว ( Dragonets ) ปลาขนาดเล็กที่ชอบคืบคลานอยู่ตามพื้นปะการังแตกหัก ชอบเก็บกินเศษอาหารจำพวกฟองน้ำและสาหร่ายขนาดเล็กตามพื้นเป็นอาหาร แมนดารินนับเป็นปลาที่มีลวดลาย สีสันบนลำตัวสวยงามที่สุดในบรรดาปลาในแนวปะการังก็ว่าได้ โดยมันมีลำตัวสีเหลืองมีลายคาดสีเขียวสดใสพาดไปทั่วลำตัว บางช่วงเป็นลาดจุดกลมสีเขียว มีครีบใต้ลำตัว และครีบหางกลมมนบาง ๆ พลิ้วไหวอย่างงดงาม ครีบกระโดงหลังสามารถจะตั้งขึ้นมาราวกับธงทิว สีสันและลวดลายบนลำตัวของมันดูคล้ายกับชุดเครื่องแต่งกายของชาวจีน นั่นจึงน่าจะเป็นที่มาของชื่อ “ ปลาแมนดาริน ” ปลาในตระล Dragonets นั้นจะมีพฤติกรรมการสืบสานเผ่าพันธุ์ที่เป็นเอกลักษณ์ คือในช่วงพลบค่ำ ของทุก ๆ วัน เจ้าปลา Dragonets ทั้งปลาแมนดารินและ Dragonets พันธุ์อื่น ๆ จะทำการจับคู่ผสมพันธุ์ และทำการวางไข่โดยจะปล่อยไข่ที่ผสมแล้วล่องลอยไปตามกระแสน้ำ การผสมพันธุ์วางไข่แทบทุกวันถี่ยิบเช่นนี้ ก็คงเป็นวิธีหนึ่งที่จะทำให้เผ่าพันธุ์อยู่รอดได้ในท้องทะเลอันกว้างใหญ่ เพราะไข่ที่ถูกผสมแล้วและล่องลอยไปกับกระแสน้ำนั้น นับเป็นอาหารอันโอชะของบรรดาปลาและสัตว์ทะเลอื่น ๆ โอกาสที่ไข่จะเหลือรอดและฟักออกเป็นตัวนั้นน้อยเต็มที การใช้วิธีวางไข่เพียงครั้งละ 20-30 ฟองแต่ใช้ความถี่ในการวางไข่แทบทุกวันในยามพลบค่ำนั้นก็อาจเป็นเป็นหนทางรอดอย่างหนึ่งของเผ่าพันธุ์ตามวิถีทางที่ธรรมชาติได้กำหนดไว้ แหล่งดำน้ำลงไปชมกิจกรรมลับเฉพาะของปลาแมนดารินนอกจากที่ช่องแคบเลมเบห์ ในอินโดนีเซียแล้ว จุดที่นักดำน้ำนิยมไปดำดูกันมากๆอีกแห่งหนึ่งก็คือที่เกาะมาบูล เกาะเล็กๆใกล้เกาะสิปาดัน ประเทศมาเลเซีย ซึ่งที่นั่นทุกยามพลบค่ำนักดำน้ำก็จะเตรียมแต่งชุดดำน้ำ เดินลงไปดำดูกันแถวๆ สะพานท่าเรือนั่นเอง ด้วยลักษณะของปลาแมนดารินนั้น เป็นปลาที่อาศัยอยู่ในเขตที่มีปะการังโครงสร้างแข็งตามหมู่เกาะในทะเลนอกชายฝั่งทะเลแถบออสเตรเลีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแปซิฟิกตะวันตก โดยเจ้าแมนดารินชอบอาศัยอยู่ในระดับน้ำตื้นๆ ซึ่งโตเต็มที่นั้นตามตำราบอกว่ามีความยาวราว 6 เซนติเมตร แต่ที่ช่องแคบเลมเบห์แห่งนี้ ผมพบปลาแมนดารินตัวผู้ที่สมบูรณ์เต็มที่ซึ่งมีขนาดใหญ่ ลำตัวยาวราว 10-12 เซนติเมตรเลยทีเดียว อาจจะเป็นไปได้ที่บริเวณช่องแคบเลมเบห์แห่งนี้ เป็นพื้นที่ ๆ น้ำทะเลใสและเป็นช่องทางที่กระแสน้ำไหลผ่าน เป็นทำเลที่มีอาหารค่อนข้างสมบูรณ์ จึงทำให้แมนดารินที่นี่มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ตัวใหญ่สีสันสวยงามสดใสจัดจ้านกว่าแถวๆ เกาะมาบูลของมาเลเซีย ส่วนในเมืองไทยเรานั้น ยังไม่มีรายงานการพบปลาแมนดารินจากนักดำน้ำและนักวิชาการอย่างเป็นทางการสักหน มีแต่หนังสือคู่มือดูปลาของฝรั่งบางเล่มที่ลงภาพและเรื่องราวของปลาแมนดาริน แล้วบรรยายใต้ภาพว่าถ่ายจากประเทศไทย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าฝรั่งมั่วนิ่มหรือ อาจจะพบจริงๆก็เป็นได้ ราว 6 โมงเศษโลกใต้ผืนน้ำเริ่มมืดลง แต่พวกเรายังคงไม่เปิดไฟฉาย แต่ใช้สายตาจ้องมองเจ้าแมนดารินคืบคลานไปมาอยู่ตามพื้น เหตุที่ต้องเพ่งมองด้วยสายตาในแสงใต้ทะเลยามพลบค่ำที่เหลืออยู่น้อยนิดก็เพราะเจ้าปลาแมนดารินนั้นเป็นปลาที่ไม่ชอบแสงสว่าง โดยในตอนกลางวันมันจะหลบอยู่ใต้ปะการังอย่างมิดชิดจนไม่มีใครเคยพบเห็น กระทั่งพลบค่ำจึงเริ่มจะออกมาคลานหากินไปตามพื้น ซึ่งการใช้ไฟฉายส่องแสงสว่างไปยังเจ้าแมนดารินนั้น จะทำให้มันหลบไม่กล้าออกมาให้เห็นเลยก็เป็นได้ พวกเราจึงต้องใช้สายตาเพ่งในแสงที่สลัว แต่ใช้เวลาปรับสายตาไม่นาน ก็สามารถจะมองเห็นความเป็นไปของเจ้าปลาตัวจิ๋วนี้ได้ พอโลกใต้ทะเลเริ่มสลัวเจ้าแมนดารินก็เริ่มออกเดินไปมาให้เห็น ซึ่งหากเพียงแค่ออกมาเดินเล่นตามพื้นเท่านั้นเราคงไม่มาเฝ้าดูถึง 3 วันซ้อนอย่างนี้ สิ่งที่เร้าความสนใจและทำให้คุณจักริน กิตติสารแห่งเรือภาณุนีต้องพาเรามาเฝ้าเก็บภาพที่นี่ทุกวันก็คือ ในช่วงพลบค่ำ เจ้าปลาแมนดารินจะมีกิจกรรมจับคู่ผสมพันธุ์และวางไข่ ซึ่งเป็นกิจกรรมสำคัญที่สุดในชีวิตเจ้าปลาแมนดาริน ( ผมหมายถึงการวางไข่ ) โดยกิจกรรมจะเริ่มจากแมนดารินตัวผู้ซึ่งตัวใหญ่กว่าและมีครีบที่สวยงามกว่า จะเริ่มเดินมาป้วนเปี้ยนอยู่แถว ๆ หน้าบ้านของแมนดารินสาว หากสาวเจ้าถูกใจก็จะออกมาเดินเล่นด้วย ต้องขอใช้คำว่าเดินครับเพราะแม้นจะมีครีบว่ายน้ำได้ แต่มันก็ชอบที่จะใช้ครีบใต้ลำตัวกระดึบเดินไปตามพื้น ปลาหนุ่มจะเดินตามติดปลาสาว เค้าเคลียกันไม่ยอมห่าง โลกใต้น้ำยามนั้นเหมือนเป็นสีชมพู เพราะรอบบริเวณนั้นจะมีแมนดารินนับสิบคู่ คลอเคลียกันอย่างหวานชื่น จนต้องขอเตือนว่านักดำน้ำที่เพิ่งอกหักหรือผิดหวัง ควรใช้วิจารณญาณในการลงไปชม เพราะอาจจะเป็นอันตรายต่อสภาพจิตใจได้ ในขณะที่ทั้งคู่เดินเกี้ยวพาราสีกันนั้น หากมีแมนดารินหนุ่มอีกตัวที่ยังหาคู่ไม่ได้เข้ามาป้วนเปี้ยนเป็นมือที่สาม ก็แน่นอนว่างานนี้ต้องมีการวางมวยกันเกิดขึ้น ( เอ…พฤติกรรมคุ้นๆ ) ฉากศึกหน้านางการปะลองกำลังกันของแมนดารินหนุ่มนั้นน่าดูน่าชมยิ่ง เพราะแต่ละตัวจะกางครีบ ตั้งกระโดงบนหลังเพื่อข่มขู่กันราวกับขุนพลงิ้วออกศึก จากนั้นก็จะจู่โจมเข้าหากัน กระทั่งตัวหนึ่งตัวใดยอมพ่ายแพ้หนีจากไป ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นการขู่กันมากกว่าที่จะเอาเป็นเอาตาย เพราะหากมัวแต่กัดกันให้ตายไปข้างหนึ่ง หันกลับมาอีกทีสาวเจ้าก็อาจจะสะบัดครีบเดินจากไปหาปลาหนุ่มตัวอื่นที่ถือคติชอบวิวาห์มากกว่าวิวาทแทน ก็จะอดเสียทั้งคู่ และเจ็บตัวเสียเปล่า ๆ เมื่อเดินคลอเคลียเกี้ยวพาราสีกันจนความรักสุกงอม ช่วงนี้ช่างภาพก็จะต้องจับจ้องตาไม่กระพริบ เพราะช่วงเวลาสำคัญที่สุดใกล้จะมาถึง โดยปลาแมนดารินทั้งคู่จะเดินเข้ามาใกล้จนลำตัวแนบชิดติดกัน จากนั้นทั้งคู่จะพร้อมใจกันใช้ครีบข้างลำตัวและครีบหางโบกพลิ้วยกตัวลอยขึ้นมาจากพื้นสู่กลางมวนน้ำในแนวดิ่ง ลำตัวทั้งคู่แนบนิ่งผสานกันเป็นหนึ่งเดียว เคลื่อนไหวเพียงครีบเท่านั้นเหมือนการล่องลอยสู่สรวงสวรรค์ เมื่อลอยขึ้นมาสูงจากพื้นราว 1 ฟุต แมนดารินสาวก็จะปล่อยไข่ซึ่งมีลักษณะเป็นฟองใสเรียงต่อกันเป็นลูกโซ่ราว 20 - 30 ฟองออกมาในขณะที่แมนดารินหนุ่มก็จะปล่อยเชื้อออกมาผสมกับไข่ จากนั้นทั้งคู่ก็จะผละจากกันดิ่งลงสู่พื้นอย่างรวดเร็ว ไข่ที่ได้รับการผสมก็จะล่องลอยไปในห้วงน้ำรอการฟักออกมาเป็นแมนดารินตัวน้อย ๆ ต่อไป ช่วงเวลานับจากที่ทั้งคู่เริ่มลอยตัวขึ้นกลางน้ำจนผละจากกันนั้นเกิดขึ้นในเวลาสั้น ๆ เพียงไม่ถึง 10 วินาที การจับภาพช่วงเวลาสำคัญนี้จึงเป็นงานที่ยากยิ่งสำหรับช่างภาพใต้น้ำทั้งหลาย จึงทำให้พวกเราต้องมาดำซ้ำกันจุดนี้ถึง 3 วัน หลังจากกิจกรรมที่สำคัญแห่งชีวิตและเผ่าพันธุ์เสร็จสิ้นลง เพื่อนนักดำน้ำบางคนยังแอบสังเกตเห็นว่า ปลาหนุ่มและแมนดารินสาว ยังเดินมาจุมพิตกันก่อนจาก ช่างเป็นภาพที่สุดแสนจะโรแมนติกอะไรเช่นนั้น

0 ความคิดเห็น:

รวมสาวสวยมากมาย

ข้อมูลนก

ปลาสวยงาม-ตู้ปลาสวยงาม-ข้อมูลปลาทะเล

อาหารสมอง-วาไรตี้

เรื่องขำขัน

สูตรอาหาร-อาหารน่ากิน-ขนมหวานน่าอร่อย

ภาพปริศนา